เหตุแทงกันบนรถไฟเคมบริดจ์ 10 ชีวิตระทึกขวัญ จับ 2 ผู้ต้องสงสัย สะท้อนวิกฤต “อาชญากรรมมีด” และรอยร้าวความปลอดภัยสาธารณะในอังกฤษ

เหตุแทงกันบนรถไฟเคมบริดจ์

ลอนดอน/เคมบริดจ์ – การเดินทางกลับบ้านยามค่ำคืนอันเงียบสงบได้แปรเปลี่ยนเป็นฉากแห่งความโกลาหลและสยองขวัญ เมื่อเกิดเหตุ เหตุแทงกันบนรถไฟเคมบริดจ์ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 10 ราย ในจำนวนนี้หลายคนมีอาการสาหัส เหตุการณ์ดังกล่าวจบลงด้วยการจับกุมผู้ต้องสงสัย 2 คน หลังจากการปิดล้อมและปฏิบัติการอย่างรวดเร็วของ ตำรวจคมนาคมอังกฤษ (British Transport Police – BTP) เหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงอาชญากรรมที่เกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยว แต่ได้จุดชนวนการถกเถียงระดับชาติครั้งใหม่ และตอกย้ำความกังวลที่คุกรุ่นอยู่ในสังคมอังกฤษ เกี่ยวกับ “วิกฤตอาชญากรรมมีด” (Knife Crime Crisis) ที่แพร่ระบาด และท้าทายความเชื่อมั่นต่อ ความปลอดภัยขนส่งสาธารณะ อย่างรุนแรง

UK police arrest 2 over mass train stabbing that injured 10 | Daily Sabah

ลำดับเหตุการณ์ ความโกลาหลบนขบวนรถไฟสายเคมบริดจ์เชอร์

เหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวนี้เริ่มต้นขึ้นในช่วงค่ำของวันที่ 3 พฤศจิกายน 2025 (ตามเวลาท้องถิ่น) บนขบวนรถไฟโดยสารที่กำลังมุ่งหน้าเข้าใกล้เมืองเคมบริดจ์ ซึ่งเป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกและปกติแล้วขึ้นชื่อเรื่องความสงบสุข

จากการทะเลาะวิวาท สู่การนองเลือด

รายงานเบื้องต้นจากผู้เห็นเหตุการณ์และแหล่งข่าวใน BTP ชี้ว่า เหตุการณ์เริ่มต้นจากการทะเลาะวิวาทอย่างรุนแรงระหว่างกลุ่มบุคคลบนรถไฟ ก่อนที่จะบานปลายอย่างรวดเร็วจนมีการใช้อาวุธมีด

“ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก” พยานผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่ง (ไม่ประสงค์ออกนาม) ให้สัมภาษณ์กับ BBC “มีเสียงตะโกนโหวกเหวก แล้วก็มีคนเริ่มกรีดร้องว่า ‘เขามีมีด!’ ผู้คนต่างวิ่งหนีตายไปยังตู้โดยสารอื่น มันคือฝันร้ายชัดๆ”

ผู้โดยสารบนขบวนรถได้พยายามแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่อย่างสิ้นหวังผ่านระบบฉุกเฉินบนรถไฟ และโทรศัพท์แจ้งตำรวจในขณะที่รถไฟยังคงเคลื่อนที่

ปฏิบัติการรวบตัวที่สถานี BTP เข้าคลี่คลายสถานการณ์

เมื่อรถไฟมาถึงสถานีถัดไป (ซึ่งแหล่งข่าวยังคงสับสนระหว่างสถานีเคมบริดจ์หลัก หรือสถานีย่อยในบริเวณใกล้เคียงเช่น วอเตอร์บีช) ขบวนรถได้ถูก “ล็อกดาวน์” ทันที โดยมีเจ้าหน้าที่ BTP พร้อมอาวุธและสุนัขตำรวจ รอรับอยู่ที่ชานชาลา

สำนักข่าว AP รายงานว่า ปฏิบัติการเป็นไปอย่างตึงเครียด เจ้าหน้าที่ได้บุกเข้าไปในตู้โดยสารที่มีปัญหา และสามารถควบคุมตัว จับผู้ต้องสงสัย 2 คน ได้ในที่เกิดเหตุ พร้อมยึดอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุได้หลายเล่ม

“นี่เป็นปฏิบัติการที่ซับซ้อนและอันตราย” ผู้บัญชาการจาก BTP กล่าวในแถลงการณ์ “เจ้าหน้าที่ของเราแสดงความกล้าหาญอย่างยิ่งในการเข้าเผชิญเหตุและควบคุมสถานการณ์ ป้องกันไม่ให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม”

UK train stabbing leaves 10 in hospital, nine with life-threatening injuries,  police say - ABC News

บาดแผลจากคมมีด สรุปผู้บาดเจ็บ และการสืบสวนเบื้องต้น

ผลลัพธ์ของความรุนแรงในครั้งนี้คือ รถไฟเคมบริดจ์ บาดเจ็บ 10 ราย บริการรถพยาบาลฉุกเฉินแห่งชาติ (NHS Ambulance Service) รวมถึงเฮลิคอปเตอร์พยาบาล (Air Ambulance) ถูกเรียกไปยังที่เกิดเหตุ เพื่อลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล

อาการผู้บาดเจ็บและการตอบสนองทางการแพทย์

โฆษกบริการรถพยาบาลยืนยันว่า ผู้บาดเจ็บ 3 ราย มีอาการสาหัสจากบาดแผลถูกแทง แต่ยังทรงตัว ส่วนอีก 7 ราย ได้รับบาดเจ็บในระดับปานกลางถึงเล็กน้อย ซึ่งรวมถึงบาดแผลฉีกขาดและรอยฟกช้ำจากการพยายามหลบหนี

ภาพข่าวที่เผยแพร่โดยสื่อท้องถิ่น แสดงให้เห็นความโกลาหลบริเวณสถานีรถไฟ อุปกรณ์การแพทย์ฉุกเฉิน และผู้โดยสารที่อยู่ในอาการตื่นตระหนก ถูกอพยพออกมายังจุดปลอดภัย

“ไม่ใช่การก่อการร้าย” – BTP ชี้แจงปมสังหาร

ท่ามกลางความหวาดกลัวของสาธารณชนว่าเหตุการณ์นี้อาจเชื่อมโยงกับการก่อการร้าย ตำรวจคมนาคมอังกฤษ (BTP) ได้ออกแถลงการณ์อย่างรวดเร็วเพื่อลดความตึงเครียด

“ณ จุดนี้ เราขอยืนยันว่า เหตุการณ์ ไล่แทง บนรถไฟ อังกฤษ ครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย (Not being treated as terror-related)” แถลงการณ์ระบุ “เราเชื่อว่านี่เป็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเฉพาะกลุ่ม และผู้ก่อเหตุรู้จักกับเหยื่อบางส่วน”

การตัดประเด็นก่อการร้ายออกไป ทำให้การสืบสวนมุ่งเน้นไปที่ สาเหตุการแทงกันบนรถไฟ ล่าสุด ว่ามีต้นตอมาจากความขัดแย้งส่วนตัว, ปัญหาแก๊งอาชญากรรม หรือการทะเลาะวิวาทที่ควบคุมไม่อยู่ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเชื่อมโยงกลับไปยังปัญหาใหญ่ในสังคมอังกฤษ นั่นคือ “อาชญากรรมมีด”

เจาะบริบทสังคม ทำไม “อาชญากรรมมีด” จึงเป็นวิกฤตไม่รู้จบของอังกฤษ?

การที่เหตุการณ์สะเทือนขวัญเช่นนี้เกิดขึ้นได้บนระบบขนส่งสาธารณะที่ควรจะปลอดภัย สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ฝังรากลึกในสังคมสหราชอาณาจักร

สถิติที่น่าตกใจ วัฒนธรรมการพกมีด

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (Office for National Statistics – ONS) ของอังกฤษและเวลส์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่ากังวลของอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับมีด (Knife-enabled crime)

  • ความชุก แม้ว่าสถิติล่าสุดอาจมีการแกว่งตัว แต่จำนวนเหตุการณ์ที่ใช้อาวุธมีดในการก่ออาชญากรรมรุนแรง การปล้น และการทำร้ายร่างกาย ยังคงสูงอย่างน่าใจหาย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนชาย
  • ทำไมต้องเป็นมีด? แตกต่างจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรมีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดมากที่สุดในโลก ทำให้ “มีด” ซึ่งหาได้ง่ายและพกพาสะดวก กลายเป็นอาวุธหลักที่ถูกเลือกใช้ในการก่อความรุนแรงบนท้องถนน

รากเหง้าของปัญหา ความยากจน, แก๊ง และโซเชียลมีเดีย

นักอาชญวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ในอังกฤษ ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยซับซ้อนที่อยู่เบื้องหลังวิกฤตนี้

  1. ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ พื้นที่ที่มีอัตราอาชญากรรมมีดสูง มักเป็นพื้นที่ที่มีความยากจนสูง ขาดโอกาสทางการศึกษา และการจ้างงาน
  2. วัฒนธรรมแก๊ง (Gang Culture) ในหลายเมืองใหญ่ การพกมีดถูกมองว่าเป็น “ความจำเป็น” เพื่อการป้องกันตัว หรือเพื่อสร้างสถานะในกลุ่มแก๊งคู่อริ
  3. โซเชียลมีเดีย การทะเลาะวิวาทในโลกออนไลน์ (Online disputes) มักบานปลายอย่างรวดเร็วและนำไปสู่การนัดหมายเพื่อใช้ความรุนแรงในโลกแห่งความเป็นจริง
  4. การตัดงบประมาณบริการเยาวชน การที่รัฐบาลตัดลดงบประมาณสำหรับศูนย์เยาวชน (Youth Centres) และโครงการทางสังคมในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำให้เยาวชนที่เปราะบางขาด “พื้นที่ปลอดภัย” และหันไปหาการรวมกลุ่มบนท้องถนน

เหตุการณ์ที่ เคมบริดจ์เชอร์ แม้จะเป็นเมืองที่ดูมั่งคั่ง แต่ก็ไม่ได้มีภูมิคุ้มกันจากปัญหาระดับชาตินี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวิกฤตนี้ได้แพร่กระจายออกจากใจกลางเมืองใหญ่แล้ว

UK train stabbing leaves 10 in hospital, nine with life-threatening injuries,  police say - ABC News

ความปลอดภัยขนส่งสาธารณะสั่นคลอน ประชาชนยังเชื่อมั่นในรถไฟอังกฤษได้หรือไม่?

หัวใจสำคัญอีกประการหนึ่งของเหตุการณ์นี้ คือมันเกิดขึ้นใน “พื้นที่ปิด” อย่างตู้รถไฟ ซึ่งผู้โดยสารไม่มีทางหนี นี่คือการโจมตีความรู้สึกปลอดภัยในชีวิตประจำวันโดยตรง

BTP ยืนยัน “เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นน้อยมาก”

ตำรวจคมนาคมอังกฤษ (BTP) พยายามอย่างหนักที่จะสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา พวกเขายืนยันว่าระบบรถไฟของอังกฤษยังคงเป็นหนึ่งในรูปแบบการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุด

“การเดินทางหลายล้านเที่ยวเกิดขึ้นทุกวันโดยไม่มีเหตุการณ์ใดๆ” BTP กล่าวย้ำ “เหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้นน้อยมาก (Extremely rare) แต่เมื่อมันเกิดขึ้น เราจะจัดการอย่างเด็ดขาด”

BTP อ้างอิงสถิติอาชญากรรมบนเครือข่ายรถไฟ ซึ่งเมื่อเทียบกับจำนวนผู้โดยสารแล้ว อัตราการเกิดเหตุรุนแรงยังคงต่ำมาก อย่างไรก็ตาม “สถิติ” มักไม่สามารถปลอบโยน “ความรู้สึก” ของสาธารณชนได้

ช่องโหว่ของมาตรการความปลอดภัยรถไฟอังกฤษ

คำถามที่ตามมาคือ มาตรการความปลอดภัยรถไฟอังกฤษ เพียงพอหรือไม่?

  • การตรวจจับอาวุธ แตกต่างจากสนามบิน ระบบรถไฟของอังกฤษเป็นระบบ “เปิด” ไม่มีการสแกนร่างกายหรือกระเป๋าของผู้โดยสารทุกคนก่อนขึ้นรถไฟ การทำเช่นนั้นถูกมองว่าเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติสำหรับระบบที่รองรับคนหลายล้านคนต่อวัน และจะทำลายประสิทธิภาพของการเดินทางโดยรถไฟ
  • CCTV และเจ้าหน้าที่ แม้ว่าจะมีกล้องวงจรปิด (CCTV) อยู่แทบทุกจุด และมีเจ้าหน้าที่ BTP ประจำการตามสถานีหลัก แต่พวกเขาไม่สามารถอยู่บนรถไฟทุกขบวน ทุกตู้โดยสารได้
  • การพึ่งพาผู้โดยสาร ระบบความปลอดภัยในปัจจุบัน พึ่งพาการแจ้งเหตุจากผู้โดยสาร (เช่น การส่งข้อความไปที่ BTP หรือการกดปุ่มฉุกเฉิน) ซึ่งอาจไม่ทันท่วงทีเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน

เสียงสะท้อนทางการเมืองและอนาคตของการป้องกัน

เหตุการณ์ เหตุแทงกันบนรถไฟเคมบริดจ์ ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แดเนียล ไซช์เนอร์ (Daniel Zeichner) สมาชิกรัฐสภา (MP) ของเคมบริดจ์ ได้ออกมาแสดงความตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ผมรู้สึกตกใจอย่างยิ่งกับเหตุการณ์รุนแรงบนรถไฟในเขตเลือกตั้งของผม” เขาทวีต “ขอส่งกำลังใจไปยังผู้บาดเจ็บและครอบครัว ขอบคุณ BTP และบริการฉุกเฉินที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เราต้องจัดการกับต้นตอของอาชญากรรมมีดอย่างจริงจัง”

รัฐบาลอังกฤษกำลังเผชิญแรงกดดันให้เพิ่มมาตรการ “Stop and Search” (การเรียกตรวจค้นโดยตำรวจ) ซึ่งเป็นนโยบายที่มีข้อถกเถียงสูง โดยฝ่ายสนับสนุนมองว่าจำเป็นต่อการยึดอาวุธจากท้องถนน ขณะที่ฝ่ายค้านมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติและสร้างความแตกแยกกับชุมชน

บทสรุป แผลเป็นที่เคมบริดจ์ และการต่อสู้ที่ยังไม่จบ

การจับกุมผู้ต้องสงสัย 2 คน ที่เคมบริดจ์ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการยุติธรรม แต่แผลเป็นทางใจของผู้โดยสาร 10 คน และความหวาดกลัวของสาธารณชนจะยังคงอยู่

เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเครื่องย้ำเตือนอันเจ็บปวดว่า เกิดอะไรขึ้นบนรถไฟที่เคมบริดจ์ ไม่ใช่ปัญหาของเคมบริดจ์เท่านั้น แต่เป็นอาการป่วยเรื้อรังของสังคมอังกฤษ

ในขณะที่การสืบสวนยังคงดำเนินต่อไป BTP ได้ประกาศเพิ่มการลาดตระเวนที่มองเห็นได้ชัดเจน (High-visibility patrols) ทั่วเครือข่ายรถไฟในเคมบริดจ์เชอร์และพื้นที่โดยรอบ เพื่อสร้างความมั่นใจ แต่สำหรับชาวอังกฤษจำนวนมาก คำถามยังคงแขวนอยู่กลางอากาศว่า เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาก้าวขึ้นรถไฟขบวนถัดไป พวกเขาจะปลอดภัยอย่างแท้จริงได้หรือไม่ จนกว่าวิกฤต “อาชญากรรมมีด” นี้จะถูกแก้ไขที่รากเหง้าของมัน

แหล่งที่มาจาก : am2con