ฝนถล่มเคนยา ยอดดับ 21 ศพ สัญญาณเตือนภัยพิบัติ “เส้นหน้า” วิกฤตสภาพอากาศแอฟริกาตะวันออก

ฝนถล่มเคนยา

ไนโรบี, เคนยา – เคนยากำลังเผชิญกับโศกนาฏกรรมทางมนุษยธรรมครั้งรุนแรง หลังฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจนมิอาจต้านทานได้ ก่อให้เกิดอุทกภัยฉับพลันและดินถล่มรุนแรงในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้วพุ่งสูงถึง 21 ศพ และยังมีผู้สูญหายอีกอย่างน้อย 30 คน ท่ามกลางความโกลาหลและการแข่งกับเวลาของทีมกู้ภัย เหตุการณ์ ฝนถล่มเคนยา ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นตามฤดูกาล แต่เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนและเจ็บปวดของ “แนวหน้า” (Frontline) ของการต่อสู้กับ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่แอฟริกาตะวันออกกำลังเผชิญหน้าอย่างโดดเดี่ยว สถานการณ์ล่าสุดนี้ตอกย้ำถึงความเปราะบางอย่างยิ่งยวดของโครงสร้างพื้นฐานและชีวิตผู้คน เมื่อต้องรับมือกับสภาพอากาศสุดขั้วที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี

21 dead, 30-plus missing in Kenya landslide

เสียงกรีดร้องท่ามกลางสายฝน สรุปสถานการณ์ดินถล่ม และตัวเลขความสูญเสีย

เหตุการณ์เลวร้ายปะทุขึ้นในช่วง 48-72 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือบริเวณหุบเขาเกรตริฟต์ (Great Rift Valley) และพื้นที่สูงตอนกลางของประเทศ ซึ่งเป็นจุดที่ภูมิประเทศมีความลาดชันสูง เมื่อมวลน้ำมหาศาลจากฝนที่ตกสะสมเทกระหน่ำลงมา ดินที่อุ้มน้ำจนชุ่มโชกก็ไม่สามารถยึดเกาะต่อไปได้อีก

พยานผู้เห็นเหตุการณ์ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตเวสต์ โปคอต (West Pokot) เล่าถึงช่วงเวลาที่มวลดินและโคลนถล่มลงมาในยามค่ำคืนว่าเปรียบเสมือน “เสียงคำรามของอสูรร้าย”

“เราได้ยินเสียงดังลั่นเหมือนฟ้าร้อง แต่ไม่ใช่ มันคือภูเขาทั้งลูกที่กำลังเคลื่อนตัว” อ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของชาวบ้านผู้รอดชีวิตกับสื่อท้องถิ่น “ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก บ้านเรือนถูกซัดหายไปในพริบตา”

ตัวเลขอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติเคนยา (NDMU) และ กาชาดเคนยา (Kenya Red Cross) ยืนยันยอด ผู้เสียชีวิตน้ำท่วมเคนยา ที่ 21 ราย แต่ตัวเลขนี้คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากยังมีผู้สูญหายอีกกว่า 30 คน ที่การค้นหายังคงดำเนินไปอย่างยากลำบาก

พื้นที่วิกฤต ไนโรบี และหุบเขาริฟต์

แม้ว่าพื้นที่ชนบทในหุบเขาริฟต์จะเผชิญกับ ดินถล่มเคนยา โดยตรง แต่ในเมืองหลวงอย่าง ไนโรบี (Nairobi) สถานการณ์ก็เลวร้ายไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในย่านชุมชนแออัด (Informal Settlements) เช่น คิเบรา (Kibera) และมาธาเร (Mathare) ซึ่งตั้งอยู่ริมตลิ่งแม่น้ำไนโรบี

ภาพข่าวจากสำนักข่าว AP และ Reuters แสดงให้เห็นสภาพบ้านเรือนที่สร้างจากสังกะสีและไม้ ถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากพัดพาไป ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพหนีตายขึ้นไปยังที่สูง โดยที่ระบบระบายน้ำของเมืองหลวงไม่สามารถรับมือกับปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างบ้าคลั่งได้เลย นี่คือภาพสะท้อนของความเปราะบางทางสังคมและเศรษฐกิจ ที่ซึ่งคนจนคือผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดเสมอ

การแข่งกับเวลา ปฏิบัติการกู้ภัยและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

ณ วินาทีนี้ ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยกำลังดำเนินไปอย่างเต็มกำลัง ท่ามกลางอุปสรรคสำคัญคือสภาพอากาศที่ยังคงเลวร้ายและเส้นทางคมนาคมที่ถูกตัดขาด

กาชาดเคนยา และกองทัพ นำทัพฝ่าโคลน

สภากาชาดเคนยาได้กลายเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานภาคพื้นดิน โดยได้จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวหลายแห่ง และระดมทีมค้นหาพร้อมสุนัขดมกลิ่นเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตที่อาจติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังและกองโคลน

“ภารกิจของเราตอนนี้คือการช่วยชีวิต ค้นหาผู้สูญหาย และมอบ ความช่วยเหลือมนุษยธรรม เคนยา ที่จำเป็นเร่งด่วนที่สุด” โฆษกกาชาดเคนยากล่าว “เราต้องการผ้าห่ม อาหารสะอาด และยารักษาโรคอย่างเร่งด่วน”

รัฐบาลเคนยา โดยประธานาธิบดีวิลเลียม รูโต ได้สั่งการให้กองทัพ (Kenya Defence Forces – KDF) ส่งเฮลิคอปเตอร์เข้าสู่พื้นที่ประสบภัยเพื่ออพยพประชาชนและส่งมอบความช่วยเหลือทางอากาศ อย่างไรก็ตาม สะพานหลายแห่งถูกทำลายและถนนหลายสายจมอยู่ใต้น้ำ ทำให้การเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลเป็นไปด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง

21 dead, 30 missing in Kenya landslide: minister | Arab News

เสียงเรียกร้องจากผู้พลัดถิ่น “เราไม่เหลืออะไรเลย”

ในศูนย์พักพิงชั่วคราวที่แออัดไปด้วยผู้รอดชีวิตหลายหมื่นคน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ผู้ประสบภัยส่วนใหญ่หนีออกมาได้เพียงเสื้อผ้าชุดเดียวที่สวมใส่อยู่

“น้ำมาตอนตีสาม เราคว้าได้แค่ลูก” หญิงคนหนึ่งในศูนย์พักพิงเล่าทั้งน้ำตา “บ้านของเรา ทรัพย์สินของเรา ทุกอย่างที่เรารัก…มันจมอยู่ใต้โคลนหมดแล้ว”

สถานการณ์ด้านสาธารณสุขกำลังเป็นที่น่ากังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากระบบประปาถูกทำลาย แหล่งน้ำปนเปื้อน และมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการระบาดของโรคอหิวาตกโรคและโรคอื่นๆ ที่มากับน้ำ

เจาะลึกต้นตอ นี่ไม่ใช่แค่ “ฝนตามฤดูกาล” แต่คือ “วิกฤตสภาพอากาศ”

ในขณะที่การกู้ภัยกำลังดำเนินไป คำถามสำคัญที่ดังก้องไปทั่วโลกคือ สาเหตุดินถล่มในเคนยา ครั้งนี้รุนแรงกว่าปกติเพราะเหตุใด? ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิอากาศต่างชี้ไปที่ปัจจัยซ้อนเร้นที่อันตรายยิ่งกว่าแค่พายุฝน

ปรากฏการณ์ “ฝนยาว” (Long Rains) ที่ถูกซูเปอร์ชาร์จ

เคนยาและ แอฟริกาตะวันออก กำลังอยู่ในช่วง “ฤดูฝนยาว” (Long Rains) ซึ่งปกติจะเกิดขึ้นระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ศูนย์พยากรณ์และประยุกต์ด้านสภาพอากาศ (ICPAC) ซึ่งเป็นหน่วยงานของกลุ่มประเทศแอฟริกาตะวันออก (IGAD) ได้เตือนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ฤดูฝนปีนี้จะ “เปียกชื้นกว่าปกติอย่างมีนัยสำคัญ”

ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิด เคนยาฝนตกหนัก ผลกระทบ รุนแรง มาจากการผสานกำลังของสองปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ทรงพลัง

  1. เอลนีโญ (El Niño) แม้ว่าปรากฏการณ์เอลนีโญกำลังจะอ่อนกำลังลง แต่ผลกระทบที่ทิ้งไว้คือการทำให้อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกอุ่นขึ้น ส่งผลกระทบต่อรูปแบบสภาพอากาศทั่วโลก รวมถึงการเพิ่มปริมาณฝนในแอฟริกาตะวันออก
  2. ปรากฏการณ์ไดโพลมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Dipole – IOD) ปัจจุบัน IOD อยู่ในสถานะ “บวก” (Positive) หมายความว่าผิวน้ำทะเลทางตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย (ใกล้กับแอฟริกา) อุ่นกว่าปกติ ทำให้อากาศลอยตัวและก่อตัวเป็นเมฆฝนปริมาณมหาศาล ส่งตรงมายังภูมิภาคนี้

เมื่อปรากฏการณ์ทั้งสองเกิดขึ้นพร้อมกัน มันจึงเปรียบเสมือนการ “ซูเปอร์ชาร์จ” ฤดูฝนปกติ ให้กลายเป็นพายุฝนระดับหายนะ

หลักฐานมัดตัว นี่คือ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”

ดร. จอยซ์ คิเลมา (Joyce Kilema) ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศจากมหาวิทยาลัยไนโรบี กล่าวกับ Al Jazeera ว่า “สิ่งที่เรากำลังเห็นไม่ใช่เรื่องปกติ นี่คือผลกระทบโดยตรงของ ภาวะโลกร้อน (Global Warming)

เธอกล่าวเสริมว่า “รายงานของ IPCC (คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ชี้ชัดมานานแล้วว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะทำให้เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว เช่น ภาวะแห้งแล้งรุนแรงสลับกับอุทกภัยรุนแรง เกิดขึ้นบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้นในแอฟริกาตะวันออก เคนยากำลังจ่ายราคาให้กับวิกฤตที่ตนเองแทบไม่ได้เป็นผู้ก่อ”

ข้อมูลจากองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ยืนยันว่า อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นทำให้น้ำในมหาสมุทรระเหยมากขึ้น และชั้นบรรยากาศสามารถอุ้มไอน้ำได้มากขึ้น เมื่อเงื่อนไขเหมาะสม มันจึงปลดปล่อยออกมาเป็นฝนที่ตกหนักทำลายสถิติ ดังเช่นที่เกิดขึ้นในเคนยาขณะนี้

Kenya Landslides Kill 21, Destroy Over 1,000 Homes Amid Heavy Rains | India  News | Zee News

ความเปราะบางที่สร้างโดยมนุษย์ ทำไมเคนยาจึงเจ็บหนัก?

ภัยพิบัติครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากฝนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดจากความเปราะบางทางสังคมและโครงสร้างพื้นฐานที่สั่งสมมานาน

การขยายตัวของเมืองที่ไร้การควบคุม

ใน ไนโรบี การอพยพย้ายถิ่นของประชากรจากชนบทเข้าสู่เมืองหลวง ทำให้เกิดการขยายตัวของชุมชนแออัดอย่างรวดเร็ว ชุมชนเหล่านี้มักถูกสร้างขึ้นในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างร้ายแรง เช่น ที่ลาดชันริมหุบเขา หรือที่ลุ่มริมตลิ่งแม่น้ำ เนื่องจากเป็นที่ดินเพียงแห่งเดียวที่พวกเขาพอจะจับจองได้

“เมื่อฝนตกลงมา” นักวิเคราะห์ผังเมืองอธิบาย “พื้นที่เหล่านี้คือจุดแรกที่จะถูกน้ำท่วมหรือดินถล่ม ระบบระบายน้ำที่เก่าแก่และไม่เพียงพอของไนโรบี ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับประชากรหลายล้านคน หรือปริมาณฝนระดับนี้”

การตัดไม้ทำลายป่า และการเกษตรที่ไม่ยั่งยืน

ในพื้นที่ชนบท โดยเฉพาะเขตที่เกิด ดินถล่มเคนยา รุนแรง การตัดไม้ทำลายป่าเพื่อเปลี่ยนเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและการใช้ที่ดินอย่างไม่เหมาะสม ได้ทำลาย “ปราการป้องกันตามธรรมชาติ”

รากของต้นไม้คือสิ่งที่ช่วยยึดเหนี่ยวหน้าดินและดูดซับน้ำฝน เมื่อป่าไม้หายไป ดินจึงขาดตัวยึดเกาะ และเมื่อฝนตกหนัก ดินจึงถล่มลงมาอย่างง่ายดาย นี่คือบทเรียนราคาแพงที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งแวดล้อม การพัฒนา และความมั่นคงของมนุษย์

มากกว่าแค่เคนยา วิกฤตระดับภูมิภาคแอฟริกาตะวันออก

โศกนาฏกรรมครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในพรมแดนเคนยา ประเทศเพื่อนบ้านใน แอฟริกาตะวันออก ต่างกำลังเผชิญชะตากรรมที่คล้ายคลึงกัน

  • แทนซาเนีย รายงานจากรัฐบาลระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยแล้วหลายสิบคนในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และประชาชนหลายแสนคนได้รับผลกระทบ
  • บุรุนดี น้ำท่วมจากทะเลสาบแทนกันยีกา (Lake Tanganyika) ที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ทำให้ประชาชนหลายหมื่นคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย
  • โซมาเลีย ประเทศที่บอบช้ำจากความขัดแย้งและภัยแล้ง กำลังเผชิญกับน้ำท่วมฉับพลันซ้ำเติมวิกฤตมนุษยธรรมที่มีอยู่เดิม

ปรากฏการณ์นี้ตอกย้ำว่าวิกฤตสภาพอากาศไม่รู้จักพรมแดน และจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระดับภูมิภาคและระดับโลกในการรับมือ

บทสรุปและแนวโน้ม อนาคตที่รออยู่บนเส้นด้าย

สถานการณ์น้ำท่วมเคนยา ล่าสุด ยังคงวิกฤต กรมอุตุนิยมวิทยาเคนยายังคงประกาศเตือนภัยฝนตกหนักต่อเนื่องในอีกหลายวันข้างหน้า หมายความว่าความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมและดินถล่มเพิ่มเติมยังคงสูงมาก

เหตุการณ์ ฝนถล่มเคนยา ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 21 ศพ และทำให้สูญหายอีก 30 คน คือโศกนาฏกรรมที่เจ็บปวด แต่มันคือภาพฉายของอนาคตที่รอ แอฟริกาตะวันออก อยู่ หากประชาคมโลกยังคงล้มเหลวในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง

โลกกำลังจับตามองว่า ความช่วยเหลือมนุษยธรรม เคนยา จากนานาชาติจะหลั่งไหลเข้ามาทันท่วงทีหรือไม่ และที่สำคัญกว่านั้น ประเทศที่ร่ำรวยซึ่งเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลัก จะให้การสนับสนุนด้าน “การสูญเสียและความเสียหาย” (Loss and Damage Fund) เพื่อช่วยให้ประเทศอย่างเคนยา ซึ่งอยู่ “แนวหน้า” ของวิกฤต สามารถปรับตัวและสร้างขีดความสามารถในการรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในอนาคตได้หรือไม่

สำหรับตอนนี้ การต่อสู้เพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตใต้กองโคลนยังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางสายฝนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก

แหล่งที่มาจาก : am2con