ปักกิ่ง, จีน หลายมณฑลสำคัญทางภาคตะวันออกและภาคกลางของจีนกำลังเผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวน โดยมี หมอกหนาทึบปกคลุมหลายมณฑลของจีน อย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิด ผลกระทบการสัญจรจีน อย่างหนัก ทั้งบนทางด่วนและท่าเรือสำคัญ สถานการณ์ดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างความตื่นตระหนกในหมู่ประชาชนที่ต้องรับมือกับทัศนวิสัยที่ต่ำกว่า 50 เมตร แต่ยังส่งสัญญาณเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงความเปราะบางของ เศรษฐกิจโลก ที่พึ่งพาเสถียรภาพด้านโลจิสติกส์ของ “โรงงานโลก” แห่งนี้
ปรากฏการณ์ หมอกหนาทึบ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวในจีนมีความสัมพันธ์โดยตรงกับ มลพิษทางอากาศจีน (Air Pollution) โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุภาคขนาดเล็ก PM2.5 ที่สะสมตัวภายใต้สภาวะความกดอากาศสูงและความชื้นสูง ทำให้หลายเมืองสำคัญทางอุตสาหกรรมต้องเข้าสู่ภาวะเฝ้าระวังสูงสุด

1. ภัยคุกคามคู่ หมอกและความหนาแน่นของมลพิษ
ในหลายเมืองของมณฑล Henan, Anhui, และ Jiangsu สถานการณ์ หมอกหนาทึบปกคลุมหลายมณฑลของจีน ได้รับการเตือนภัยในระดับสีส้มและสีแดง (ระดับสูงสุดของจีน) ซึ่งบ่งชี้ถึงทัศนวิสัยที่ลดลงอย่างน่าตกใจจนแทบมองไม่เห็น
ผลกระทบหลักต่อการขนส่ง (Transportation Impact)
- การ ปิดทางด่วน และอุบัติเหตุ หน่วยงานความมั่นคงทางการจราจรของจีนได้สั่ง ปิดทางด่วน หลายสายเป็นการชั่วคราวเพื่อป้องกันอุบัติเหตุลูกโซ่จากทัศนวิสัยต่ำ ตัวอย่างในอดีตแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่นำไปสู่การชนกันของรถยนต์จำนวนมาก (Pile-up) บนทางด่วนสำคัญ
- ท่าเรือและแม่น้ำที่ชะงักงัน การขนส่งทางน้ำในบริเวณ Yangtze River Delta ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตและการส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของจีน ได้รับ ผลกระทบการสัญจรจีน อย่างรุนแรง ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ และท่าเรือใกล้เคียงต้องใช้มาตรการควบคุมการจราจรทางน้ำอย่างเข้มงวด ทำให้เรือขนส่งสินค้า (Ocean Freight Carrier) จำนวนมากต้องล่าช้าตั้งแต่ 2-7 วันในบางกรณี การหยุดชะงักนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อห่วงโซ่อุปทานโลกที่รอคอยชิ้นส่วนและสินค้าสำเร็จรูปจากจีน
“เมื่อมีหมอกหนาจัดในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียง (Yangtze River Delta) ผลกระทบจะขยายไปทั่วโลกทันที เนื่องจากความล่าช้าที่ท่าเรือสำคัญ เช่น ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ จะทำให้ตารางเดินเรือทั่วโลกต้องรวนไปหมด” — ทัศนะจากผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์การค้า

2. มิติทางมนุษยธรรม PM2.5 และปัญหาสุขภาพ
สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่า ผลกระทบการสัญจรจีน คือประเด็นด้านสุขภาพของประชาชนหลายร้อยล้านคนที่ต้องหายใจเอาอากาศที่มีคุณภาพต่ำ
- การรวมตัวของมลพิษ สภาพอากาศที่มีหมอกหนาและไม่มีลมพัด มักมาพร้อมกับปรากฏการณ์ Temperature Inversions ซึ่งทำให้อนุภาค PM2.5 ไม่สามารถกระจายตัวออกไปได้ แต่จะถูกกักเก็บไว้ใกล้พื้นดิน ทำให้ระดับ ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) พุ่งสูงขึ้นสู่ระดับ ‘เป็นอันตรายอย่างยิ่ง’ (Severe)
- สุขภาพที่ถูกคุกคาม แม้ว่าจีนจะประกาศ “สงครามต่อมลพิษ” ตั้งแต่ปี 2013 และสามารถลดระดับ PM2.5 ได้อย่างน่าทึ่ง แต่ข้อมูลยังบ่งชี้ว่าประชาชนเกือบ 100% ของจีนยังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับมลพิษสูงกว่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) การกลับมาของ หมอกหนาทึบปกคลุมหลายมณฑลของจีน ในฤดูหนาวจึงหมายถึงการเพิ่มขึ้นของปัญหาระบบทางเดินหายใจและโรคหัวใจสำหรับประชากรกลุ่มเสี่ยง

3. แรงกดดันทางเศรษฐกิจและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม
การกลับมาของวิกฤต มลพิษทางอากาศจีน สะท้อนถึงความท้าทายในแผนระยะยาวของรัฐบาลปักกิ่งในการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการรักษาสิ่งแวดล้อม
- ความจำเป็นในการทำความร้อน ฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาที่มณฑลทางภาคเหนือและภาคกลางต้องเพิ่มการใช้พลังงานถ่านหินเพื่อการทำความร้อน (Winter Heating) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษพุ่งสูงขึ้น แม้ว่าจะมีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด แต่ความต้องการพลังงานในช่วงพีคซีซันยังคงสูงเกินกว่าที่ระบบจะรองรับได้
- การย้ายถิ่นฐานของอุตสาหกรรม รายงานบางส่วนชี้ให้เห็นว่า แม้คุณภาพอากาศในเมืองใหญ่ทางตะวันออก เช่น ปักกิ่ง จะดีขึ้น แต่ มลพิษทางอากาศจีน กลับมีการ “ย้ายถิ่นฐานไปทางตะวันตก” โดยมลฑลทางใต้และตะวันตก เช่น Guangxi และ Yunnan กลับมีระดับ PM2.5 ที่สูงขึ้น เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมบางส่วนถูกย้ายไปตั้งในพื้นที่เหล่านั้นเพื่อหลีกเลี่ยงกฎระเบียบที่เข้มงวดในเมืองใหญ่ การดำเนินการเช่นนี้จึงไม่ได้เป็นการแก้ปัญหามลพิษอย่างยั่งยืน แต่เป็นการ “ผลักภาระ” ให้กับภูมิภาคอื่นแทน
การที่ หมอกหนาทึบปกคลุมหลายมณฑลของจีน ในช่วงนี้จึงเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญสำหรับนักลงทุนและผู้วางแผนโลจิสติกส์ทั่วโลก ว่าความเสี่ยงด้านการขนส่งและความล่าช้าของซัพพลายเชนในไตรมาสสุดท้ายของปี (Q4) และไตรมาสแรกของปีถัดไปจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นที่จีนต้องหันมาให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างบูรณาการ เพื่อให้เกิดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในระยะยาว