หอคอยยุคกลางในกรุงโรมพังถล่ม โศกนาฏกรรมซ้ำซาก หรือสัญญาณเตือนภัยสุดท้ายถึงมรดกโลกที่กำลังเปราะบาง?

หอคอยยุคกลาง โรม ถล่ม

หอคอยยุคกลาง โรม ถล่ม กรุงโรม, อิตาลี – เสียงโกลาหลและความโศกเศร้าทำลายความเงียบสงบยามเช้าตรู่ของกรุงโรม เมื่อ “Torre Antica” (หอคอยโบราณ) หอคอยสังเกตการณ์ยุคกลางอายุกว่า 800 ปี ในย่านมอนติ (Monti) อันเก่าแก่ ได้พังถล่มลงมาบางส่วนอย่างไม่คาดฝัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เพียงส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บสาหัสอย่างน้อย 1 ราย และยังมีรายงานผู้สูญหายที่คาดว่าติดอยู่ภายใต้ซากปรักหักพังอีก 1-2 คน แต่ยังได้จุดชนวนคำถามสำคัญในระดับสากลว่า นี่คือโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่อ หรือคือหลักฐานล่าสุดที่ชี้ชัดว่า มรดกทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่าของโลกกำลังเผชิญกับภัยคุกคามที่รุนแรงและซับซ้อนเกินกว่าที่ระบบการอนุรักษ์ในปัจจุบันจะรับมือไหว

ปฏิบัติการกู้ภัยยังคงดำเนินไปอย่างตึงเครียด ท่ามกลางสายตาของชาวโลกที่จับจ้องไปยัง “เมืองอมตะ” แห่งนี้ พร้อมกับคำถามที่ไร้คำตอบว่า อะไรคือ สาเหตุหอคอยยุคกลางในโรมถล่ม และเราจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องประวัติศาสตร์ที่เหลืออยู่ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

Rescuers free man trapped in partly collapsed medieval tower in Rome – The  Irish Times

หอคอยยุคกลาง โรม ถล่ม นาทีต่อนาที ปฏิบัติการกู้ภัยกลางซากมรดกประวัติศาสตร์

ณ เวลาประมาณ 0430 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 1030 น. ตามเวลาประเทศไทย) ประชาชนที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงจัตุรัส Madonna dei Monti ได้ยินเสียงดังสนั่นราวกับแผ่นดินไหว ก่อนจะพบกับภาพฝุ่นควันหนาทึบและซากอิฐโบราณที่กองอยู่บนพื้นถนน

พยานผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งให้การว่า “มันเหมือนกับเสียงฟ้าร้อง แต่ดังกว่าและยาวนานกว่ามาก ผมวิ่งออกมาดูและเห็นว่าหอคอยที่ตั้งตระหง่านมาทั้งชีวิตของผมหายไปครึ่งหนึ่ง”

หน่วยดับเพลิงและกู้ภัยแห่งชาติของอิตาลี (Vigili del Fuoco) รุดมาถึงที่เกิดเหตุภายในไม่กี่นาที และเริ่มปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยทันที สถานการณ์มีความซับซ้อนอย่างยิ่งเนื่องจากโครงสร้างอาคารที่เหลืออยู่ไม่มั่นคง และอาจพังถล่มลงมาซ้ำได้ทุกเมื่อ

  • ผู้บาดเจ็บและผู้สูญหาย รายงานเบื้องต้นยืนยันพบผู้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย เป็นชายผู้อาศัยในอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ติดกับฐานหอคอย ซึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล San Giovanni Addolorata ด้วยอาการวิกฤต
  • ปฏิบัติการค้นหา ทีมกู้ภัยกำลังใช้สุนัขดมกลิ่น (K9), อุปกรณ์ฟังเสียงความถี่สูง และกล้องตรวจจับความร้อน เพื่อค้นหาผู้ที่อาจติดอยู่ภายในอย่างน้อย 1 ถึง 2 คน ซึ่งคาดว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่พักอยู่ในที่พักขนาดเล็ก (B&B) ที่ดัดแปลงจากส่วนหนึ่งของอาคารประวัติศาสตร์แห่งนี้
  • ความท้าทาย “นี่คือการทำงานแข่งกับเวลาภายใต้สภาวะที่อันตรายที่สุด” โฆษกของ Vigili del Fuoco กล่าว “เราต้องเคลื่อนย้ายเศษหินขนาดใหญ่ออกทีละชิ้นด้วยความระมัดระวังสูงสุด เพื่อไม่ให้โครงสร้างที่เหลืออยู่ยุบตัวลงมาทับทีมกู้ภัยหรือผู้รอดชีวิต”

การ เร่งช่วยคนติดภายใน กลายเป็นภารกิจหลักที่บีบคั้นหัวใจคนทั้งประเทศ ขณะที่ความหวังในการพบผู้รอดชีวิตเริ่มริบหรี่ลงทุกขณะ

“Torre Antica” พยานแห่งประวัติศาสตร์โรมที่พังทลาย

“Torre Antica” อาจไม่ใช่ หอคอยยุคกลาง โรม ที่มีชื่อเสียงที่สุดเมื่อเทียบกับ Torre delle Milizie หรือ Torre dei Conti แต่มันคือหนึ่งใน “Torri” (หอคอย) จำนวนมากที่เคยตั้งตระหง่านอยู่ในโรมยุคกลาง ซึ่งสร้างขึ้นโดยตระกูลขุนนางที่มั่งคั่งเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและการป้องกันตัว

หอคอยแห่งนี้สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 13 ในยุคที่กรุงโรมเต็มไปด้วยความขัดแย้งภายในระหว่างตระกูลต่างๆ มันผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน ตั้งแต่การล่มสลายของอำนาจพระสันตะปาปาในยุคกลาง, ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ, การรุกรานของนโปเลียน จนถึงสงครามโลกทั้งสองครั้ง

  • ความสำคัญทางสถาปัตยกรรม หอคอยนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของสถาปัตยกรรมแบบป้อมปราการยุคกลางในเขตเมือง (Urban Fortification) แม้จะมีการดัดแปลงเป็นที่พักอาศัยในศตวรรษที่ 17 แต่โครงสร้างหลักยังคงเดิม
  • ความสำคัญต่อชุมชน ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ย่านมอนติได้กลายเป็นศูนย์กลางของศิลปินและนักออกแบบ ทำให้ “Torre Antica” กลายเป็นฉากหลังอันงดงามที่ผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์และความทันสมัย การพังทลายของมันจึงเปรียบเสมือนการสูญเสียจิตวิญญาณส่วนหนึ่งของชุมชนไป

การที่ อาคารประวัติศาสตร์ถล่ม ในใจกลางเมืองหลวงเช่นนี้ ได้สร้างความตื่นตระหนกและคำถามมากมายถึงความมั่นคงของโบราณสถานอื่นๆ ที่มีอยู่ทั่วอิตาลี

Worker dies after being rescued from partially collapsed medieval tower in  Rome | Italy | The Guardian

วิเคราะห์เจาะลึก อะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของโศกนาฏกรรม?

ขณะที่ปฏิบัติการกู้ภัยยังดำเนินไป การสืบสวนหาสาเหตุของการถล่มก็ได้เริ่มต้นขึ้นทันที ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโครงสร้างและนักประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมต่างมุ่งเป้าไปที่หลายปัจจัยทับซ้อน ที่อาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้โครงสร้างอายุกว่า 800 ปีไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป

ปัจจัยสภาพอากาศสุดขั้ว ภัยคุกคามใหม่จากภาวะโลกร้อน

ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือสภาพอากาศแปรปรวนที่โจมตีอิตาลีอย่างหนักในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

“เราไม่สามารถมองข้ามผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อีกต่อไป” ดร. เอเลนา รอสซี วิศวกรโครงสร้างและผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์จากมหาวิทยาลัย Sapienza University of Rome ให้ทัศนะ “กรุงโรมเพิ่งเผชิญกับพายุฝนที่รุนแรงและปริมาณน้ำฝนที่สูงเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว น้ำฝนที่ซึมลึกเข้าไปในรอยแตกของหินปูนและอิฐโบราณ เมื่อรวมกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สามารถสร้างแรงดันภายในโครงสร้างและบั่นทอนความแข็งแรงของปูนฉาบยุคกลางได้อย่างมหาศาล”

ปรากฏการณ์ “ฝนถล่ม” นี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ความถี่และความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น กำลังกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของ การอนุรักษ์โบราณสถาน ทั่วโลก

ช่องโหว่ในการอนุรักษ์ งบประมาณที่จำกัดและระบบราชการที่ซับซ้อน

อิตาลีเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีแหล่ง มรดกโลก ของ UNESCO มากที่สุดในโลก แต่ความมั่งคั่งทางวัฒนธรรมนี้ก็มาพร้อมกับภาระอันหนักอึ้งในการบำรุงรักษา

“ปัญหาคือระบบ” มาร์โก เบลลินี นักข่าวสืบสวนที่เชี่ยวชาญด้านมรดกวัฒนธรรมอิตาลีกล่าว “อิตาลีมีกฎหมายและหน่วยงานด้านการอนุรักษ์ (Soprintendenza) ที่เข้มงวดที่สุดในโลก แต่มักจะขาดงบประมาณที่เพียงพอและติดขัดในกระบวนการราชการที่ล่าช้า”

มีรายงานว่า “Torre Antica” อยู่ในรายชื่ออาคารที่ต้องได้รับการตรวจสอบโครงสร้างอย่างเร่งด่วนมานานกว่า 2 ปี แต่กระบวนการอนุมัติงบประมาณและการประมูลงานซ่อมแซมยังไม่แล้วเสร็จ การ ตึกถล่มในอิตาลี โดยเฉพาะอาคารเก่าแก่ จึงมักถูกมองว่าเป็นโศกนาฏกรรมที่รอวันเกิดขึ้น

ภัยคุกคามจากการดัดแปลงและการสั่นสะเทือนในเมือง

อีกหนึ่งข้อสันนิษฐานที่กำลังถูกตรวจสอบอย่างหนัก คือความเป็นไปได้ของการดัดแปลงโครงสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต และผลกระทบจากการพัฒนาเมืองสมัยใหม่

  • การดัดแปลง การที่อาคารประวัติศาสตร์ถูกเปลี่ยนเป็นที่พัก B&B หรือร้านอาหาร อาจนำไปสู่การปรับปรุงที่ส่งผลกระทบต่อจุดรับน้ำหนักดั้งเดิมของอาคาร
  • การสั่นสะเทือน ย่านมอนติ แม้จะเป็นเขตเก่าแก่ แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากเส้นทางรถไฟใต้ดิน (Metro Line B) และมีการจราจรหนาแน่น การสั่นสะเทือนสะสมเป็นเวลาหลายสิบปี อาจเป็นอีกปัจจัยที่เร่งให้เกิดความเสื่อมโทรม

“การค้นหาว่า ใครติดอยู่ใต้หอคอยที่โรม เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้” อัยการผู้รับผิดชอบคดีกล่าว “แต่การค้นหาว่าใครต้องรับผิดชอบต่อการถล่มครั้งนี้ ก็สำคัญไม่แพ้กัน”

Man dies after being pulled from collapsed medieval tower in Rome

เสียงสะท้อนจากนานาชาติ “โรมกำลังสูญเสียจิตวิญญาณทีละน้อย”

เหตุการณ์ โรม หอคอยถล่ม ไม่ได้เป็นเพียงข่าวในอิตาลี แต่ยังส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก โดยเฉพาะในแวดวงนักประวัติศาสตร์และองค์กรด้านการอนุรักษ์

UNESCO ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง และเสนอความช่วยเหลือทางเทคนิคในการประเมินความเสียหายและความเสี่ยงต่ออาคารประวัติศาสตร์อื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง

“การสูญเสีย Torre Antica คือการสูญเสียที่ไม่อาจประเมินค่าได้” แถลงการณ์ระบุ “มันย้ำเตือนประชาคมโลกว่ามรดกร่วมกันของมนุษยชาติกำลังเปราะบางเพียงใดในยุคปัจจุบัน”

ดร. เดวิด คอนเนอร์ ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ศิลปะจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ให้ความเห็นว่า “สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่แค่หอคอยที่ถล่มลงมา แต่คือ ‘ความเคยชิน’ ต่อการสูญเสีย โรมกำลังสูญเสียจิตวิญญาณของตนเองไปทีละน้อย จากแรงกดดันของนักท่องเที่ยวที่ล้นทะลัก, การขาดการลงทุนอย่างจริงจังในการบำรุงรักษา และตอนนี้คือภัยจากสภาพอากาศ”

ผลกระทบวงกว้าง วิกฤตศรัทธาต่อ “เมืองอมตะ”

การพังถล่มครั้งนี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในหลายมิติ

  1. ด้านมนุษยธรรม โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับ ผู้บาดเจ็บ หอคอยโรม และผู้ที่ยังติดอยู่ภายใน สร้างความสะเทือนใจอย่างรุนแรง
  2. ด้านความปลอดภัย ประชาชนในโรมเริ่มตั้งคำถามถึงความปลอดภัยของอาคารเก่าแก่อื่นๆ ที่พวกเขาอาศัยหรือทำงานอยู่ รัฐบาลท้องถิ่นถูกกดดันอย่างหนักให้ทำการตรวจสอบอาคารเสี่ยงทั่วทั้งเมือง
  3. ด้านการท่องเที่ยว แม้โรมจะเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม แต่ภาพของโบราณสถานที่พังทลายอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวในระยะสั้น และอาจนำไปสู่การปิดพื้นที่ประวัติศาสตร์หลายแห่งเพื่อการตรวจสอบความปลอดภัย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง
  4. ด้านวัฒนธรรม นี่คือการตื่นขึ้นมาพบความจริงอันโหดร้ายว่า แม้แต่ “เมืองอมตะ” (The Eternal City) ก็ไม่สามารถต้านทานกาลเวลาและภัยคุกคามสมัยใหม่ได้ตลอดไปหากปราศจากการดูแลอย่างถูกวิธี

บทสรุปและอนาคต บทเรียนจากซากปรักหักพัง

ขณะที่ควันฝุ่นเริ่มจางลง สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือซากปรักหักพังของประวัติศาสตร์กว่า 800 ปี และภารกิจอันหนักหน่วงในการค้นหาผู้รอดชีวิต การช่วยเหลือผู้ประสบภัย หอคอยโรม ยังคงดำเนินต่อไป แต่ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร โศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้กลายเป็นบทเรียนราคาแพง

การถล่มของ “Torre Antica” ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุ แต่เป็นอาการของโรคเรื้อรังที่กัดกินมรดกทางวัฒนธรรมของอิตาลีและของโลก มันคือการต่อสู้ระหว่างความต้องการที่จะ “เก็บรักษา” อดีตไว้ กับแรงกดดันมหาศาลจาก “ปัจจุบัน” ทั้งในแง่ของเศรษฐกิจ, การเมือง และสิ่งแวดล้อม

คำถามสุดท้ายที่ดังก้องอยู่ท่ามกลางซากอิฐโบราณในย่านมอนติ ไม่ใช่แค่ “ทำไมหอคอยถึงถล่ม?” แต่คือ “เราในฐานะมนุษยชาติ พร้อมที่จะจ่ายราคาเท่าไหร่ เพื่อรักษาประวัติศาสตร์ที่กำลังแตกสลายไว้ในมือของเรา?”

แหล่งที่มาจาก : am2con