ปักกิ่ง – องค์การอวกาศจีน (CMSA) เผยข่าวดีจากวงโคจรโลก เมื่อกลุ่ม หนูอวกาศจีน (Chinese space mice) ชุดล่าสุด ที่ถูกส่งขึ้นไปปฏิบัติภารกิจบน สถานีเทียนกง (Tiangong station) ได้แสดงให้เห็นถึง การปรับตัวในอวกาศ ที่ดีเยี่ยมตลอดระยะเวลา 7 วันใน สภาวะไร้น้ำหนัก (Weightlessness) โดยมีกำหนดเดินทางกลับโลกพร้อมกับนักบินอวกาศ (ไทโคนอท) ในเร็วๆ นี้ ความสำเร็จของ การทดลองในอวกาศ ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่น่าตื่นเต้น แต่ถือเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญอย่างยิ่งยวดต่อศักยภาพของ “วังลอยฟ้า” ของจีน ในการรองรับระบบพยุงชีพที่ซับซ้อนสำหรับสิ่งมีชีวิตเลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการไขความลับด้าน ชีววิทยาอวกาศ (Space Biology) และปูทางไปสู่เป้าหมายอันทะเยอทะยานของจีน นั่นคือการส่งมนุษย์ไปประจำการระยะยาวบนดวงจันทร์

ภารกิจ 7 วัน ชีวิต “หนู” ใน “วังลอยฟ้า” (Tiangong)
รายงานล่าสุดจากสื่อทางการจีนอย่าง Xinhua และ CCTV ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจาก CMSA ยืนยันว่า ภารกิจการทดลองสิ่งมีชีวิตครั้งนี้ ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายหลักทุกประการ
นักบินอวกาศจีน (ไทโคนอท) ที่ประจำการอยู่บนสถานีเทียนกง ได้ทำการติดตั้งและเฝ้าสังเกตการณ์ “ผู้โดยสาร” กลุ่มพิเศษนี้อย่างใกล้ชิด ตลอด 7 วันที่ผ่านมา
สัญญาณชีพดีเยี่ยม การปรับตัวที่น่าทึ่งในสภาวะไร้น้ำหนัก
ภาพวิดีโอความละเอียดสูงที่ส่งกลับมาจากโมดูลห้องปฏิบัติการ (คาดว่าเป็นโมดูลเวิ่นเทียน หรือ เมิ่งเทียน) แสดงให้เห็นพฤติกรรมของ หนูอวกาศจีน ภายใน “กรงทดลอง” ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ
- การเคลื่อนไหว ในช่วงแรก พวกหนูแสดงอาการสับสนเล็กน้อย โดยพยายาม “ว่ายน้ำ” ในอากาศตามสัญชาตญาณเมื่อไม่มีแรงโน้มถ่วง แต่เพียงไม่นาน พวกมันก็เรียนรู้ที่จะใช้การถีบตัวจากผนังด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งเพื่อเคลื่อนที่ ซึ่งคล้ายคลึงกับพฤติกรรมที่นักบินอวกาศมนุษย์ต้องเรียนรู้
- การกินและการดื่ม นี่คือความท้าทายที่สุดในสภาวะไร้น้ำหนัก อาหารสำหรับหนูถูกออกแบบมาเป็น “แท่งอาหาร” (food bars) ที่อัดแน่น เพื่อป้องกันไม่ให้เศษอาหารลอยฟุ้งไปทั่ว ส่วนระบบจ่ายน้ำ เป็นระบบขวดน้ำแบบพิเศษที่ใช้แรงตึงผิว (surface tension) ช่วยให้หนูสามารถเลียน้ำได้โดยไม่หกกระจาย
- สุขภาพโดยรวม CMSA รายงานว่า หนูทุกตัวมีสุขภาพแข็งแรง อัตราการกินอาหารและน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ และแสดงพฤติกรรมทางสังคมตามธรรมชาติ ซึ่งบ่งชี้ว่าพวกมันปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ดีเกินคาดภายในกรอบเวลา 7 วัน
“ข้อมูลเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า ระบบพยุงชีพขนาดเล็กของเราทำงานได้อย่างไร้ที่ติ” ศาสตราจารย์หลี่ เว่ย (Li Wei) นักวิจัยอาวุโสจากสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS) ผู้เกี่ยวข้องกับโครงการกล่าว “นี่คือข้อพิสูจน์ว่าเทียนกงพร้อมแล้วสำหรับภารกิจด้านชีววิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น”
เบื้องหลังความสำเร็จ “กรงหนูอัจฉริยะ” และเทคโนโลยีพยุงชีพ
การส่งหนูไปอวกาศไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การดูแลพวกมันให้มีชีวิตรอดอย่างมีสุขภาพดีในวงโคจรนั้น เป็นความท้าทายทางวิศวกรรมขั้นสูงสุด
ฮาร์ดแวร์ที่ซับซ้อนกว่าที่คิด
ความสำเร็จนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวหนู แต่ขึ้นอยู่กับ “ระบบนิเวศปิด” ที่จีนพัฒนาขึ้นสำหรับพวกมัน หรือที่เรียกว่า “Gravitational Biology Experiment Rack”
“คุณไม่สามารถแค่เอากรงหนูธรรมดาขึ้นไปในอวกาศ” นักวิเคราะห์ด้านอวกาศจาก SpaceNews อธิบาย “ทุกอย่างต้องถูกออกแบบใหม่หมด ของเสีย (มูลและปัสสาวะ) จะไม่ตกลงพื้น แต่จะลอยไปทั่ว อากาศจะต้องถูกกรองและหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพภายในกรงขนาดเล็กนั้น”
ระบบที่จีนใช้นั้น คาดว่าจะมีคุณสมบัติ ดังนี้
- การจัดการของเสีย ระบบดูดอากาศพลังงานต่ำ ที่ดึงของเสียไปยังแผ่นกรองเฉพาะจุด
- การหมุนเวียนอากาศ การควบคุมอุณหภูมิ, ความชื้น และระดับคาร์บอนไดออกไซด์ ภายในกรงแบบเรียลไทม์
- ระบบเฝ้าสังเกตการณ์ กล้องวิดีโอ 24/7 และเซ็นเซอร์ตรวจจับสัญญาณชีพ เพื่อส่งข้อมูลกลับมายังโลกและให้นักบินอวกาศตรวจสอบ
การที่ระบบทั้งหมดนี้ทำงานได้ดีบน สถานีเทียนกง ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ เพราะมันคือการ “ย่อส่วน” ระบบพยุงชีพของสถานีอวกาศทั้งหลัง ลงมาอยู่ในกล่องทดลองขนาดเล็ก
ทำไมต้องเป็น “หนู”? กระจกสะท้อนร่างกายมนุษย์ในอวกาศ
คำถามที่หลายคนสงสัยคือ จีนส่งหนูไปอวกาศทำไม (Why China sent mice to space)? คำตอบคือ หนูทดลองคือ “โมเดลต้นแบบ” ที่ดีที่สุดในการศึกษาสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายมนุษย์ในอวกาศ
การสูญเสียมวลกระดูกและกล้ามเนื้อ ปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้
ร่างกายมนุษย์ (และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ) วิวัฒนาการมานับล้านปีภายใต้แรงโน้มถ่วงคงที่ เมื่อเข้าสู่ สภาวะไร้น้ำหนัก ร่างกายจึง “เข้าใจผิด” ว่าไม่จำเป็นต้องมีกระดูกและกล้ามเนื้อที่แข็งแรงอีกต่อไป
- การสูญเสียมวลกระดูก (Bone Density Loss) นักบินอวกาศสามารถสูญเสียมวลกระดูกได้ถึง 1-2% ต่อเดือน ในอวกาศ เทียบกับคนชราบนโลกที่สูญเสียประมาณ 1% ต่อปี
- กล้ามเนื้อลีบ (Muscle Atrophy) กล้ามเนื้อที่ไม่ต้องทำงานต้านแรงโน้มถ่วง (เช่น กล้ามเนื้อขาและหลัง) จะฝ่อลีบลงอย่างรวดเร็ว
หนูทดลองมีวงจรชีวิตที่สั้นกว่ามนุษย์มาก การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จึงเกิดขึ้นในอัตราที่เร่งรัดกว่า นักวิทยาศาสตร์สามารถศึกษาหนูที่อยู่ในอวกาศเพียง 7-30 วัน และเห็นผลกระทบที่อาจต้องใช้เวลา 6 เดือนถึง 1 ปี ในมนุษย์
การศึกษาผลกระทบต่อระบบอื่นๆ
นอกจากการสลายของกระดูกและกล้ามเนื้อ การทดลองหนูบนสถานีเทียนกง ยังมุ่งเน้นไปที่
- ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมักจะทำงานผิดปกติในอวกาศ
- ระบบการทรงตัว ศึกษาการปรับตัวของหูชั้นใน (Vestibular system) ต่อการไร้น้ำหนัก
- นาฬิกาชีวภาพ (Circadian Rhythm) การที่ต้องเห็นพระอาทิตย์ขึ้นและตก 16 ครั้งต่อวัน ส่งผลต่อวงจรการนอนหลับอย่างไร
เมื่อ หนูอวกาศจีนกลับโลก (Long-tail Keyword) พวกมันจะถูกนำไปศึกษาในห้องปฏิบัติการอย่างละเอียดทันที ทีมนักวิทยาศาสตร์จะเปรียบเทียบอวัยวะ, กระดูก, และยีนของพวกมัน กับกลุ่มควบคุม (Control Group) ที่อยู่บนโลก เพื่อค้นหา “ลายเซ็นทางชีวภาพ” ของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากอวกาศ
“เทียนกง” ท้าชน “ISS” การแข่งขันด้านชีววิทยาอวกาศครั้งใหม่
ในเชิงภูมิรัฐศาสตร์อวกาศ ความสำเร็จครั้งนี้มีความหมายลึกซึ้งยิ่งกว่าแค่ตัวเลขผู้เสียชีวิต
การปิดช่องว่างทางเทคโนโลยีกับ NASA
เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ซึ่งนำโดย NASA และ ESA (องค์การอวกาศยุโรป) ผูกขาดการวิจัยด้านนี้ผ่านโครงการ “Rodent Research” ที่ซับซ้อน พวกเขาส่งหนูขึ้นไปในภารกิจต่างๆ ของ SpaceX Dragon และศึกษาพวกมันอย่างต่อเนื่อง
ในอดีต จีนถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมโครงการ ISS โดยกฎหมายของสหรัฐฯ (The Wolf Amendment) ที่ห้าม NASA ร่วมมือกับจีนในด้านอวกาศ
“การกีดกันนี้ บังคับให้จีนต้องสร้างทุกอย่างขึ้นมาเอง” นักวิเคราะห์จาก European Space Policy Institute กล่าวกับ BBC “สิ่งที่น่าทึ่งคือ พวกเขาทำได้สำเร็จในเวลาอันสั้น วันนี้ สถานีเทียนกงไม่ได้เป็นแค่สถานีทดลอง แต่เป็นคู่แข่งโดยตรงของ ISS ในด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระดับสูง”
การที่จีนสามารถดำเนิน การทดลองในอวกาศ ที่ซับซ้อนเทียบเคียงกับ NASA ได้ด้วยตัวเอง เป็นการประกาศว่าอิทธิพลของตะวันตกในวงโคจรต่ำของโลกกำลังถูกท้าทายอย่างจริงจัง
ก้าวต่อไป จาก “หนูอวกาศ” สู่ “ฐานดวงจันทร์”
ภารกิจ 7 วันของ หนูอวกาศจีน เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของแผนการที่ใหญ่กว่ามาก
คำตอบที่จีนกำลังมองหาเพื่อภารกิจระยะยาว
ข้อมูลที่ได้จากหนูกลุ่มนี้ จะถูกนำไปใช้พัฒนารุ่นต่อไปของการทดลอง ซึ่งอาจรวมถึง
- ภารกิจระยะยาวขึ้น (Long-duration) ส่งหนูไปอยู่ในอวกาศ 30, 60 หรือ 90 วัน เพื่อศึกษาผลกระทบเรื้อรัง
- การสืบพันธุ์ในอวกาศ คำถามที่ใหญ่ที่สุดใน ชีววิทยาอวกาศ คือ สิ่งมีชีวิตเลี้ยงลูกด้วยนมสามารถสืบพันธุ์และให้กำเนิดลูกหลานในสภาวะไร้น้ำหนักได้หรือไม่? (ซึ่งเป็นสิ่งที่ ISS เคยพยายามศึกษา) หากทำได้ มันจะเปลี่ยนโฉมหน้าของการตั้งถิ่นฐานนอกโลก
เชื่อมโยงสู่โครงการ ILRS (สถานีวิจัยดวงจันทร์นานาชาติ)
เป้าหมายสูงสุดของจีนคือการสร้าง สถานีวิจัยดวงจันทร์นานาชาติ (ILRS) ซึ่งเป็นฐานที่มั่นถาวรบนขั้วใต้ของดวงจันทร์ ภายในทศวรรษ 2030-2040
การจะส่งมนุษย์ไปอาศัยบนดวงจันทร์ (ซึ่งมีแรงโน้มถ่วงเพียง 1 ใน 6 ของโลก) เป็นเวลาหลายปีนั้น จีนจำเป็นต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าแรงโน้มถ่วงที่ลดลงส่งผลต่อร่างกายอย่างไรในระยะยาว
การทดลองกับ หนูอวกาศจีน บน สถานีเทียนกง ในวันนี้ คือการรวบรวมข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่งยวด เพื่อออกแบบยา, อุปกรณ์ออกกำลังกาย และมาตรการป้องกัน ที่จะช่วยให้ “ไทโคนอท” ของพวกเขาสามารถมีชีวิตรอดและทำงานบนดวงจันทร์ได้อย่างปลอดภัยในอนาคต
บทสรุป ก้าวเล็กๆ ของ “หนู” สู่ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของ “มังกร”
การที่ หนูอวกาศจีน ปรับตัวได้ดีตลอด 7 วันในวงโคจร อาจดูเหมือนเป็นข่าววิทยาศาสตร์ชิ้นเล็กๆ แต่ในความเป็นจริง มันคือก้าวกระโดดครั้งสำคัญของ องค์การอวกาศจีน
มันคือบทพิสูจน์ความสมบูรณ์ของเทคโนโลยีพยุงชีพบน สถานีเทียนกง, เป็นการปิดช่องว่างทางวิทยาศาสตร์ที่เคยถูกผูกขาดโดย ISS และที่สำคัญที่สุด มันคือการวางศิลาฤกษ์สำหรับยุคต่อไปของการสำรวจอวกาศ ที่มนุษย์จะก้าวออกจากวงโคจรโลกไปสู่ดวงจันทร์และดาวอังคาร
บัดนี้ ทั่วโลกกำลังจับตาดูการเดินทางกลับโลกของ “นักบินอวกาศ” กลุ่มจิ๋วเหล่านี้ ซึ่งแบกเอาความลับและอนาคตของโครงการอวกาศจีนกลับมาด้วย
แหล่งที่มาจาก : am2con