โศกนาฏกรรมแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.3 แมกนิจูดที่พรากชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 1,124 รายในจังหวัดเฮรัต ทางตะวันตกของอัฟกานิสถาน ไม่เพียงแต่ทิ้งไว้ซึ่งภาพความเสียหายราบเป็นหน้ากลองและวิกฤตด้านมนุษยธรรมอันแสนสาหัส แต่ยังได้กลายเป็น “บททดสอบสำคัญ” ที่เปิดเปลือยให้เห็นถึงความเปราะบางของเส้นแบ่งระหว่างความช่วยเหลือระหว่างประเทศกับความเป็นจริงทางภูมิรัฐศาสตร์อันซับซ้อน ภายใต้การปกครองของรัฐบาลตอลิบานที่ประชาคมโลกส่วนใหญ่ยังคงไม่ให้การยอมรับ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของผู้รอดชีวิตที่รอคอยความหวัง การส่งมอบความช่วยเหลือจึงไม่ใช่แค่การแข่งขันกับเวลา แต่คือการต่อสู้กับอุปสรรคทางการเมืองที่อาจตัดสินชะตากรรมของผู้คนอีกหลายแสนชีวิต
สถานการณ์ล่าสุด ซากปรักหักพังและตัวเลขที่ยังไม่หยุดนิ่ง
แรงสั่นสะเทือนระลอกแรกในช่วงเช้าวันเสาร์ได้เปลี่ยนหมู่บ้านหลายแห่งในเขตซินดา จาน ให้กลายเป็นสุสานขนาดใหญ่ภายในเวลาไม่กี่นาที รายงานจากสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNOCHA) ยืนยันว่าหมู่บ้านอย่างน้อย 20 แห่งถูกทำลายล้างอย่างสมบูรณ์ โครงสร้างบ้านเรือนที่ส่วนใหญ่ทำจากอิฐโคลนแบบดั้งเดิม ไม่สามารถต้านทานแรงสั่นสะเทือนได้และพังถล่มลงมาทับผู้อยู่อาศัยทั้งครอบครัว
ตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการที่ 1,124 ราย และบาดเจ็บ 3,251 ราย ถูกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากทีมกู้ภัยและอาสาสมัครยังคงเร่งขุดค้นซากปรักหักพังด้วยมือเปล่าและเครื่องจักรกลเพียงไม่กี่ชิ้น
- ศูนย์กลางความเสียหาย เขตซินดา จาน จังหวัดเฮรัต
- ขนาดความรุนแรง 6.3 แมกนิจูด (หลายระลอก)
- ลักษณะทางธรณีวิทยา อัฟกานิสถานตั้งอยู่บนแนวรอยเลื่อนเปลือกโลกที่ซับซ้อน รวมถึงรอยเลื่อนแชมัน (Chaman Fault) ซึ่งทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงได้เสมอ
“ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก” ชาวบ้านคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AP “ตอนแรกผืนดินสั่นไหวเบาๆ แต่แล้วมันก็รุนแรงขึ้นจนบ้านทั้งหลังพังลงมาทับเรา ผมไม่รู้ว่าภรรยาและลูกๆ ของผมอยู่ที่ไหน” เสียงสะท้อนจากผู้รอดชีวิตเหล่านี้ตอกย้ำถึงความโหดร้ายของภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
ความท้าทายในการช่วยเหลือ เมื่อภัยธรรมชาติสวนทางกับภูมิรัฐศาสตร์
แม้ภาพความเสียหายจะชัดเจนและความต้องการความช่วยเหลือจะดังไปทั่วโลก แต่การตอบสนองกลับเต็มไปด้วยความซับซ้อน ปัญหาใหญ่ที่สุดคือสถานะของรัฐบาลตอลิบาน ซึ่งกลับเข้ายึดอำนาจในปี 2021 และยังไม่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลส่วนใหญ่ทั่วโลก ส่งผลให้
- การระงับความช่วยเหลือโดยตรง รัฐบาลหลายประเทศไม่สามารถให้ความช่วยเหลือโดยตรงแก่รัฐบาลตอลิบานได้ เนื่องจากนโยบายและมาตรการคว่ำบาตรที่มีอยู่ ทำให้ช่องทางการช่วยเหลือแบบรัฐต่อรัฐถูกปิดกั้น
- ข้อจำกัดของรัฐบาลตอลิบาน รัฐบาลตอลิบานซึ่งถูกตัดขาดจากระบบการเงินโลกและทรัพย์สินที่ถูกอายัดไว้ในต่างประเทศ ขาดแคลนทรัพยากรที่จำเป็นอย่างยิ่งในการจัดการภัยพิบัติขนาดใหญ่ ทั้งในด้านอุปกรณ์กู้ภัยที่ทันสมัย ทีมแพทย์ฉุกเฉิน และงบประมาณในการฟื้นฟู
- บทบาทขององค์กรระหว่างประเทศ ความช่วยเหลือส่วนใหญ่จึงต้องไหลผ่านช่องทางขององค์กรอิสระ (NGOs) และหน่วยงานของสหประชาชาติ เช่น โครงการอาหารโลก (WFP), องค์การอนามัยโลก (WHO) และคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ซึ่งแม้จะมีความเชี่ยวชาญ แต่ก็เผชิญกับอุปสรรคด้านโลจิสติกส์ การเข้าถึงพื้นที่ และการประสานงานที่ล่าช้า
โฆษกของรัฐบาลตอลิบานได้ออกมาวิงวอนขอความช่วยเหลือจากนานาชาติโดยตรง โดยย้ำว่า “นี่คือช่วงเวลาที่ต้องวางประเด็นทางการเมืองลง และให้ความสำคัญกับมนุษยธรรมเป็นอันดับแรก” คำกล่าวนี้สะท้อนถึงทางตันที่รัฐบาลตอลิบานกำลังเผชิญ เมื่ออำนาจในการปกครองประเทศไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นความสามารถในการปกป้องประชาชนจากภัยพิบัติได้อย่างเต็มที่
ท่าทีนานาชาติ ความหวังท่ามกลางซากปรักหักพัง
แม้จะมีความท้าทายทางการเมือง แต่หลายประเทศและองค์กรก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยัง จังหวัดเฮรัต แล้ว
- สหประชาชาติ (UN) ได้จัดสรรงบประมาณฉุกเฉินเบื้องต้น พร้อมส่งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินและประสานงานภัยพิบัติ (UNDAC) เข้าไปในพื้นที่
- ประเทศเพื่อนบ้าน อิหร่านและปากีสถานเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ส่งทีมกู้ภัยและสิ่งของบรรเทาทุกข์ข้ามพรมแดนเข้ามาช่วยเหลือ
- องค์กรบรรเทาทุกข์ องค์กรอย่าง “แพทย์ไร้พรมแดน” (MSF) และสภาผู้ลี้ภัยแห่งนอร์เวย์ (NRC) ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในอัฟกานิสถานอยู่แล้ว ได้ปรับเปลี่ยนภารกิจเพื่อตอบสนองต่อเหตุแผ่นดินไหวอย่างเร่งด่วน โดยจัดตั้งคลินิกเคลื่อนที่และแจกจ่ายสิ่งของจำเป็น
อย่างไรก็ตาม ความช่วยเหลือเหล่านี้ยังเป็นเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับขนาดของความต้องการที่แท้จริง สถานการณ์ล่าสุดแผ่นดินไหวอัฟกานิสถานยังคงวิกฤต ผู้ประสบภัยจำนวนมากต้องนอนกลางแจ้งท่ามกลางอากาศที่เริ่มหนาวเย็น ขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรค
บทสรุป อนาคตบนรอยเลื่อนแห่งความไม่แน่นอน
เหตุการณ์ แผ่นดินไหวอัฟกานิสถาน ครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจอันเจ็บปวดว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติไม่เคยเลือกปฏิบัติ แต่ผลกระทบของมันจะรุนแรงที่สุดในหมู่ประชากรที่เปราะบางอยู่แล้ว สำหรับอัฟกานิสถาน ความเปราะบางนี้ไม่ได้มาจากปัจจัยทางธรณีวิทยาเพียงอย่างเดียว แต่ยังถูกซ้ำเติมจากบาดแผลของสงคราม ความยากจน และความโดดเดี่ยวทางการเมือง
อนาคตของผู้รอดชีวิตหลายแสนคนจึงแขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่เพียงขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของอาฟเตอร์ช็อกที่อาจตามมา แต่ยังขึ้นอยู่กับว่าประชาคมโลกจะหาทางข้ามกำแพงแห่งภูมิรัฐศาสตร์ เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือที่จำเป็นต่อการอยู่รอดของพวกเขาได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพียงใด โศกนาฏกรรมครั้งนี้จึงอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่บังคับให้โลกต้องทบทวนแนวทางการปฏิสัมพันธ์กับอัฟกานิสถานภายใต้การนำของตอลิบานอีกครั้ง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ราคาของความลังเลทางการเมือง อาจหมายถึงชีวิตของผู้บริสุทธิ์ที่ต้องสูญสิ้นไปท่ามกลางซากปรักหักพัง
แหล่งที่มาจาก : am2con