กัมพูชาถูกกล่าวหา “อาชญากรรมสงคราม” หลังรายงานชี้ใช้ระเบิดพวงถล่มค่ายอพยพในไทย

อาชญากรรมสงคราม

รายงานการสืบสวนฉบับล่าสุดของ “ฮิวแมนไรท์วอทช์” (Human Rights Watch) ได้จุดชนวนความตึงเครียดครั้งใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการเปิดเผยหลักฐานที่บ่งชี้ว่ากองทัพกัมพูชาอาจทำการยิง “ระเบิดพวง” (Cluster Munitions) ข้ามพรมแดนมาตกในพื้นที่พักพิงชั่วคราวของผู้หนีภัยความไม่สงบซึ่งตั้งอยู่ในอธิปไตยของไทย เป็นเหตุให้มีพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงนี้ไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยของประเทศไทยอย่างชัดเจน แต่ยังอาจเข้าข่ายการก่อ “อาชญากรรมสงคราม” ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ บทความนี้จะเจาะลึกถึงพยานหลักฐานที่น่าตกตะลึงในรายงาน, นิยามและความร้ายแรงของอาวุธที่ถูกใช้ และวิเคราะห์ถึงผลกระทบระลอกใหม่ที่อาจลุกลามจนกลายเป็นวิกฤตทางการทูตครั้งเลวร้ายที่สุดระหว่างไทยและกัมพูชาในรอบหลายทศวรรษ

ไทย-กัมพูชา: จากเหตุโจมตีเป้าพลเรือน ไทยจะสามารถนำกัมพูชาขึ้นศาลอาญาโลก ฐาน อาชญากรรมสงครามได้หรือไม่ ? - BBC News ไทย

เปิดรายงานสะเทือนโลก หลักฐานและข้อกล่าวหาจาก Human Rights Watch

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา องค์กร สิทธิมนุษยชน ระหว่างประเทศ ฮิวแมนไรท์วอทช์ ได้เผยแพร่รายงานความยาว 50 หน้าในหัวข้อ “ความตายที่โปรยปราย การโจมตีที่ไม่จำแนกเป้าหมายบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา” โดยมีเนื้อหาสำคัญที่กล่าวหาว่า

  • การใช้อาวุธต้องห้าม ในระหว่างการปะทะกับกลุ่มต่อต้านไม่ทราบฝ่ายบริเวณชายแดนเมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคม กองทัพกัมพูชาได้ทำการยิงปืนใหญ่ที่บรรจุด้วย ระเบิดพวง
  • เป้าหมายคือพลเรือนในดินแดนไทย จรวดหรือกระสุนปืนใหญ่ดังกล่าวได้ข้ามพรมแดนมาตกในพื้นที่พักพิงชั่วคราว “บ้านสันติสุข” (นามสมมติ) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากชายแดนเข้ามาในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประมาณ 2 กิโลเมตร
  • หลักฐานสนับสนุน รายงานได้อ้างอิงหลักฐานหลายชิ้นประกอบกัน ทั้งภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงให้เห็นถึงหลุมระเบิดขนาดเล็กกระจายเป็นวงกว้างซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของระเบิดพวง, ภาพถ่ายเศษซากของกระสุนและระเบิดย่อย (Bomblets) ที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ และคำให้การของพยานบุคคล ทั้งผู้รอดชีวิตและเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์นานาชาติ
  • ความสูญเสีย รายงานระบุตัวเลขผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือนเบื้องต้น 12 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 40 ราย ทั้งหมดเป็นผู้หนีภัยความไม่สงบชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิง

ข้อกล่าวหานี้ถือว่ารุนแรงอย่างยิ่ง เพราะเป็นการกระทำที่อาจละเมิด กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ อย่างชัดเจน

“ระเบิดพวง” คืออะไร? อาวุธไร้มนุษยธรรมที่ถูกประณามทั่วโลก

ระเบิดพวง หรือ Cluster Munitions คืออาวุธที่อันตรายและไร้มนุษยธรรมที่สุดชนิดหนึ่งในสนามรบยุคใหม่

  • กลไกการทำงาน เป็นกระสุนขนาดใหญ่ที่บรรจุลูกระเบิดขนาดเล็ก (Bomblets) ไว้ภายในหลายสิบหรือหลายร้อยลูก เมื่อถูกยิงออกไป มันจะเปิดตัวกลางอากาศและโปรยลูกระเบิดเล็กๆ เหล่านี้ลงมาครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง เทียบเท่ากับสนามฟุตบอลหลายสนาม
  • เหตุผลที่ถูกประณาม
  • ไม่สามารถจำแนกเป้าหมายได้ (Indiscriminate) ด้วยพื้นที่ทำลายล้างที่กว้างขวาง ทำให้มันไม่สามารถแยกแยะระหว่างทหารกับพลเรือนได้ หากถูกนำมาใช้ในพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่ ย่อมก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือนอย่างมหาศาล
  • อัตราการไม่ระเบิดสูง (High Dud Rate) ลูกระเบิดเล็กๆ จำนวนมากมักจะไม่ระเบิดในทันที แต่จะฝังตัวอยู่ในพื้นดินและกลายสภาพเป็น “ทุ่นระเบิด” ที่พร้อมจะสังหารหรือสร้างความพิการให้กับเด็กและเกษตรกรไปอีกนานหลายสิบปี

ด้วยเหตุนี้ ประชาคมโลกกว่า 120 ประเทศจึงได้ร่วมลงนามใน “อนุสัญญาว่าด้วยระเบิดพวง” (Convention on Cluster Munitions) เพื่อห้ามการใช้, การผลิต, การสะสม และการถ่ายโอนอาวุธชนิดนี้ (อย่างไรก็ตาม ทั้งไทยและกัมพูชายังไม่ได้เข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาฉบับนี้)

ไทย-กัมพูชา: จากเหตุโจมตีเป้าพลเรือน ไทยจะสามารถนำกัมพูชาขึ้นศาลอาญาโลก  ฐานอาชญากรรมสงครามได้หรือไม่ ? - BBC News ไทย

นิยามของ “อาชญากรรมสงคราม” ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ

อาชญากรรมสงคราม (War Crimes) ถูกบัญญัติไว้ในธรรมนูญกรุงโรมซึ่งเป็นกฎหมายก่อตั้ง ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) โดยหมายถึงการละเมิดกฎหมายและธรรมเนียมปฏิบัติในการทำสงครามอย่างร้ายแรง การกระทำที่ถูกกล่าวหาในรายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ อาจเข้าข่ายอาชญากรรมสงครามได้ในหลายประเด็น

  • การจงใจโจมตีพลเรือน ซึ่งไม่ใด้มีส่วนร่วมในการสู้รบโดยตรง
  • การโจมตีโดยไม่จำแนกเป้าหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งเป้าหมายทางทหารและพลเรือนหรือวัตถุของพลเรือนโดยไม่แยกแยะ
  • การโจมตีที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือนเกินสัดส่วน เมื่อเทียบกับความได้เปรียบทางการทหารที่คาดว่าจะได้รับโดยตรง

แม้การพิสูจน์เจตนาจะเป็นเรื่องยาก แต่การใช้อาวุธที่มีลักษณะไม่จำแนกเป้าหมายโดยเนื้อแท้อย่างระเบิดพวงในพื้นที่ที่มีพลเรือนอาศัยอยู่ ก็ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ถึงการละเมิดอย่างร้ายแรง

ท่าทีทางการ ไทยประท้วง-กัมพูชาปฏิเสธเสียงแข็ง

  • ท่าทีของรัฐบาลไทย กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อรายงานดังกล่าว พร้อมทั้งยืนยันว่าจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน และได้เรียกเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยเข้าพบเพื่อขอคำชี้แจงอย่างเป็นทางการ โดยย้ำว่า “การละเมิดอธิปไตยของไทยและการกระทำใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้อยู่อาศัยบนแผ่นดินไทยเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง”
  • ท่าทีของกัมพูชา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดในทันที โดยระบุว่ารายงานดังกล่าว “ไม่มีมูลความจริงและมีเจตนาทางการเมือง” เพื่อทำลายชื่อเสียงของกองทัพกัมพูชา และยืนยันว่าปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดจำกัดอยู่ภายในเขตแดนของกัมพูชาเท่านั้น

ชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะเจ็บตาย เช็ก 'ประกันสังคม' เร่งช่วยเยียวยาลูกจ้าง

บทวิเคราะห์ อนาคตความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาบนเส้นด้าย

เหตุการณ์ครั้งนี้ได้สร้างผลกระทบระลอกใหม่ที่อาจสั่นคลอน ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา อย่างรุนแรง

  • วิกฤตการทูต หากผลการตรวจสอบของฝ่ายไทยยืนยันตรงกับรายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ รัฐบาลไทยจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักให้ต้องมีมาตรการตอบโต้ที่รุนแรงกว่าแค่การประท้วงทางการทูต ซึ่งอาจนำไปสู่การลดระดับความสัมพันธ์หรือการใช้มาตรการตอบโต้ทางเศรษฐกิจ
  • ความมั่นคงชายแดน เหตุการณ์นี้ได้ทำลายความไว้วางใจระหว่างกองกำลังทหารทั้งสองฝ่ายลงอย่างสิ้นเชิง และอาจนำไปสู่การเสริมกำลังทหารตามแนว ชายแดนไทย-กัมพูชา และเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะกันได้ง่ายขึ้น
  • แรงกดดันจากนานาชาติ ประชาคมระหว่างประเทศและองค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลกกำลังจับตามองสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด และจะเพิ่มแรงกดดันให้มีการสืบสวนที่โปร่งใสเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมารับผิดชอบ

บทสรุปของวิกฤตการณ์ครั้งนี้ยังคงไม่ชัดเจน แต่สิ่งที่แน่นอนคือ รายงานฉบับนี้ได้เปิดบาดแผลใหม่ที่ร้ายแรง และกลายเป็นบททดสอบครั้งสำคัญที่สุดต่อภาวะผู้นำของทั้งสองรัฐบาลในการจัดการความขัดแย้งและแสวงหาความยุติธรรมให้กับผู้บริสุทธิ์ที่ต้องเสียชีวิตไปบนผืนแผ่นดินไทย

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *