เสียงจอแจอันเป็นปกติสุขของ ตลาด อตก. ตลาดสดระดับพรีเมียมและเป็นเหมือนหัวใจของย่านจตุจักร ต้องเงียบงันลงฉับพลันด้วยเสียงปืนในบ่ายวันจันทร์ที่ผ่านมา โศกนาฏกรรม ยิงในตลาด อตก. ที่ชายคนหนึ่งบุกเข้ามากราดยิงประชาชนอย่างเลือดเย็น ได้พราก 6 ชีวิตไปอย่างไม่มีวันกลับ และทิ้งบาดแผลลึกไว้ในใจคนไทยทั้งชาติ เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ปิดฉากลงด้วยการจับกุมผู้ก่อเหตุ แต่ยังได้เปิดบาดแผลของสังคมในหลายมิติ ทิ้งไว้ซึ่งคำถามอันหนักอึ้งถึงปัญหาสุขภาพจิตที่ถูกมองข้าม, การควบคุมอาวุธปืน และมาตรฐาน ความปลอดภัยในที่สาธารณะ ที่เราเคยเชื่อมั่น
ลำดับเหตุการณ์สะเทือนขวัญ 8 ชั่วโมงแห่งความตื่นตระหนก
เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด นี่คือบทสรุปไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
- 1530 น. (28 ก.ค. 68) เสียงปืนนัดแรกดังขึ้นบริเวณโซนจำหน่ายผลไม้สด สร้างความแตกตื่นโกลาหล ประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าวิ่งหนีตายหาที่กำบัง
- 1535 น. ผู้ก่อเหตุเดินกราดยิงอย่างต่อเนื่องเข้าไปในโซนอาหารสด ก่อนจะวิ่งหลบหนีออกจากตลาดไปทางประตูด้านถนนกำแพงเพชร
- 1545 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.บางซื่อ และหน่วยปฏิบัติการพิเศษอรินทราช 26 เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ เริ่มเข้าเคลียร์พื้นที่และให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
- 1630 น. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งศูนย์บัญชาการสถานการณ์ที่เกิดเหตุ พร้อมระดมกำลังสืบสวนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลเพื่อไล่ล่าคนร้าย มีการเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อขอเบาะแสจากประชาชน
- 1800 น. ยอดผู้เสียชีวิตเบื้องต้นได้รับการยืนยันที่ 4 ราย และมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีกจำนวนมาก
- 2100 น. ตำรวจสืบทราบและสามารถระบุตัวตนผู้ก่อเหตุได้ คือ นายธีรพล (นามสมมติ) และพบว่าหลบหนีไปกบดานที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในย่านลาดพร้าว
- 2230 น. หน่วยคอมมานโดเข้าปิดล้อมอพาร์ตเมนต์เป้าหมาย และเริ่มเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุมอบตัว
- 2300 น. หลังจากการปิดล้อมนานเกือบครึ่งชั่วโมง ผู้ก่อเหตุยอมมอบตัวแต่โดยดี ปิดฉาก 8 ชั่วโมงแห่งการไล่ล่า
- วันรุ่งขึ้น (29 ก.ค. 68) ยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันสุดท้ายเพิ่มขึ้นเป็น 6 ราย
ยิงในตลาด อตก. “พวกเขาคือใคร?” อาลัย 6 ชีวิต และบาดแผลของผู้รอดชีวิต
เบื้องหลังตัวเลขผู้เสียชีวิต คือเรื่องราวของชีวิตธรรมดาที่ต้องจบลงอย่างไม่คาดฝัน
- ป้ามาลี (นามสมมติ) แม่ค้าแผงผลไม้ที่ยึดอาชีพนี้มานานกว่า 20 ปี เป็นที่รักของเพื่อนพ่อค้าแม่ค้าด้วยกัน
- ลุงสมเกียรติ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่พยายามเข้าระงับเหตุและปกป้องประชาชน
- คู่รักนักชิม หนุ่มสาวจากต่างจังหวัดที่เดินทางมาท่องเที่ยวกรุงเทพฯ และตั้งใจมาหาของอร่อยที่ตลาด อตก.
- และอีก 2 ชีวิตของลูกค้าที่มาจับจ่ายซื้อของตามปกติ
โศกนาฏกรรมครั้งนี้ยังทิ้งบาดแผลทางใจ (Trauma) ให้กับผู้รอดชีวิตและพยานในที่เกิดเหตุอีกนับร้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ กรมสุขภาพจิต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาดูแลเยียวยาอย่างใกล้ชิดในระยะยาว
เปิดปมสังหาร อะไรคือฟางเส้นสุดท้ายที่ผลักคนๆ หนึ่งสู่โศกนาฏกรรม?
จากการสอบสวนเบื้องต้นของตำรวจ สาเหตุการยิงที่ตลาด อตก. มาจากความเครียดสะสมที่รุนแรงของผู้ก่อเหตุ ข้อมูลระบุว่า นายธีรพลเพิ่งถูกเลิกจ้างจากบริษัทที่ทำงานมานานกว่า 10 ปี, มีปัญหาหนี้สินจากการลงทุนที่ผิดพลาด, และมีภาวะซึมเศร้าที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
(หมายเหตุ ข้อมูลส่วนนี้อ้างอิงจากรายงานเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อการวิเคราะห์ ไม่ได้เป็นการตัดสินหรือสรุปข้อเท็จจริงทั้งหมด)
ภาวะ “หลังชนฝา” นี้สร้างความรู้สึกคับแค้นและมองว่าสังคมไม่เป็นธรรมต่อเขา การเลือกตลาด อตก. ซึ่งเป็นภาพแทนของ “ความอุดมสมบูรณ์” และ “ชีวิตที่ดี” จึงอาจเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่ต้องการทำลายสิ่งที่เขาไม่มีและเข้าไม่ถึง นี่คือภาพสะท้อนที่น่ากลัวของ “ระเบิดเวลา” ที่ซ่อนอยู่ในปัญหาสุขภาพจิตและแรงกดดันทางเศรษฐกิจและสังคม
ปัญหาสุขภาพจิต วาระแห่งชาติที่ต้องพูดคุยกันอย่างจริงจัง
จิตแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดีให้ความเห็นว่า “สังคมไทยต้องยอมรับว่าปัญหาสุขภาพจิตไม่ใช่เรื่องของคนอ่อนแอ แต่เป็นความเจ็บป่วยที่ต้องการการรักษาเช่นเดียวกับโรคทางกาย การตีตราผู้ป่วยจิตเวชทำให้หลายคนไม่กล้าขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งแรงกดดันปะทุออกมาในรูปแบบของความรุนแรงต่อตนเองหรือผู้อื่น”
เหตุการณ์ ข่าวกราดยิง ครั้งนี้จึงเป็นเหมือนเสียงกระดิ่งเตือนภัยให้ทุกภาคส่วนต้องหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างระบบนิเวศด้านสุขภาพจิตที่แข็งแรง
- ภาครัฐ ต้องเพิ่มงบประมาณและบุคลากรด้านสุขภาพจิตให้เข้าถึงง่ายในทุกระดับ
- ภาคเอกชน ควรมีนโยบายดูแลสุขภาพจิตของพนักงานอย่างจริงจัง
- ระดับครอบครัวและบุคคล ต้องหมั่นสังเกตและรับฟังคนใกล้ชิด และกล้าที่จะขอความช่วยเหลือเมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่ไหว (สายด่วนสุขภาพจิต 1323)
บทเรียนราคาแพง ถึงเวลาทบทวน “ความปลอดภัยในที่สาธารณะ” ครั้งใหญ่
“ไม่เคยคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ในตลาด อตก.” คือความรู้สึกร่วมของคนกรุงเทพฯ เหตุการณ์นี้ได้ทำลายความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของพื้นที่สาธารณะที่เคยคิดว่าปลอดภัย และนำไปสู่การถกเถียงถึงมาตรการที่ต้องทบทวน
- มาตรการเชิงป้องกัน
- การเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดีให้มีจำนวนมากขึ้นและตรวจการณ์ในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ
- การติดตั้งกล้องวงจรปิดคุณภาพสูงในจุดอับและครอบคลุมทุกพื้นที่
- การพิจารณาใช้เทคโนโลยีช่วยคัดกรองในบางพื้นที่ เช่น เครื่องตรวจจับโลหะแบบเดินผ่านในทางเข้าหลัก
- มาตรการเชิงรับมือ
- การซ้อมแผนเผชิญเหตุสำหรับเจ้าหน้าที่และพ่อค้าแม่ค้า
- การให้ความรู้ประชาชนเรื่อง วิธีเอาตัวรอดจากเหตุกราดยิง (หนี-ซ่อน-สู้ หรือ Run-Hide-Fight)
- การจัดเตรียมเส้นทางฉุกเฉินและจุดรวมพลที่ชัดเจน
ช่องโหว่ “มาตรการควบคุมอาวุธปืน” ที่ยังคงเป็นคำถาม
แม้ผู้ก่อเหตุจะมีปืนที่จดทะเบียนถูกต้อง 1 กระบอก แต่ก็ยังมีปืนเถื่อนอีก 1 กระบอก เหตุการณ์นี้จุดประเด็นเรื่อง มาตรการควบคุมอาวุธปืน ขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งในมิติของการครอบครอง, การต่ออายุใบอนุญาตที่ควรมีการประเมินสุขภาพจิตประกอบ, และการปราบปรามตลาดค้าปืนออนไลน์ที่ยังคงเป็นปัญหาใหญ่
(Conclusion) บทสรุป
โศกนาฏกรรม ยิงในตลาด อตก. ได้ทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ไว้ให้กับสังคมไทย มันคือบทเรียนราคาแพงที่แลกมาด้วย 6 ชีวิตผู้บริสุทธิ์และบาดแผลทางใจของคนอีกมากมาย เหตุการณ์นี้บังคับให้เราต้องเผชิญหน้ากับความจริงอันน่าอึดอัด ทั้งปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพจิต, แรงกดดันทางเศรษฐกิจที่บีบคั้นผู้คนจนไร้ทางออก, และช่องโหว่ของมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน
การจับกุมผู้ก่อเหตุได้อาจเป็นจุดสิ้นสุดของเหตุการณ์ แต่ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของปัญหา การถอดบทเรียนอย่างจริงจังและการลงมือแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง คือหนทางเดียวที่จะเปลี่ยนความสูญเสียครั้งนี้ให้ไม่สูญเปล่า และเพื่อสร้างหลักประกันว่า “พื้นที่ปลอดภัย” ของเราทุกคน จะกลับมาปลอดภัยอย่างแท้จริงและยั่งยืน
แหล่งที่มาจาก : am2con