จีนปล่อย SD-3 สำเร็จ ไม่ใช่แค่ข่าวอวกาศ แต่คือจุดเปลี่ยน “เศรษฐกิจอวกาศ” ที่ไทยต้องจับตา

โครงการอวกาศจีน

ความสำเร็จในการปล่อยจรวด SD-3 พร้อมดาวเทียม 11 ดวงขึ้นสู่วงโคจรของจีนครั้งล่าสุด ไม่ใช่เพียงอีกหนึ่งก้าวของ “โครงการอวกาศจีน” ภาครัฐ แต่คือการตอกย้ำถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ ‘ภาคเอกชน’ ที่กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้า “เศรษฐกิจอวกาศ” (Space Economy) ของโลก การแข่งขันที่ดุเดือดนี้กำลังทำให้การเข้าถึงอวกาศไม่ใช่เรื่องของมหาอำนาจอีกต่อไป แต่มันคือข่าวดีที่มาพร้อมกับความท้าทายครั้งใหม่สำหรับประเทศไทย ที่กำลังมีความฝันและแผนการใหญ่ในเรื่องนี้เช่นกัน บทความนี้จะพาไปเจาะลึกว่าจรวดลำนี้มีความสำคัญอย่างไร และมันจะส่งผลต่ออนาคตของไทยในยุคที่อวกาศกลายเป็นธุรกิจได้อย่างไร

China launches 6 satellites into orbit at once - Zamin.uz, 19.04.2025

เจาะลึกภารกิจ SD-3 จรวดเอกชนที่กำลังเปลี่ยนเกม

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์ปล่อยดาวเทียมจิ่วฉวน จรวด SD-3 (Lijian-1) ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท CAS Space ได้ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นครั้งที่ 6 นำส่งดาวเทียมเชิงพาณิชย์จำนวน 11 ดวงเข้าสู่วงโคจรระดับต่ำของโลก (Low Earth Orbit – LEO) ได้สำเร็จตามเป้าหมาย

สิ่งที่ทำให้ภารกิจนี้น่าสนใจ ไม่ใช่แค่จำนวนดาวเทียม แต่คือตัวตนของจรวดและบริษัทที่อยู่เบื้องหลัง

  • บริษัทเอกชน CAS Space เป็นบริษัทเอกชนที่แยกตัวออกมาจากสถาบันวิทยาศาสตร์จีน (CAS) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยระดับสูงสุดของรัฐบาลจีน นี่คือโมเดลที่แสดงให้เห็นว่าจีนกำลังส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมอวกาศมากขึ้น เพื่อแข่งขันกับ SpaceX ของสหรัฐฯ
  • จรวดเชื้อเพลิงแข็ง SD-3 เป็นจรวดขนส่งที่ใช้เชื้อเพลิงแข็ง (Solid-fuel) ขนาดใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน

“เชื้อเพลิงแข็ง” อาวุธลับสู่ความเร็วและต้นทุนที่ต่ำกว่า

จรวดเชื้อเพลิงแข็งดีกว่าเชื้อเพลิงเหลวอย่างไร ในบริบทเชิงพาณิชย์?

  • เตรียมการรวดเร็ว จรวดเชื้อเพลิงแข็งสามารถเก็บรักษาในสภาพพร้อมปล่อยได้นาน ไม่ต้องมีกระบวนการเติมเชื้อเพลิงเหลวที่ซับซ้อนและใช้เวลานานก่อนการปล่อยจรวด
  • ต้นทุนต่ำกว่า มีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อนเท่าจรวดเชื้อเพลิงเหลว ทำให้ต้นทุนการผลิตและการดำเนินงานถูกกว่า
  • ยืดหยุ่นสูง สามารถทำการ ปล่อยจรวดจากทะเล บนแพลตฟอร์มเคลื่อนที่ได้ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการเลือกตำแหน่งและเวลาปล่อย

คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้จรวด SD-3 เป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการให้บริการปล่อย ดาวเทียมเชิงพาณิชย์ ขนาดเล็กจำนวนมาก ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างมหาศาล

China's moon programme: 3 satellites enter lunar orbit, fate of 2 that fell  short isn't clear | South China Morning Post

“New Space Race” เมื่อเอกชนจีนไล่ตาม SpaceX

ความสำเร็จของ CAS Space และจรวด SD-3 เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพที่ใหญ่กว่า นั่นคือการแข่งขันทางอวกาศยุคใหม่ หรือ “New Space Race” ที่ไม่ได้มีแค่หน่วยงานภาครัฐของสหรัฐฯ (NASA) กับจีน (CNSA) อีกต่อไป แต่เป็นการแข่งขันระหว่างบริษัทเอกชน

  • ฝั่งสหรัฐฯ นำโดย SpaceX ของ Elon Musk ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการใช้จรวดซ้ำ (Reusable Rocket) จนสามารถลดต้นทุนการขนส่งได้มหาศาล
  • ฝั่งจีน มี บริษัทอวกาศเอกชนในจีน เกิดขึ้นมากมายในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เช่น CAS Space, LandSpace, i-Space, Galactic Energy ซึ่งต่างก็กำลังพัฒนาเทคโนโลยีจรวดของตนเองเพื่อชิงส่วนแบ่งในตลาดโลก

การแข่งขันนี้ส่งผลดีต่อผู้ใช้บริการทั่วโลก เพราะมันทำให้ราคาค่าส่งดาวเทียมถูกลงอย่างต่อเนื่อง

“เศรษฐกิจอวกาศ” ไม่ใช่เรื่องไกลตัว โอกาสของประเทศไทยอยู่ตรงไหน?

อนาคตของเศรษฐกิจอวกาศคืออะไร? มันคือระบบเศรษฐกิจที่มีมูลค่าหลายล้านล้านบาท ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การสร้างและปล่อยจรวด, การสร้างและให้บริการดาวเทียม ไปจนถึงการใช้ข้อมูลจากอวกาศเพื่อสร้างประโยชน์บนโลก แล้วประเทศไทยอยู่ตรงไหนในสมการนี้?

จาก THEOS สู่ EEC ก้าวต่อไปของอุตสาหกรรมอวกาศไทย

ประเทศไทยไม่ใช่ผู้เล่นหน้าใหม่ในวงการอวกาศ ประเทศไทยมีดาวเทียมของตัวเองไหม? คำตอบคือมี และดำเนินการโดย GISTDA (สทอภ.) หรือ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)

  • THEOS-1 (ไทยโชต) ดาวเทียมสำรวจโลกดวงแรกของไทย ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรในปี 2551 และได้ปลดประจำการไปแล้ว
  • THEOS-2 ดาวเทียมหลักดวงใหม่ที่ทันสมัย ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรในปี 2566 เพื่อใช้ในการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ, การเกษตร, การจัดการน้ำ และการรับมือภัยพิบัติ

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังมีแผนผลักดันอุตสาหกรรมอวกาศให้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-curve) โดยกำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มุ่งเน้นการสร้าง “เมืองนวัตกรรมอวกาศ” (Space Inspirium)

ดาวเทียมราคาถูก พลิกโฉมเกษตรกรรม, การจัดการภัยพิบัติ และอีกมากมาย

การที่บริการปล่อยดาวเทียมมีราคาถูกลงจากจรวดอย่าง SD-3 เปิดโอกาสมหาศาลให้ไทยสามารถ

  • เกษตรแม่นยำ (Precision Farming) เกษตรกรสามารถใช้ข้อมูลจากดาวเทียมวิเคราะห์สุขภาพของพืช, ความชื้นในดิน เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน
  • การจัดการน้ำและภัยพิบัติ GISTDA สามารถใช้ข้อมูลดาวเทียมในการติดตามสถานการณ์น้ำท่วม, ภัยแล้ง และไฟป่าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
  • การวางผังเมืองและคมนาคม ใช้ข้อมูลในการวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
  • อินเทอร์เน็ตดาวเทียม (Satellite Internet) ช่วยให้พื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้

KevinJamesNg – Traveling through time and space & Doing timey wimy stuff.

ความท้าทายและทางเลือก ไทยจะทะยานไปกับยุคอวกาศใหม่ได้อย่างไร?

แม้โอกาสจะเปิดกว้าง แต่ไทยก็ยังมีความท้าทายอีกมาก ทั้งด้านงบประมาณ, บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และนโยบายที่ชัดเจนและต่อเนื่อง คำถามสำคัญสำหรับประเทศไทยไม่ใช่ “เราจะสร้างจรวดไปแข่งกับเขาหรือไม่?” แต่คือ “เราจะวางตำแหน่งตัวเองในห่วงโซ่คุณค่าของเศรษฐกิจอวกาศอย่างไร?”

ทางเลือกที่เป็นไปได้

  • เป็นผู้ใช้ที่เชี่ยวชาญ (Expert User) มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรและซอฟต์แวร์ในการวิเคราะห์และใช้ประโยชน์จากข้อมูลดาวเทียมให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยใช้บริการปล่อยดาวเทียมราคาถูกจากต่างประเทศ
  • เป็นผู้สร้างชิ้นส่วน (Component Manufacturer) ส่งเสริมให้บริษัทไทยพัฒนาและผลิตชิ้นส่วนที่มีคุณภาพสูงสำหรับอุตสาหกรรมดาวเทียมและอวกาศ เพื่อป้อนให้กับตลาดโลก
  • เป็นศูนย์กลางบริการภาคพื้นดิน (Ground Station Hub) ด้วยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม ไทยสามารถเป็นศูนย์กลางในการรับสัญญาณและควบคุมดาวเทียมให้กับนานาชาติได้

บทสรุป ท้องฟ้าไม่ใช่ขีดจำกัด แต่คือพรมแดนเศรษฐกิจใหม่

การปล่อยจรวด SD-3 ของจีนในวันนี้ เป็นมากกว่าแค่ข่าววิทยาศาสตร์ มันคือสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคที่อวกาศกลายเป็น “ธุรกิจ” ที่ทุกคนเข้าถึงได้ อวกาศไม่ใช่เรื่องของหน่วยงานรัฐหรือมหาอำนาจอีกต่อไป แต่เป็นพรมแดนทางเศรษฐกิจใหม่ที่เต็มไปด้วยโอกาส

สำหรับประเทศไทย นี่คือช่วงเวลาสำคัญในการกำหนดทิศทางและยุทธศาสตร์อวกาศของชาติอย่างจริงจัง การตัดสินใจและลงมือทำในวันนี้ จะเป็นตัวกำหนดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะเป็นเพียง “ผู้บริโภค” เทคโนโลยีอวกาศจากต่างชาติ หรือจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็น “ผู้เล่น” คนสำคัญในเวที เศรษฐกิจอวกาศ ของโลกได้สำเร็จ

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *