วิกฤตซ้อนวิกฤต “น้ำท่วมดินถล่มเกาะสุมาตรา” คร่า 84 ชีวิต เมื่อมฤตยู ‘ลาวาเย็น’ ถล่มหมู่บ้าน ท้าทายการรับมือภัยพิบัติอาเซียน

น้ำท่วมดินถล่มเกาะสุมาตรา

[ปาดัง, อินโดนีเซีย] – เสียงคำรามกึกก้องท่ามกลางความมืดมิดของค่ำคืน ไม่ใช่เสียงฟ้าร้อง แต่เป็นเสียงของมวลน้ำมหาศาลที่กวาดเอาหินภูเขาไฟขนาดเท่ารถยนต์และโคลนตมสีดำทะมึน ลงมาจากยอดเขา “มาราปี” เข้าถล่มหมู่บ้านที่กำลังหลับใหล นี่คือภาพจำลองนรกบนดินที่เกิดขึ้นในจังหวัดสุมาตราตะวันตก ล่าสุดเจ้าหน้าที่กู้ภัยยืนยันตัวเลขที่น่าสลดใจ ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วม-ดินถล่มเกาะสุมาตราพุ่ง 84 ศพ และยังมีผู้สูญหายอีกหลายสิบคน ที่คาดว่ายังคงติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง

เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เพียงแค่ฝนตกน้ำท่วมตามฤดูกาล แต่คือปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่โหดร้ายและซับซ้อน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกว่า “ลาวาเย็น” (Lahar) มันคือหลักฐานเชิงประจักษ์ล่าสุดที่ชี้ว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญกับรูปแบบภัยพิบัติใหม่ที่รุนแรงและคาดเดายากยิ่งขึ้น

Sumatra Flash Floods and Landslides Claim Lives: Hundreds Casualties, 65...  - United Daily News

นาทีชีวิตท่ามกลางโคลนเดือด เมื่อภูเขาไฟและพายุจับมือกัน

รายงานจากสำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซีย (BNPB) ระบุว่า ฝนระดับมรสุมที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง ได้ชะล้างเอาเถ้าถ่านและวัสดุภูเขาไฟที่สะสมอยู่บริเวณปากปล่องภูเขาไฟมาราปี (Mount Marapi) ซึ่งมีการปะทุอย่างต่อเนื่องในช่วงปีที่ผ่านมา ไหลบ่าลงสู่แม่น้ำสายหลักในเขตทานาห์ดาตาร์ (Tanah Datar) และอากัม (Agam)

ความเร็วและพลังทำลายล้าง ต่างจากน้ำท่วมปกติที่ระดับน้ำค่อยๆ สูงขึ้น “ลาวาเย็น” เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงและมีความหนาแน่นเหมือนคอนกรีตเหลว มันพัดพาบ้านเรือน มัสยิด และสะพานให้พังทลายในพริบตา “เราไม่มีเวลาแม้แต่จะสวดภาวนา” ยูซุฟ หนึ่งในผู้รอดชีวิตเล่าทั้งน้ำตา “เสียงมันเหมือนเครื่องบินตกใส่หมู่บ้าน หินก้อนใหญ่กลิ้งผ่านหน้าบ้านผมไป และกวาดบ้านของเพื่อนบ้านหายไปในความมืด”

ปฏิบัติการกู้ภัยใน “โซนสีแดง” และอุปสรรคทางภูมิศาสตร์

ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย (SAR) ดำเนินไปอย่างยากลำบากท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ทีมกู้ภัยต้องใช้เครื่องจักรหนักและสุนัขดมกลิ่นเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตใต้กองโคลนที่เริ่มแข็งตัว

ความท้าทายหลัก 3 ประการ

  1. เส้นทางถูกตัดขาด ถนนสายหลักที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองปาดังและบูกิตติงกี ถูกตัดขาดจากดินสไลด์หลายจุด ทำให้การส่งเครื่องจักรหนักเข้าพื้นที่เป็นไปอย่างล่าช้า
  2. ความเสี่ยงซ้ำซ้อน ภูเขาไฟมาราปียังคงแสดงสัญญาณการปะทุ และกรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่าจะมีฝนตกหนักเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจก่อให้เกิด “ลาวาเย็น” ระลอกสอง
  3. สภาพพื้นที่ โคลนภูเขาไฟมีความลึกและดูด ทำให้การเดินเท้าเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยเอง

Sumatra Flash Floods and Landslides Claim Lives: Hundreds Casualties, 65...  - United Daily News

เจาะลึกรากเหง้าปัญหา ภัยธรรมชาติ หรือ ภัยจากมนุษย์?

แม้ น้ำท่วมดินถล่มเกาะสุมาตรา จะถูกจุดชนวนด้วยฝนและภูเขาไฟ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมชี้ว่า “ความรุนแรง” ของมัน ถูกขยายด้วยปัจจัยจากมนุษย์

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลที่สูงขึ้นรอบเกาะสุมาตรา ทำให้เกิดเมฆฝนที่มีความเข้มข้นสูง (Extreme Rainfall Events) ฝนที่เคยตกกระจายตลอดทั้งเดือน กลับตกลงมาทั้งหมดภายในไม่กี่ชั่วโมง เกินกว่าที่หน้าดินจะรับไหว

การใช้ประโยชน์ที่ดินผิดประเภท องค์กรสิ่งแวดล้อมในอินโดนีเซีย (WALHI) ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการขยายตัวของพื้นที่เกษตรกรรมและการทำเหมืองผิดกฎหมายบริเวณเชิงเขา ซึ่งทำลาย “แนวกั้นธรรมชาติ” (Natural Buffer) ที่ควรจะช่วยชะลอความเร็วของน้ำและโคลน เมื่อป่าต้นน้ำหายไป มวลน้ำจึงไหลลงสู่ชุมชนโดยตรงโดยปราศจากการชะลอ

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว

เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างหนักให้กับจังหวัดสุมาตราตะวันตก พื้นที่เกษตรกรรมหลายพันไร่ที่ปลูกข้าวและพืชเศรษฐกิจถูกทับถมด้วยโคลนภูเขาไฟ ซึ่งอาจทำให้ดินเสื่อมสภาพและไม่สามารถเพาะปลูกได้นานนับปี

  • วิกฤตที่อยู่อาศัย ประชาชนหลายพันคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นในชั่วข้ามคืน ศูนย์พักพิงชั่วคราวกำลังแออัดและขาดแคลนสิ่งของจำเป็น
  • โครงสร้างพื้นฐาน การซ่อมแซมถนนและสะพานอาจต้องใช้งบประมาณมหาศาลและใช้เวลานาน กระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและการขนส่งสินค้าในภูมิภาค

Indonesia floods toll rises to 84: officials - The Korea Times

มุมมองระดับภูมิภาค สัญญาณเตือนถึงอาเซียน

โศกนาฏกรรมที่สุมาตรา ส่งแรงสั่นสะเทือนถึงเพื่อนบ้านในอาเซียน รวมถึงไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศและเผชิญภัยคุกคามคล้ายคลึงกัน

บทเรียนสำคัญ

  1. ระบบเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning Systems) จำเป็นต้องมีการบูรณาการข้อมูลระหว่าง “หน่วยงานภูเขาไฟ” และ “กรมอุตุนิยมวิทยา” ให้เป็นระบบเดียว เพื่อแจ้งเตือนภัยคุกคามแบบผสมผสาน (Multi-hazard)
  2. การจัดโซนนิ่ง (Zoning) รัฐบาลต้องเข้มงวดในการห้ามตั้งถิ่นฐานในรัศมีเสี่ยงภัยของภูเขาไฟและทางน้ำหลาก แม้จะเป็นพื้นที่ที่ดินอุดมสมบูรณ์ก็ตาม

บทสรุป การต่อสู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด

ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตยังคงพุ่งสูงขึ้น และความหวังในการพบผู้รอดชีวิตเริ่มริบหรี่ น้ำท่วมดินถล่มเกาะสุมาตรา ครั้งนี้ ได้จารึกบทเรียนราคาแพงให้กับมนุษยชาติอีกครั้ง

เรากำลังอาศัยอยู่ในโลกที่ “ธรรมชาติ” ไม่ได้แยกส่วนกันทำงานอีกต่อไป ภูเขาไฟระเบิดส่งผลต่อดิน ดินส่งผลต่อแม่น้ำ และฝนจากภาวะโลกร้อนคือตัวเร่งปฏิกิริยา ทั้งหมดนี้รวมกันเป็น “Super Disaster” ที่มนุษย์ต้องเตรียมรับมือด้วยสติปัญญา เทคโนโลยี และความเคารพต่อธรรมชาติที่มากกว่าเดิม

หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติอย่างจริงจัง 84 ชีวิตที่สูญเสียไปในวันนี้ อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสถิติใหม่ที่น่าเศร้ายิ่งกว่าในอนาคต

 

แหล่งที่มาจาก : am2con