กรุงริยาด, ซาอุดีอาระเบีย — โศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งบนเส้นทางแสวงบุญของซาอุดีอาระเบีย ได้สั่นสะเทือนความรู้สึกของผู้คนทั่วโลก เมื่อช่วงค่ำของวันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2025 ที่ผ่านมา รถบัสผู้แสวงบุญอินเดีย คว่ำในซาอุฯ และเกิดเพลิงลุกไหม้ท่วมทั้งคัน บนทางหลวงฮิจเราะห์ (Al-Hijrah Highway) ซึ่งเป็นเส้นทางหลักเชื่อมระหว่างนครศักดิ์สิทธิ์เมกกะและเมดินา
ผลลัพธ์คือความสูญเสียอันน่าสลดใจ ยืนยันผู้เสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ 45 ราย ซึ่งเชื่อว่าเป็นชาวอินเดียทั้งหมด ที่กำลังเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ ท่ามกลางซากปรักหักพังที่ไหม้เกรียม กลับมีรายงาน “ปาฏิหาริย์” ที่แทบไม่น่าเชื่อ เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยพบเด็กชายวัย 8 ขวบ เป็น ผู้รอดชีวิต 1 คน จากผู้โดยสารทั้งหมด 46 คน
เหตุการณ์ อุบัติเหตุรถบัส ซาอุดีอาระเบีย ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ทิ้งร่องรอยความเจ็บปวดไว้บนผืนทรายแห่งอาระเบีย แต่ยังจุดชนวนคำถามสำคัญในระดับนานาชาติถึงมาตรฐานความปลอดภัยของบริษัทรถบัสขนส่งผู้แสวงบุญ และสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อทั้งรัฐบาลอินเดียและซาอุดีอาระเบีย ในการรับมือกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่นี้
![]()
ลำดับเหตุการณ์ 60 นาทีแห่งหายนะ “เบรกแตก” หรือ “คนขับหลับใน”?
ข้อมูลจากหน่วยงานป้องกันพลเรือนซาอุดีอาระเบีย (Saudi Civil Defense) และสำนักข่าว Saudi Press Agency (SPA) ได้ปะติดปะต่อภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนทางหลวงฮิจเราะห์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม “เส้นทางอพยพ” ของศาสดา
- เวลาประมาณ 1930 น. (17 พ.ย.) รถบัสคันดังกล่าวซึ่งบรรทุกผู้โดยสาร 46 คน (รวมคนขับ) กำลังมุ่งหน้าจากนครเมกกะไปยังนครเมดินา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการเดินทาง อุมเราะห์
- จุดเกิดเหตุ อุบัติเหตุเกิดขึ้นใกล้กับเมือง อัล อักฮาล (Al Akhal) ในสภาพอากาศที่ปกติ แต่เป็นช่วงเวลาพลบค่ำ
- ชนวนเหตุ รายงานเบื้องต้นยังคงสับสน พยานที่เห็นเหตุการณ์ (ซึ่งขับรถตามมา) ให้การกับสื่อท้องถิ่นว่า เห็นรถบัสขับส่ายไปมาด้วยความเร็วสูง ก่อนที่จะสูญเสียการควบคุม
- การปะทะ รถบัสได้พุ่งชนเข้ากับแนวกั้นคอนกรีตของสะพานอย่างรุนแรง แรงกระแทกทำให้รถพลิกคว่ำทันที
- เพลิงนรก ภายในไม่กี่วินาทีหลังพลิกคว่ำ ถังน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดการรั่วไหลและเกิดประกายไฟ ทำให้รถบัสทั้งคันกลายเป็น “ลูกไฟ” อย่างรวดเร็ว เปลวเพลิงที่รุนแรงและควันพิษหนาทึบ ทำให้ผู้โดยสารส่วนใหญ่ที่อาจรอดชีวิตจากการปะทะครั้งแรก ขาดอากาศหายใจและถูกไฟคลอกเสียชีวิตอยู่ภายใน
“ทีมกู้ภัยไปถึงที่เกิดเหตุภายใน 12 นาทีหลังได้รับแจ้ง” โฆษกหน่วยเสี้ยววงเดือนแดงซาอุดีอาระเบีย (Saudi Red Crescent) กล่าว “แต่น่าเศร้าที่ความรุนแรงของเพลิงไหม้นั้นเกินกว่าจะควบคุมได้ทันท่วงที มันปิดกั้นทุกเส้นทางการหลบหนีของผู้โดยสาร”
ปาฏิหาริย์ท่ามกลางเถ้าถ่าน เด็กชายวัย 8 ขวบ “ผู้รอดชีวิตหนึ่งเดียว”
ท่ามกลางความสิ้นหวังและการลำเลียงร่างผู้เสียชีวิต 45 ศพ ออกจากซากรถ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ยินเสียงร้องไห้แผ่วเบา
พวกเขาพบเด็กชายวัย 8 ขวบ (ซึ่งต่อมาได้รับการยืนยันว่าเป็นชาวอินเดีย เดินทางมากับพ่อแม่) ถูก “เหวี่ยง” ออกมาจากตัวรถบัสในจังหวะที่เกิดการพลิกคว่ำครั้งแรก ร่างของเขากระเด็นตกลงไปในพุ่มไม้ข้างทาง ทำให้รอดพ้นจากแรงกระแทกครั้งสุดท้ายและการถูกไฟคลอกอย่างหวุดหวิด
“เขาคือปาฏิหาริย์ที่แท้จริง” เจ้าหน้าที่กู้ภัยคนหนึ่งกล่าวกับสำนักข่าว Arab News “เขามีอาการบาดเจ็บสาหัส ทั้งกระดูกหักหลายแห่งและแผลไฟไหม้ แต่เขายังมีสติ”
ขณะนี้ ผู้รอดชีวิต 1 คน รายนี้ ซึ่งสูญเสียพ่อและแม่ไปในกองเพลิง กำลังได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิดในห้องไอซียูของโรงพยาบาล King Fahd ในนครเมดินา สถานะของเขากลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังเพียงหนึ่งเดียวในโศกนาฏกรรมครั้งนี้
“ใจสลาย” – อินเดียเคลื่อนไหวทันที ตั้งวอร์รูมกงสุล
ข่าวการเสียชีวิตของ ผู้แสวงบุญอินเดีย 45 ศพ ได้สร้างความตกตะลึงไปทั่วประเทศอินเดีย ซึ่งมีประชากรมุสลิมมากเป็นอันดับสามของโลก นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ได้ทวีตข้อความแสดงความเสียใจทันที
“ผมรู้สึกใจสลายอย่างสุดซึ้งกับข่าวอุบัติเหตุรถบัสอันน่าสลดใจในซาอุดีอาระเบีย ที่คร่าชีวิตผู้แสวงบุญชาวอินเดีย 45 คน ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้สูญเสีย และขอภาวนาให้เด็กชายผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวฟื้นตัวโดยเร็ว”
กระทรวงการต่างประเทศอินเดีย (MEA) ได้เปิดปฏิบัติการฉุกเฉิน
- สถานกงสุลในเจดดาห์ ได้จัดตั้งวอร์รูมและสายด่วน 24 ชั่วโมง เพื่อประสานงานกับครอบครัวเหยื่อ
- การยืนยันตัวตน ภารกิจที่ท้าทายที่สุดในขณะนี้ คือการระบุอัตลักษณ์ผู้เสียชีวิต เนื่องจากสภาพศพส่วนใหญ่ถูกไฟไหม้รุนแรงจนไม่สามารถระบุตัวตนได้ จำเป็นต้องใช้การตรวจพิสูจน์ DNA ซึ่งต้องใช้เวลา
- การส่งทีมสนับสนุน รัฐบาลอินเดียกำลังประสานงานกับทางการซาอุฯ เพื่อส่งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชและทีมกงสุลเพิ่มเติมไปยังนครเมดินา เพื่อช่วยเหลือในกระบวนการและอำนวยความสะดวกในการนำร่างผู้เสียชีวิตกลับประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงลึก โศกนาฏกรรมบนเส้นทาง Vision 2030
การที่ รถบัสผู้แสวงบุญอินเดีย คว่ำในซาอุฯ ในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาท แต่เป็นภาพสะท้อนของความท้าทายที่ซับซ้อนที่ซาอุดีอาระเบียกำลังเผชิญ ในฐานะ “ผู้พิทักษ์สองมัสยิดศักดิ์สิทธิ์”
“อุมเราะห์” และ “ฮัจญ์” โลจิสติกส์การเดินทางของผู้ศรัทธา
สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจความแตกต่าง
- ฮัจญ์ (Hajj) เป็นการแสวงบุญประจำปีที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กำหนด มีการจัดการที่เข้มงวดและควบคุมโดยรัฐบาลอย่างใกล้ชิด
- อุมเราะห์ (Umrah) สามารถปฏิบัติได้ตลอดทั้งปี มีความยืดหยุ่นกว่า และเป็นที่นิยมอย่างสูงในหมู่ผู้แสวงบุญจากทั่วโลก รวมถึงอินเดีย อินโดนีเซีย และปากีสถาน
อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วง “ฤดูกาลอุมเราะห์” ที่คึกคัก ซึ่งหมายความว่ามีรถบัสหลายพันคันสัญจรไปมาบนเส้นทาง เมกกะ-เมดินา ทุกวัน
Vision 2030 ปะทะ ความเป็นจริงบนท้องถนน
ภายใต้วิสัยทัศน์ 2030 (Vision 2030) ของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ซาอุดีอาระเบียมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนผู้แสวงบุญอุมเราะห์เป็น 30 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2030
- การลงทุนมหาศาล รัฐบาลได้ทุ่มเงินหลายแสนล้านดอลลาร์ในการขยายมัสยิด, สร้างโรงแรม, และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟความเร็วสูงฮาราเมน (Haramain High-Speed Railway) ที่เชื่อมต่อเมกกะและเมดินา เพื่อเป็นทางเลือกที่ “ปลอดภัยกว่า”
- ช่องว่างของความเป็นจริง แม้จะมีรถไฟความเร็วสูง แต่ผู้แสวงบุญส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะที่มากับกรุ๊ปทัวร์ราคาประหยัดจากเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ยังคงต้องพึ่งพาการขนส่งทางถนนด้วย “รถบัส”
ปัญหาคือ อุตสาหกรรมรถบัสเช่าเหมาลำเหล่านี้ มักถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย
จุดอ่อนระบบ “ความล้าของคนขับ” และ “การบำรุงรักษารถ”
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยการจราจรในตะวันออกกลาง ชี้ไปที่ปัญหาเรื้อรัง 2 ประการที่อาจเป็น สาเหตุรถบัสแสวงบุญคว่ำ
- ความเหนื่อยล้าของคนขับ (Driver Fatigue) ในฤดูการท่องเที่ยวที่หนาแน่น บริษัทรถบัสพยายามทำรอบให้ได้มากที่สุด คนขับมักถูกบังคับให้ขับรถ “ตีเปล่า” กลับมารับผู้โดยสารกลุ่มใหม่ในทันที การขับรถทางไกลในทะเลทรายที่ทิวทัศน์ซ้ำซากจำเจ (Monotonous desert driving) ทำให้เกิดภาวะ “หลับใน” (Microsleep) ได้ง่าย
- การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventative Maintenance) ในขณะที่ทางการซาอุฯ มีกฎระเบียบที่เข้มงวด แต่การบังคับใช้กับบริษัทรถบัสขนาดเล็กและขนาดกลางอาจไม่ทั่วถึง รถบัสเก่าที่ใช้งานหนักอาจไม่ได้การตรวจสอบระบบเบรกหรือยางอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานเบื้องต้นที่อาจเกิดจาก “เบรกแตก”
สถิติจากกระทรวงคมนาคมซาอุดีอาระเบียระบุว่า แม้อุบัติเหตุทางถนนโดยรวมในราชอาณาจักรจะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ “อุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับรถบัสขนส่งมวลชน” ยังคงเป็นปัญหาที่น่ากังวล โดยเฉพาะบนเส้นทางแสวงบุญ

อนาคตที่รออยู่ การสอบสวนและการทบทวนมาตรฐานครั้งใหญ่
ขณะนี้ คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย (ซึ่งปกติจะดูแลด้านการบิน แต่ถูกดึงมาช่วยในคดีร้ายแรง) ได้เริ่มเก็บหลักฐานจากซากรถบัสและกล่องบันทึกข้อมูล (หากมี) แล้ว
- แรงกดดันทางการทูต อินเดียได้เรียกร้องให้มีการสอบสวนที่ “รวดเร็วและโปร่งใส” รัฐบาลซาอุฯ ตระหนักดีว่าผลลัพธ์ของการสอบสวนครั้งนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของ “ตลาด” การท่องเที่ยวเชิงศาสนาที่ใหญ่ที่สุดของตน
- บทเรียนที่ต้องเรียนรู้ โศกนาฏกรรมครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การ “ปฏิรูป” กฎระเบียบการขนส่งผู้แสวงบุญทางถนนครั้งใหญ่ในซาอุดีอาระเบีย อาจรวมถึง
- การบังคับใช้กฎหมายชั่วโมงการทำงานของคนขับรถบัสที่เข้มงวดขึ้น
- การติดตั้งระบบ GPS และระบบติดตามความเหนื่อยล้าในรถบัสทุกคัน
- การเพิ่มจุดตรวจสภาพรถยนต์กะทันหันบนทางหลวงสายหลัก
บทสรุป 45 ชีวิตที่สูญเสีย กับ 1 ปาฏิหาริย์ที่รอการเยียวยา
โศกนาฏกรรมบนทางหลวงฮิจเราะห์ครั้งนี้ เป็นเครื่องเตือนใจอันเจ็บปวดถึงความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ แม้จะอยู่บนเส้นทางแห่งศรัทธาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
ในขณะที่สองประเทศกำลังทำงานร่วมกันเพื่อจัดการกับผลพวงที่น่าสลดใจ ทั้งการพิสูจน์อัตลักษณ์ร่างที่ไหม้เกรียม และการปลอบโยนครอบครัวที่แตกสลาย โลกทั้งใบก็กำลังภาวนาให้กับเด็กชายวัย 8 ขวบ “ผู้รอดชีวิตหนึ่งเดียว” ที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
เขาไม่เพียงแต่ต้องต่อสู้กับบาดแผลทางร่างกาย แต่ยังต้องเผชิญกับความจริงที่ว่า เขาจะต้องเติบโตขึ้นมาในโลกที่ปราศจากพ่อและแม่ ผู้ซึ่งจากไปตลอดกาลในกองเพลิงบนผืนแผ่นดินที่พวกเขาเดินทางมาเพื่อแสวงหาความสงบทางจิตวิญญาณ
แหล่งที่มาจาก : am2con