มะนิลา/ไทเป – (13 พฤศจิกายน 2025) ซูเปอร์ไต้ฝุ่นฟงวอง (ชื่อสากล Fong-Wong, ชื่อท้องถิ่น Sarah) ได้แผลงฤทธิ์อย่างเต็มที่ ขยี้ซ้ำพื้นที่ภาคเหนือของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ก่อนที่ระบบพายุจะ “อ่อนกำลังลง” อย่างมีนัยสำคัญในเช้าวันนี้ (13 พ.ย.) หลังจากปะทะกับแนวเทือกเขาคอร์ดิเยรา (Cordillera) อันทุรกันดาร การเคลื่อนตัวของพายุที่เร็วขึ้นและ ไต้ฝุ่นอ่อนกำลัง ลงอย่างรวดเร็ว ได้เปลี่ยนเส้นทางเล็กน้อย และขณะนี้กำลัง มุ่งหน้าไต้หวัน ในฐานะพายุไต้ฝุ่นระดับ 1
แม้ว่าฟิลิปปินส์จะต้องเผชิญกับ “วิกฤตมนุษยธรรมซ้ำซ้อน” (Compounding Crisis) ครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายปี จากการที่ “ฟงวอง” ซ้ำเติมพื้นที่ที่ยังชุ่มเลือดจากซูเปอร์ไต้ฝุ่น “คัลแมกี” (Kalmaegi) ที่เพิ่งสังเวยชีวิตไปกว่า 215 ศพเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่การอ่อนกำลังของมันกลับกลายเป็น “ข่าวดี” ที่สุดสำหรับเศรษฐกิจโลกอย่างไม่คาดคิด เนื่องจากไต้หวัน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของโลก รอดพ้นจากการถูกโจมตีโดยตรงจากซูเปอร์ไต้ฝุ่นไปอย่างหวุดหวิด
บทความนี้จะวิเคราะห์เชิงลึกถึงผลกระทบสองด้านที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว: ความหายนะซ้ำซากในฟิลิปปินส์ และ “ความโล่งใจ” ทางเศรษฐกิจของไต้หวันและห่วงโซ่อุปทานโลก
‘ฝันร้ายซ้ำสอง’ ฟิลิปปินส์เผชิญน้ำท่วมและดินถล่มระลอกใหม่
สำหรับฟิลิปปินส์ “ฟงวอง” คือการตอกย้ำโศกนาฏกรรม แม้ว่าพายุจะไม่ได้คงความรุนแรงระดับซูเปอร์ไต้ฝุ่นขณะพัดผ่านใจกลางเกาะ แต่การที่มันเคลื่อนตัวผ่านจุดเดิมที่ “คัลแมกี” เพิ่งถล่มไป ถือเป็นหายนะที่สมบูรณ์แบบ
การประเมินความเสียหายเบื้องต้น (ข้อมูลจาก NDRRMC และ PAGASA)
- พื้นที่วิกฤต จังหวัดคากายัน (Cagayan), อิซาเบลา (Isabela), และเบงเก็ต (Benguet) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยอดผู้เสียชีวิตจาก “คัลแมกี” สูงที่สุด
- ผลกระทบหลัก “ฟงวอง” ไม่ได้นำลมที่รุนแรงเท่า “คัลแมกี” แต่ได้นำ “ฝน” ปริมาณมหาศาลมาด้วย
- ดินที่อิ่มตัว ดร. มาฮาร์ ลากมาย (Dr. Mahar Lagmay) ผู้อำนวยการ Project NOAH (โครงการเตือนภัยภัยพิบัติของฟิลิปปินส์) อธิบายว่า “ดินในภูมิภาคนี้อิ่มตัว 100% แล้วจาก ‘คัลแมกี’ มันไม่สามารถดูดซับน้ำได้อีกต่อไป ฝนจาก ‘ฟงวอง’ แม้จะน้อยกว่า แต่ก็ไหลบ่าลงมาทันที”
- ดินถล่มระลอกใหม่ รายงานเบื้องต้นจาก NDRRMC (สภาการจัดการและลดความเสี่ยงภัยพิบัติแห่งชาติ) ยืนยันว่า เกิดเหตุดินถล่มขนาดเล็กและขนาดกลาง (Secondary Landslides) มากกว่า 50 จุด ตัดขาดเส้นทางช่วยเหลือที่เพิ่งเปิดได้ไม่ถึง 48 ชั่วโมง
- ภารกิจกู้ภัยที่ล้มเหลว ปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายกว่า 120 คนจาก “คัลแมกี” ต้องยุติลงโดยสมบูรณ์ และขณะนี้ทีมกู้ภัยเองก็ตกอยู่ในอันตราย
“นี่คือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เราจินตนาการได้” โฆษก NDRRMC แถลงเมื่อเช้านี้ “เราไม่ได้แค่กู้ภัยจากพายุลูกเดียวอีกต่อไป เรากำลังรับมือกับผลกระทบที่ทับถมกันของพายุสองลูก ศูนย์อพยพที่เต็มอยู่แล้ว กำลังถูกคุกคามด้วยน้ำท่วมรอบใหม่”
ยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจาก “ฟงวอง” โดยตรงยังคงอยู่ระหว่างการประเมิน แต่ ความเสียหายไต้ฝุ่นฟิลิปปินส์ ในเชิงโครงสร้างพื้นฐานและการเกษตรนั้น ถูกประเมินว่า “สมบูรณ์แบบ” (Total Loss) ในพื้นที่หุบเขาคากายัน
‘เทือกเขาผู้พิทักษ์’ เหตุผลที่ “ฟงวอง” อ่อนกำลังลง
ซูเปอร์ไต้ฝุ่นฟงวอง ที่เคยน่ากลัวถึงระดับ 5 ขณะอยู่ในทะเลฟิลิปปินส์ กลับอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วเป็นพายุระดับ 1 ภายในเวลาเพียง 18 ชั่วโมง อะไรคือสาเหตุ?
คำตอบคือภูมิศาสตร์ของฟิลิปปินส์เอง “ฟิลิปปินส์คือเกราะกำบังทางธรรมชาติสำหรับไต้หวันและจีนตอนใต้เสมอมา” นักอุตุนยมวิทยาอาวุโสจาก PAGASA (สำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์) อธิบาย
- การปะทะเทือกเขา (Mountain Interaction) เมื่อ “ฟงวอง” เคลื่อนตัวขึ้นฝั่ง มันปะทะเข้ากับเทือกเขาเซียร์รา มาเดร (Sierra Madre) และเทือกเขาคอร์ดิเยรา (Cordillera) ในเกาะลูซอน ความสูงชันของภูเขาเหล่านี้ “ฉีก” การหมุนเวียนในระดับต่ำของพายุ ทำให้ตาพายุสลายตัว
- การตัดขาดเชื้อเพลิง การเคลื่อนตัวบนแผ่นดิน ทำให้พายุถูกตัดขาดจาก “เชื้อเพลิง” หลัก นั่นคือไอน้ำอุ่นจากผิวทะเล
- อากาศเย็นแทรกซึม อากาศที่แห้งและเย็นกว่าจากแผ่นดินถูกดูดเข้าไปในแกนกลางพายุ ทำให้ความรุนแรงลดลงอย่างฮวบฮาบ
แม้จะเป็น “ผู้พิทักษ์” ให้กับเพื่อนบ้าน แต่ฟิลิปปินส์ก็ต้อง “จ่าย” ด้วยการรับแรงปะทะและความเสียหายทั้งหมดไว้เอง
ไต้หวันเตรียมรับมือ “โล่งอก” แต่ไม่ “ประมาท”
ในขณะที่ฟิลิปปินส์กำลังจมดิ่ง ไต้หวันกลับถอนหายใจอย่างโล่งอก
ไต้หวันเตรียมรับมือไต้ฝุ่น (Long-tail Keyword) อย่างเต็มกำลังเมื่อ 48 ชั่วโมงก่อน ด้วยความกลัวว่าซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 จะพุ่งชนเกาะโดยตรง ซึ่งอาจหมายถึงหายนะทางเศรษฐกิจโลก แต่เช้าวันนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
- การประกาศจาก CWB สำนักงานอุตุนิยมวิทยากลางของไต้หวัน (CWB) ได้ปรับลดระดับการเตือนภัยจาก “พายุไต้ฝุ่นทางบก” (Land Warning) เหลือเพียง “พายุไต้ฝุ่นทางทะเล” (Sea Warning)
- เส้นทางที่เปลี่ยนไป เส้นทางไต้ฝุ่นฟงวองล่าสุด แสดงให้เห็นว่าพายุที่อ่อนกำลังลง จะไม่ขึ้นฝั่งไต้หวันโดยตรง แต่จะ “เฉียด” ไปทางชายฝั่งตะวันออก มุ่งหน้าไปทางหมู่เกาะริวกิวของญี่ปุ่น
- ผลกระทบที่คาดการณ์ ไต้หวันยังคงคาดว่าจะได้รับฝนตกหนักและลมกระโชกแรงในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออก (เช่น ฮวาเหลียน, ไถตง) แต่ “ศูนย์กลาง” ทางเศรษฐกิจและการเมืองทางฝั่งตะวันตก (ไทเป, ไท่จง) จะไม่ได้รับผลกระทบหนัก
“กระสุนที่เพิ่งเฉี่ยวไป” ไต้ฝุ่น กับ ห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์
เหตุใดการที่ ไต้ฝุ่นอ่อนกำลัง จึงสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก? คำตอบอยู่ที่ “ซิลิคอน” (Silicon)
ไต้หวันคือผู้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง (Advanced Semiconductors) รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยเฉพาะบริษัท TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Co.) ซึ่งผลิตชิปให้กับ Apple, Nvidia และบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก
- ความเปราะบางของโรงงาน (Fabs) โรงงานผลิตชิป (Fabs) เหล่านี้ โดยเฉพาะที่อุทยานวิทยาศาสตร์ซินจู๋ (Hsinchu Science Park) มีความอ่อนไหวต่อภัยธรรมชาติอย่างยิ่ง
- ความเสี่ยง การสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อย (จากแผ่นดินไหว) หรือไฟฟ้าดับเพียงเสี้ยววินาที (จากพายุ) สามารถทำลายแผ่นเวเฟอร์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่กำลังผลิตอยู่ได้
- บทเรียนในอดีต ภัยแล้งและแผ่นดินไหวในไต้หวันช่วงปี 2021-2022 ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตมาแล้ว แต่การถูก “ซูเปอร์ไต้ฝุ่น” ระดับ 5 พุ่งชนโดยตรง ถือเป็นสถานการณ์ “วันสิ้นโลก” สำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
“สิ่งที่เกิดขึ้นในฟิลิปปินส์คือโศกนาฏกรรม” นักวิเคราะห์จาก Bloomberg ในไทเปให้ความเห็น “แต่ในมุมมองของห่วงโซ่อุปทานโลก การที่ ‘ฟงวอง’ สลายความรุนแรงทั้งหมดที่ลูซอนก่อนถึงไต้หวัน ถือเป็น ‘กระสุนที่เพิ่งเฉี่ยวไป’ (Bullet Dodged) ที่สำคัญที่สุดของปี”
บทสรุป สองชาติ สองชะตากรรม ใต้เส้นทางพายุเดียวกัน
ซูเปอร์ไต้ฝุ่นฟงวอง ทิ้งบทเรียนที่ชัดเจนไว้สองประการในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง
สำหรับฟิลิปปินส์ นี่คือหลักฐานที่เจ็บปวดว่า “วิกฤตซ้ำซ้อน” คือความปกติใหม่ในยุคโลกร้อน ประเทศที่เปราะบางที่สุดกำลังถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนไม่มีเวลาแม้แต่จะฟื้นตัว การเสียสละของฟิลิปปินส์ในฐานะ “กำแพงกันพายุ” ให้กับเอเชียตะวันออก มีราคาสูงเกินไป
สำหรับไต้หวันและโลก นี่คือการเตือนสติครั้งใหญ่ถึง “ความเปราะบาง” ของห่วงโซ่อุปทานโลก ที่ผูกติดอยู่กับเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนเส้นทางพายุไต้ฝุ่นและรอยเลื่อนแผ่นดินไหว
แม้ “ฟงวอง” จะอ่อนกำลังลง และไต้หวันจะรอดพ้นจากหายนะทางเศรษฐกิจในครั้งนี้ แต่คำถามที่ใหญ่กว่าคือ โลกจะทำอย่างไรเมื่อพายุลูกต่อไป—ที่อาจแข็งแกร่งกว่า และไม่แวะพักที่ฟิลิปปินส์ก่อน—กำลังมุ่งหน้ามา
แหล่งที่มาจาก : am2con
