(วันที่ 31 ตุลาคม 2025, จาการ์ตา/ซูกาบูมี) – โครงการ “อาหารกลางวันโรงเรียนฟรี” (Makan Siang Gratis) ซึ่งเป็นนโยบายประชานิยมเรือธงมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีคนใหม่ ปราโบโว ซูเบียนโต (Prabowo Subianto) กำลังเผชิญหน้ากับ “วิกฤตศรัทธา” ครั้งร้ายแรงที่สุดและรวดเร็วที่สุด หลังเข้ารับตำแหน่งเพียง 11 วัน
เหตุการณ์ อาหารเป็นพิษหมู่ ครั้งใหญ่ ได้ส่ง นักเรียนอินโดนีเซียป่วย มากกว่า 660 คน ในเขตซูกาบูมี (Sukabumi) จังหวัดชวาตะวันตก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่พวกเขารับประทาน อาหารกลางวันโรงเรียนฟรี อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “โครงการนำร่อง” (Pilot Project) ที่รัฐบาลเพิ่งเริ่มดำเนินการ
ภาพความโกลาหลของเด็กนักเรียนชั้นประถมหลายร้อยคนที่มีอาการปวดท้องรุนแรง, อาเจียน และท้องร่วง ถูกหามส่งโรงพยาบาลและคลินิกชั่วคราวอย่างเร่งด่วน ได้กลายเป็น “ฝันร้าย” ทางการเมืองของรัฐบาลชุดใหม่ และเป็นการตอกย้ำคำเตือนของนักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ที่เคยแสดงความกังวลอย่างหนักถึง “ความพร้อม” และ “ความปลอดภัย” ในการดำเนินนโยบายขนาดยักษ์นี้
ขณะนี้ BPOM (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งอินโดนีเซีย) และกระทรวงสาธารณสุข ได้เข้าควบคุมพื้นที่และสั่งระงับผู้ให้บริการจัดเลี้ยง (Caterer) ที่เกี่ยวข้องทันที แต่คำถามที่ดังก้องไปทั่วประเทศ 280 ล้านคน ไม่ใช่แค่ “ใครผิด” แต่คือ “นโยบายนี้จะเดินหน้าต่อได้อย่างไร?”

วินาทีโกลาหล เมื่อ “อาหารแห่งความหวัง” กลายเป็น “ยาพิษ”
เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นในช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดี หลังเวลาอาหารกลางวันไม่นาน นักเรียนจากโรงเรียนประถมอย่างน้อย 3 แห่ง ในเขตซูกาบูมี เริ่มแสดงอาการป่วยพร้อมกันในลักษณะเดียวกัน
“ลูกชายฉันกลับมาจากโรงเรียนด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด” นางซิติ (Siti) มารดาของนักเรียนวัย 8 ขวบ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว The Jakarta Post “ไม่ถึง 10 นาที เขาก็เริ่มอาเจียนอย่างรุนแรง… จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงไซเรนดังไปทั่วหมู่บ้าน เพื่อนบ้านคนอื่นๆ ก็อุ้มลูกๆ ที่มีอาการเดียวกันวิ่งออกมา”
โรงพยาบาลท้องถิ่นและศูนย์สุขภาพชุมชน (Puskesmas) ถูก “ถล่ม” ด้วยคลื่นมนุษย์ขนาดเล็กหลายร้อยคนในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
- ยอดผู้ป่วยพุ่ง จากรายงานเริ่มต้นที่ 200 คน ตัวเลขได้พุ่งทะยานข้ามคืนเป็น 660+ คน
- สถานการณ์ในโรงพยาบาล แพทย์ต้องตั้งเต็นท์สนามและคลินิกชั่วคราวบริเวณลานจอดรถ เพื่อให้น้ำเกลือและรักษาอาการขาดน้ำเบื้องต้น นักเรียนประมาณ 80-100 คน ที่มีอาการรุนแรง ถูกรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล
- เมนูต้องสงสัย รายงานเบื้องต้นระบุว่าเมนูในวันนั้นประกอบด้วย ข้าว, ไก่ทอด (หรือไข่ต้มในบางโรงเรียน), และเตมเป (Tempeh) ซึ่งทั้งหมดมาจาก “ครัวกลาง” (Central Kitchen) ของผู้รับเหมาที่ชนะการประมูลโครงการนำร่องนี้
นายอาเด ซูจามาร์ (Ade Sujamar) หัวหน้าสำนักงานสาธารณสุขซูกาบูมี ยืนยันว่านี่คือ “เหตุการณ์ไม่ธรรมดา” (Extraordinary Occurrence – KLB) ด้านอาหารเป็นพิษ “เราได้ส่งตัวอย่างอาหาร, อาเจียนของผู้ป่วย และน้ำ ไปยังห้องปฏิบัติการของ BPOM ในบันดุงแล้ว… ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นคือการปนเปื้อนของแบคทีเรียขั้นรุนแรง อาจเป็น E. coli หรือ Staphylococcus แต่เราต้องรอผลยืนยัน”
“Makan Siang Gratis” นโยบายเรือธงที่เดิมพันด้วย “อนาคตชาติ” (และงบประมาณมหาศาล)
เพื่อที่จะเข้าใจว่าทำไมเหตุการณ์ นักเรียนป่วย 660 คน ถึงสั่นสะเทือนไปถึงทำเนียบประธานาธิบดีในจาการ์ตา เราต้องเข้าใจความสำคัญของนโยบาย อาหารกลางวันโรงเรียนฟรี อินโดนีเซีย
นี่คือ “คำสัญญาระดับชาติ” (Signature Campaign Promise) ของประธานาธิบดี ปราโบโว ซูเบียนโต ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา
เป้าหมายของโครงการ
- ต่อสู้ภาวะทุพโภชนาการ มุ่งเป้าแก้ปัญหา “ภาวะแคระแกร็น” (Stunting) ในเด็กอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติ
- ครอบคลุม ตั้งเป้าหมายสูงสุดไว้ที่การแจกจ่ายอาหารและนมฟรีให้กับเด็กนักเรียนกว่า 80 ล้านคนทั่วประเทศ (ตั้งแต่ระดับก่อนวัยเรียนจนถึงมัธยมปลาย)
ความท้าทายที่ถูกวิจารณ์
อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนักเศรษฐศาสตร์และนักวิชาการ ตั้งแต่ก่อนที่ปราโบโวจะชนะการเลือกตั้งเสียอีก
- ต้นทุนมหาศาล นี่คือโครงการที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์อินโดนีเซีย คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณสูงถึง 450 ล้านล้านรูเปียห์ (ประมาณ 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 1 ล้านล้านบาท) ต่อปี เมื่อดำเนินการเต็มรูปแบบ
- ภาระงบประมาณ นักวิจารณ์กังวลว่าโครงการนี้จะ “เบียดบัง” งบประมาณที่จำเป็นด้านอื่นๆ เช่น การศึกษา, สาธารณสุข และโครงสร้างพื้นฐาน และอาจทำให้ตัวเลขหนี้สาธารณะของประเทศพุ่งสูงขึ้น
“นี่คือนโยบายที่ขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์ประชานิยม มากกว่าหลักการด้านสาธารณสุข” นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Center for Strategic and International Studies (CSIS) ในจาการ์ตา กล่าว “เป้าหมายนั้นดี แต่การนำไปปฏิบัตินั้นคือฝันร้ายด้านโลจิสติกส์”

“ฝันร้ายโลจิสติกส์” วิกฤตที่ถูกเตือนแล้ว แต่รัฐบาลเพิกเฉย?
เหตุการณ์อาหารเป็นพิษหมู่ที่ซูกาบูมี คือภาพจำลองของ “ฝันร้ายด้านโลจิสติกส์” ที่นักวิจารณ์เคยเตือนไว้ทุกประการ
การที่ประธานาธิบดีปราโบโว (ซึ่งเพิ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2025) เร่งรัดที่จะ “เปิดตัว” โครงการนำร่องนี้ทันที ถูกมองว่าเป็นการตัดสินใจที่ “รีบร้อนเกินไป” เพื่อหวังผลทางการเมือง โดยละเลยการวางรากฐานด้านความปลอดภัย
ปัญหาที่โครงการนี้ต้องเผชิญ (และล้มเหลวในซูกาบูมี)
- การจัดซื้อจัดจ้าง (Procurement) การประมูลหาผู้รับเหมาจัดเลี้ยง (Caterer) หลายพันหลายหมื่นรายทั่วประเทศ 17,000 เกาะ เป็น “ช่องโหว่ขนาดมหึมา” สำหรับการทุจริตคอร์รัปชัน และการ “ฮั้วประมูล” ที่อาจทำให้ได้ผู้ประกอบการที่ “ไม่มีคุณภาพ” แต่ “มีเส้นสาย”
- การควบคุมมาตรฐาน (Quality Control) BPOM และกระทรวงสาธารณสุข มีทรัพยากรและกำลังคนไม่เพียงพอที่จะตรวจสอบ “ครัว” ของผู้รับเหมาทุกรายทั่วประเทศได้ทุกวัน
- ห่วงโซ่ความเย็น (Cold Chain) ในประเทศเขตร้อนอย่างอินโดนีเซีย การขนส่งวัตถุดิบที่เน่าเสียง่าย (เช่น เนื้อไก่, นม) จากครัวกลางไปยังโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล โดยไม่มีระบบ “ห่วงโซ่ความเย็น” ที่เหมาะสม คือสูตรสำเร็จของหายนะ
- สุขอนามัยอาหาร (Food Hygiene) การขาดแคลนน้ำสะอาด และการขาดความรู้ด้านสุขอนามัยอาหารของผู้ประกอบการรายย่อย คือปัญหาเรื้อรังที่ยังแก้ไม่ตก
“สิ่งที่เกิดขึ้นที่ซูกาบูมี คือบทเรียนราคาแพงที่สุด” นายกุสเตียน (Gus Irawan) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน กล่าว “นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณพยายามทำโครงการระดับ 80 ล้านคน ด้วยกระบวนการที่รีบเร่ง… รัฐบาลต้อง ‘เหยียบเบรก’ โครงการนี้ทันที และทบทวนกระบวนการทั้งหมด ก่อนที่เด็กคนอื่นๆ จะต้องล้มป่วยหรือเสียชีวิต”
รัฐบาลตั้งรับ กระทรวงศึกษาฯ ลั่น “สอบสวน” แต่ “โครงการยังเดินหน้า”
วิกฤตครั้งนี้บีบให้รัฐบาลใหม่ของปราโบโวต้องออกมา “ตั้งรับ” อย่างเร่งด่วน
นายนาดิม มาการิม (Nadiem Makarim) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม วิจัย และเทคโนโลยี (ซึ่งอาจถูกปรับเปลี่ยนในรัฐบาลใหม่) ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
“เรารู้สึกหัวใจสลายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น… ความปลอดภัยและสุขภาพของนักเรียนคือสิ่งสำคัญสูงสุด” แถลงการณ์ระบุ “เราได้สั่งระงับผู้ให้บริการรายนี้ และกำลังทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและ BPOM อย่างใกล้ชิด เพื่อสืบสวนหา สาเหตุ นักเรียนอินโดนีเซีย อาหารเป็นพิษ ในครั้งนี้… จะต้องมีผู้รับผิดชอบ”
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของ “นโยบาย” ทำเนียบประธานาธิบดียังคงส่งสัญญาณ “เดินหน้าต่อ”
โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีปราโบโว ยืนยันว่า “เหตุการณ์ที่น่าเสียใจนี้” จะไม่ทำให้โครงการ “Makan Siang Gratis” หยุดชะงัก แต่จะเป็น “บทเรียนสำคัญ” ในการปรับปรุงกระบวนการกำกับดูแลให้รัดกุมยิ่งขึ้นในระหว่างการขยายผลทั่วประเทศ
ท่าที “เดินหน้าต่อ” นี้ สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มผู้ปกครองและนักวิชาการด้านสาธารณสุข ที่มองว่ารัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับ “หน้าตาทางการเมือง” มากกว่า “ความปลอดภัยของเด็ก”

บทเรียนจากเพื่อนบ้าน “อาหารกลางวันโรงเรียน” ในอาเซียนและไทย
ปัญหา อาหารกลางวันโรงเรียน ไม่ใช่เรื่องใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยเองก็มีประสบการณ์ที่เจ็บปวดกับโครงการลักษณะนี้มาอย่างต่อเนื่อง
- กรณีศึกษาประเทศไทย โครงการอาหารกลางวันโรงเรียนฟรีในไทย (ซึ่งมีงบประมาณหลายหมื่นล้านบาท) เผชิญกับ “การทุจริตเชิงระบบ” มานานหลายทศวรรษ ข่าวอื้อฉาวเรื่อง “นมบูด”, “อาหารปริมาณน้อย”, “วัตถุดิบเน่าเสีย” หรือ “แกงจืดวิญญาณไก่” เกิดขึ้นซ้ำซาก
- ความแตกต่าง ปัญหาในไทยมักเกิดจาก “การทุจริต” ในระดับโรงเรียนหรือท้องถิ่น (Decentralized corruption) ที่ทำให้เด็กได้ “อาหารไม่มีคุณภาพ”
- ความน่ากลัวของอินโดนีเซีย กรณีของอินโดนีเซียแตกต่างและน่ากลัวกว่าในแง่ของ “ขนาด” (Scale) รัฐบาลปราโบโวกำลังพยายามสร้างระบบ “ครัวกลาง” (Centralized) ซึ่งหากเกิดการปนเปื้อนเพียงจุดเดียว มันจะหมายถึง “การระบาด” (Outbreak) ในระดับหลายร้อยหรือหลายพันคนในคราวเดียว ดังที่เกิดขึ้นในซูกาบูมี
ดร. สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ (นามสมมติ) นักวิชาการด้านนโยบายสาธารณะในไทย วิเคราะห์ว่า “อินโดนีเซียกำลังพยายามทำในสิ่งที่ยากที่สุดในโลก คือการรวมศูนย์ระบบอาหารเลี้ยงคน 80 ล้านคน… ความเสี่ยงมันสูงมหาศาล… สิ่งที่เกิดขึ้นนี้คือสัญญาณเตือนว่า แม้แต่ประเทศไทยที่ใช้วิธีกระจายอำนาจ (Decentralized) ยังเต็มไปด้วยการทุจริต แล้วระบบรวมศูนย์ที่ใหญ่ขนาดนั้น จะมีช่องโหว่ให้คอร์รัปชันและความผิดพลาดด้านความปลอดภัยมากแค่ไหน”
กรณี นักเรียนอินโดนีเซีย อาหารเป็นพิษ ครั้งนี้ จึงกลายเป็น “กรณีศึกษาภาคบังคับ” สำหรับทุกประเทศในอาเซียน ที่กำลังคิดจะดำเนินนโยบายประชานิยมด้านอาหาร ว่า “ความเร็ว” ไม่สามารถแลกมาด้วย “ความปลอดภัย” ได้
บทสรุป อนาคตของ “Makan Siang Gratis” บนเตียงผู้ป่วย
ณ เวลานี้ (1336 น. วันศุกร์) เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ในซูกาบูมีมีอาการดีขึ้นและเริ่มทยอยกลับบ้านได้แล้ว แต่ “สุขภาพ” ของนโยบายที่ใหญ่ที่สุดของประธานาธิบดีปราโบโว กลับกำลัง “ป่วยหนัก”
เหตุการณ์ อาหารเป็นพิษหมู่ 660+ คน คือบททดสอบแรกที่ท้าทายความสามารถในการบริหารจัดการของรัฐบาลใหม่โดยตรง มันพิสูจน์ให้เห็นว่า “คำสัญญา” ที่สวยหรูตอนหาเสียง กับ “ความจริง” ที่โหดร้ายในการปฏิบัติงานนั้น เป็นคนละเรื่องกัน
รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังยืนอยู่บนทางแยกที่อันตราย
หากพวกเขายอม “ชะลอ” โครงการเพื่อวางระบบความปลอดภัยใหม่ทั้งหมด ก็จะถูกโจมตีว่า “ล้มเหลว” ตั้งแต่เริ่มต้น และสูญเสียคะแนนนิยมทางการเมือง
แต่หากพวกเขายังคง “ดันทุรัง” เดินหน้าต่อโดยไม่แก้ไขปัญหารากฐาน… โศกนาฏกรรมที่ซูกาบูมี อาจเป็นเพียง “บทนำ” ของหายนะด้านสาธารณสุขที่ใหญ่กว่านี้ ที่รอวันเกิดขึ้นทั่วประเทศอินโดนีเซีย
แหล่งที่มาจาก : am2con
 
		 
		 
		