(วันที่ 31 ตุลาคม 2025, แคนตัน, มิสซิสซิปปี/วอชิงตัน ดี.ซี.) – ลิงทดลอง หนี ปฏิบัติการไล่ล่าครั้งใหญ่ที่ผสมผสานระหว่างความตื่นตระหนกด้านสาธารณสุขและวิกฤตด้านจริยธรรม กำลังดำเนินไปอย่างตึงเครียดในเขตชานเมืองของรัฐมิสซิสซิปปีในวันนี้ (31 ต.ค.) หลังจากเกิดอุบัติเหตุ รถบรรทุกพลิกคว่ำ บนทางหลวงหมายเลข I-55 ใกล้เมืองแคนตัน ส่งผลให้กรงบรรจุ “ลิงทดลอง” จำนวนมากแตกกระจาย และมีลิงแสม (Cynomolgus Macaques) อย่างน้อย 20 ตัว หลบหนีเข้าป่าไป
ณ เวลา 1300 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 0100 น. วันที่ 1 พ.ย. ตามเวลาประเทศไทย) เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าสามารถจับกุมลิงคืนมาได้แล้ว 15 ตัว แต่ยังมีลิงอีก 5 ตัวที่ยังคง “ลอยนวล” (On the loose)
สำนักงานนายอำเภอเมดิสันเคาน์ตี้ (Madison County Sheriff’s Office) ได้ประกาศเตือนภัยประชาชนในระดับสูงสุด โดยระบุว่า ลิงหลบหนี เหล่านี้มี “พฤติกรรมก้าวร้าว” อย่างมาก และย้ำเตือนประชาชน “ห้ามเข้าใกล้ ห้ามให้อาหาร หรือพยายามจับโดยเด็ดขาด”
เหตุการณ์ที่ดูเหมือนพล็อตในภาพยนตร์ฮอลลีวูดนี้ ได้ยกระดับเป็นวิกฤตระดับชาติ เมื่อ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ถูกส่งเข้ามาในพื้นที่ทันที เพื่อรับมือกับ “ภัยคุกคามทางชีวภาพ” (Biohazard threat) ที่อาจแฝงมากับสัตว์เหล่านี้ ขณะเดียวกัน องค์กรพิทักษ์สัตว์ PETA ได้ออกมาประณามเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างรุนแรง โดยชี้ว่านี่คือภาพสะท้อนที่น่าสลดใจของ “การค้าสัตว์ทดลอง” ที่โหดร้ายและเต็มไปด้วยความลับ
ลิงทดลอง หนี ถอดรหัส 45 นาทีแห่งความโกลาหล จากอุบัติเหตุสู่การไล่ล่า
เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 1530 น. ของบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม รถบรรทุกขนส่งสินค้าที่ไม่มีเครื่องหมายระบุอัตลักษณ์ที่ชัดเจน (Unmarked truck) ได้สูญเสียการควบคุมและพลิกคว่ำบนทางหลวง I-55 ขาใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรหลัก
พยานผู้เห็นเหตุการณ์คนแรกซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกอีกคัน รายงานต่อสายด่วน 911 ว่าเห็น “กรงหลายสิบกรง” กระจัดกระจายเกลื่อนถนน และเห็น “ลิงตัวเล็กๆ” วิ่งหนีเข้าไปในแนวป่าทึบข้างทางอย่างรวดเร็ว
“ตอนแรกผมคิดว่าผมตาฝาด” นายไมเคิล เจนกินส์ ผู้เห็นเหตุการณ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น WAPT News “มันโกลาหลมาก คนขับรถบรรทุก (ที่ประสบเหตุ) พยายามตะโกนบอกให้คนอยู่ห่างๆ แต่แล้วลิงพวกนั้นก็หายไปในป่า”
ปฏิบัติการตอบสนองเป็นไปอย่างสับสนในช่วง 45 นาทีแรก
- หน่วยลาดตระเวนทางหลวงมิสซิสซิปปี (Mississippi Highway Patrol) และทีมฉุกเฉินท้องถิ่น รีบรุดมายังที่เกิดเหตุโดยคิดว่าเป็นอุบัติเหตุทั่วไป
- ความจริงปรากฏ เมื่อทีมกู้ภัยเข้าใกล้ซากรถ พวกเขาจึงตระหนักว่ากำลังเผชิญหน้ากับ “สัตว์ทดลอง” ที่ตื่นตระหนกและก้าวร้าว
- การปิดล้อมพื้นที่ เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรบนทางหลวง I-55 ทั้งสองฝั่งนานหลายชั่วโมง ทำให้การจราจรติดขัดยาวหลายสิบกิโลเมตร
- การไล่ล่าเริ่มต้น ทีมควบคุมสัตว์ (Animal Control) และเจ้าหน้าที่จากบริษัทขนส่ง (ซึ่งมาถึงในภายหลัง) เริ่มปฏิบัติการไล่ล่าที่ยากลำบากท่ามกลางป่าทึบและอากาศที่เริ่มเย็นลง
นายอำเภอเมดิสันเคาน์ตี้ แถลงในช่วงค่ำว่า “เรากำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่อันตรายและไม่ปกติอย่างยิ่ง เราได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ร่วม และกำลังใช้โดรนตรวจจับความร้อน (Thermal Drones) เพื่อค้นหาลิง 5 ตัวที่เหลือตลอด 24 ชั่วโมง”
“ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด” CDC ยกระดับเตือนภัย “เชื้อโรค” จากลิง
สถานการณ์บานปลายจาก “อุบัติเหตุ” เป็น “วิกฤตสาธารณสุข” ทันทีที่ทราบแน่ชัดว่าลิงเหล่านี้คือ “ไพรเมตที่ไม่ใช่มนุษย์” (Non-human Primates – NHPs) ที่กำลังถูกขนส่งไปยัง ศูนย์วิจัยไพรเมต
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ได้ออกแถลงการณ์ฉุกเฉินในเช้าวันนี้ โดยยืนยันว่าทีมผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อจากสัตว์ (Zoonotic Disease Specialists) ได้เดินทางจากแอตแลนตามายังมิสซิสซิปปีแล้ว
“ประชาชนต้องเข้าใจว่าลิงเหล่านี้ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง” โฆษก CDC กล่าว “พวกมันถูกเลี้ยงในสภาพแวดล้อมเฉพาะ และอาจเป็นพาหะของเชื้อโรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิตต่อมนุษย์”

ภัยคุกคามที่แท้จริง ไวรัส “Herpes B”
สิ่งที่ CDC และผู้เชี่ยวชาญกังวลมากที่สุด ไม่ใช่แค่ พฤติกรรมก้าวร้าว แต่คือเชื้อไวรัส Cercopithecine herpesvirus 1 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Herpes B Virus”
นี่คือประเด็นสำคัญที่ประชาชนต้องรับทราบ
- ในลิงแสม ไวรัส Herpes B เป็นเชื้อที่พบได้ทั่วไปในลิงแสม (Cynomolgus และ Rhesus macaques) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่นิยมใช้ในงานวิจัยมากที่สุด มันไม่ก่อให้เกิดอาการรุนแรงในลิง (คล้ายเริมในมนุษย์)
- ในมนุษย์ หากมนุษย์ติดเชื้อนี้ (ผ่านการกัด, ข่วน, หรือสัมผัสกับน้ำลาย/สารคัดหลั่ง) มันสามารถกลายเป็น “มฤตยูเงียบ”
- ความรุนแรง เชื้อ Herpes B จะโจมตีระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการสมองอักเสบ (Encephalomyelitis)
- อัตราการเสียชีวิต หากไม่ได้รับการรักษาทันที อัตราการเสียชีวิตในมนุษย์สูงถึง 70-80%
“การที่เจ้าหน้าที่เตือนว่าลิงมีพฤติกรรมก้าวร้าว คือฝันร้าย” ดร. แอนเจลา ราสมุสเซน (Dr. Angela Rasmussen) นักไวรัสวิทยา ให้ความเห็น “ลิงที่ตื่นกลัว, บาดเจ็บ, และหิวโหย มีแนวโน้มที่จะ ‘ป้องกันตัว’ ด้วยการกัดหรือข่วน การสัมผัสเพียงครั้งเดียวก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไม ลิงทดลองอันตรายหรือไม่ คำตอบคือ ‘ใช่’ อย่างยิ่ง”
CDC ได้ตั้งสายด่วนเฉพาะกิจ และแจ้งเตือนโรงพยาบาลทุกแห่งในรัศมี 100 ไมล์ ให้เตรียมพร้อมรับมือผู้ที่อาจสัมผัสเชื้อ โดยย้ำว่า “ใครก็ตามที่ถูกลิงกัดหรือข่วน ต้องรีบล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาดอย่างน้อย 15 นาที และไปพบแพทย์ทันที”
สปอตไลท์ส่อง “กรง” ที่มองไม่เห็น PETA ประณาม “การค้าสัตว์ทดลอง”
ลิงทดลอง หนี ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังต่อสู้กับภัยคุกคามทางกายภาพ องค์กรพิทักษ์สัตว์ก็ได้เปิดฉาก “สงคราม” ทางจริยธรรมทันที
กลุ่มประชาชนเพื่อการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีจริยธรรม (PETA) ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงกระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) และกระทรวงคมนาคม (DOT) เรียกร้องให้มีการสอบสวนบริษัทขนส่งและห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มรูปแบบ
“โศกนาฏกรรมบน I-55 คือหายนะที่รอวันเกิดขึ้น” ลิซา โจนส์ (Lisa Jones) รองประธาน PETA แถลง “ลิงที่ตื่นตระหนกและบาดเจ็บเหล่านี้ ไม่ควรอยู่บนรถบรรทุกตั้งแต่แรก พวกเขาคือเหยื่อของอุตสาหกรรมการทดลองในสัตว์ที่โหดร้ายและเต็มไปด้วยความลับ”
PETA และกลุ่มพิทักษ์สัตว์อื่นๆ ได้ตั้งคำถามสำคัญที่สังคมต้องร่วมกันตอบ
- มาจากไหน? ลิงเหล่านี้ถูกนำเข้ามาจากที่ใด? สหรัฐฯ นำเข้าไพรเมตหลายหมื่นตัวต่อปี (ส่วนใหญ่จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น กัมพูชา, มอริเชียส) เพื่อใช้ในการวิจัยยาและวัคซีน
- จะไปที่ไหน? ปลายทางของรถบรรทุกคันนี้คือที่ใด? เป็นศูนย์วิจัยของมหาวิทยาลัย หรือห้องปฏิบัติการของบริษัทเอกชน (Contract Research Organization – CRO)?
- ทำไมต้องลับ? ทำไมการขนส่ง สัตว์ทดลอง เหล่านี้จึงต้องทำอย่างลับๆ โดยใช้รถบรรทุกที่ไม่ติดป้ายบอกอันตรายทางชีวภาพที่ชัดเจน?
“ประชาชนในมิสซิสซิปปีต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากเชื้อ Herpes B เพียงเพราะอุตสาหกรรมที่เห็นแก่กำไร พยายามขนย้ายสัตว์ที่รู้สึกเจ็บปวดเป็นเหมือน ‘สินค้า’ บนท้องถนน” แถลงการณ์ PETA ระบุ “เราเรียกร้องให้ยุติการขนส่งไพรเมต และหันไปใช้วิธีการวิจัยสมัยใหม่ที่ไม่ต้องใช้สัตว์”

“เดจาวู เพนซิลเวเนีย” บทเรียนที่โลกลืม?
เหตุการณ์ ลิงหลบหนี ครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ มันคือ “เดจาวู” ที่น่าขนลุกของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อเดือนมกราคม 2022
ในครั้งนั้น รถบรรทุกที่ขนลิงแสม 100 ตัว (กำลังมุ่งหน้าไปยังห้องปฏิบัติการของ CDC) ประสบอุบัติเหตุใกล้เมืองแดนวิลล์ ทำให้ลิงหลบหนีไป 4 ตัว
เหตุการณ์ที่เพนซิลเวเนีย ได้เปิดโปง “โลกสีเทา” ของการขนส่งไพรเมตให้สาธารณชนได้รับรู้เป็นครั้งแรก
- การตามล่าที่โหดร้าย ลิงที่หลบหนีทั้ง 4 ตัว ถูกตามล่าและ “การุณยฆาต” (Euthanized) ทั้งหมด ซึ่งจุดชนวนความโกรธแค้นในหมู่ประชาชน
- ความเสี่ยงต่อประชาชน หญิงคนหนึ่งที่พยายามช่วยเหลือลิงโดยไม่ทราบถึงอันตราย ได้สัมผัสกับสารคัดหลั่ง และต้องเข้ารับการกักตัวและเฝ้าระวังเชื้อ Herpes B
- ความลับของอุตสาหกรรม เผยให้เห็นว่ามี “ทางหลวงไพรเมต” (Primate Pipeline) ที่ลำเลียงสัตว์เหล่านี้จากสนามบิน (เช่น JFK ในนิวยอร์ก) ไปยังห้องปฏิบัติการทั่วประเทศอย่างเงียบๆ
การที่เหตุการณ์ลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นอีกครั้งใน มิสซิสซิปปี (และครั้งนี้รุนแรงกว่า คือ 20 ตัวหลบหนี และยังจับไม่หมด) แสดงให้เห็นว่ากฎระเบียบด้านการขนส่งอาจยังไม่รัดกุมเพียงพอ
“เราล้มเหลวในการเรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เพนซิลเวเนีย” ดร. จอห์น กลัค (Dr. John Gluck) ผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมสัตว์ มหาวิทยาลัยนิวเม็กซิโก กล่าว “กฎหมายสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare Act) และกฎระเบียบของ DOT มีช่องโหว่ชัดเจนในการกำกับดูแลการขนส่งสัตว์ที่อาจเป็นอันตรายเหล่านี้ เรากำลังเล่นเกมรูเล็ตรัสเซียบนทางหลวงของเรา”
“เราถูกขังในบ้านตัวเอง” เสียงสะท้อนจากชุมชนแคนตันที่หวาดผวา
ในขณะที่การถกเถียงระดับชาติดำเนินไป ชีวิตของผู้คนในเมืองแคนตัน รัฐมิสซิสซิปปี ได้หยุดชะงักลงโดยสิ้นเชิง
สำนักงานเขตการศึกษาเมดิสันเคาน์ตี้ ได้ประกาศ “ปิดโรงเรียน” (Lockdown) ในพื้นที่ 5 แห่งที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ โดยเปลี่ยนไปใช้การเรียนการสอนออนไลน์ชั่วคราว
“ลูกๆ ของฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปเล่นนอกบ้าน” ซาราห์ เบธ คอลลินส์ คุณแม่ลูกสองในเมืองแคนตัน กล่าว “มันน่ากลัวมาก เรารู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ในบ้านของตัวเอง… เราไม่รู้ว่าลิง 5 ตัวนั้นอยู่ที่ไหน หรือมันจะโผล่มาที่สวนหลังบ้านเราเมื่อไหร่”
ปฏิบัติการไล่ล่าเข้มข้นขึ้นในวันนี้ โดยมีการใช้ทั้งโดรน, กับดักขนาดใหญ่ที่บรรจุอาหารล่อ, และทีมสัตวแพทย์ที่ถือปืนยิงยาสลบ แต่ความท้าทายคือพื้นที่ป่าที่กว้างใหญ่ และความมืดที่กำลังจะมาถึง
สำหรับลิง 5 ตัวที่เหลือ ชะตากรรมของพวกมันยังไม่แน่นอน หากพวกมันถูกจับได้ ก็มีแนวโน้มสูงที่จะถูก “การุณยฆาต” เพื่อตรวจสอบเชื้อโรค ซึ่งเป็นมาตรฐานปฏิบัติการของ CDC เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
บทสรุป วิกฤตที่ยังไม่จบสิ้น และคำถามที่ยังไร้คำตอบ
ลิงทดลอง หนี จากอุบัติเหตุในมิสซิสซิปปีครั้งนี้ เป็นมากกว่าแค่ข่าวพาดหัวที่แปลกประหลาด มันคือจุดตัดที่อันตรายระหว่าง “ความปลอดภัยสาธารณะ” กับ “จริยธรรมทางวิทยาศาสตร์”
ในขณะที่การไล่ล่าลิง 5 ตัวสุดท้ายยังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางความหวาดกลัวของชุมชนต่อ พฤติกรรมก้าวร้าว และเชื้อไวรัส Herpes B ที่มองไม่เห็น…
…คำถามที่ใหญ่กว่านั้นกำลังดังก้องไปถึงวอชิงตันและศูนย์วิจัยทั่วโลก อุบัติเหตุครั้งนี้คือ “ราคา” ที่สังคมต้องยอมจ่ายเพื่อความก้าวหน้าทางการแพทย์หรือไม่? และจะมี “ลิงทดลอง” อีกกี่คันรถที่กำลังวิ่งอยู่บนทางหลวงของเราในค่ำคืนนี้ โดยที่เราไม่เคยรับรู้ จนกว่าโศกนาฏกรรมครั้งต่อไปจะเกิดขึ้น
แหล่งที่มาจาก : am2con
 
		 
		 
		