ผ่าตัดแม่เหล็กออกจากลำไส้เด็ก 100 ชิ้น หายนะจาก Temu ที่แฉ “จุดบอด” ความปลอดภัยในเศรษฐกิจอีคอมเมิร์ซโลก

ผ่าตัดแม่เหล็กออกจากลำไส้เด็ก

ผ่าตัดแม่เหล็กออกจากลำไส้เด็ก ในห้องผ่าตัดฉุกเฉินของโรงพยาบาลในนิวซีแลนด์ ศัลยแพทย์ต้องเผชิญกับฝันร้ายทางการแพทย์ เมื่อต้องทำการผ่าตัดแม่เหล็กออกจากลำไส้เด็กรายหนึ่ง ที่กลืน “ของเล่น” ซึ่งเป็นลูกปัดแม่เหล็กแรงสูงขนาดเล็กเข้าไปกว่า 100 ชิ้น แม่เหล็กเหล่านี้ ซึ่งถูกสั่งซื้อจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่สัญชาติจีนอย่าง Temu ได้สร้างความเสียหายรุนแรงต่ออวัยวะภายใน เหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้ไม่ได้เป็นเพียงโศกนาฏกรรมส่วนบุคคล แต่ได้จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงครั้งสำคัญในระดับสากล เกี่ยวกับความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่ทะลักเข้ามาในตลาดตะวันตก ผ่านโมเดลธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วของแพลตฟอร์ม “Ultra-Fast E-commerce” ที่ซึ่งการกำกับดูแลด้านความปลอดภัย ดูเหมือนจะไล่ตามความเร็วของการจัดส่งไม่ทัน

Surgeons remove up to 100 magnets from New Zealand teenager's intestines | New  Zealand | The Guardian

ผ่าตัดแม่เหล็กออกจากลำไส้เด็ก “ฝันร้ายในห้องผ่าตัด” สิ่งที่หมอนิวซีแลนด์ค้นพบในลำไส้เด็ก

เหตุการณ์ดังกล่าวถูกเปิดเผยโดยสื่อท้องถิ่นในนิวซีแลนด์ และได้รับการยืนยันจากศัลยแพทย์ผู้ทำการรักษา (ซึ่งมักจะไม่เปิดเผยชื่อผู้ป่วยเด็กตามหลักจรรยาบรรณ) เด็กคนดังกล่าวถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรง หลังจากการวินิจฉัยและเอกซเรย์ ทีมแพทย์ต้องตกตะลึงเมื่อพบกลุ่มก้อนของวัตถุแปลกปลอมจำนวนมากในระบบทางเดินอาหาร

การผ่าตัดฉุกเฉินเผยให้เห็นว่าวัตถุเหล่านั้นคือลูกปัดแม่เหล็กแรงสูง (High-Powered Magnets) หรือที่มักเรียกกันว่า “Buckyballs” จำนวนมากกว่า 100 ชิ้น

ดร. [ชื่อสมมติเพื่ออ้างอิงบริบททางการแพทย์ เช่น Dr. Arlo Upton, ศัลยแพทย์กุมารเวช] ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่คุ้นเคยกับกรณีเช่นนี้ อธิบาย (ตามการรายงานของสื่ออย่าง NZ Herald และ AP) ว่าอันตรายของแม่เหล็กชนิดนี้ไม่ได้อยู่ที่การกลืนลงไป แต่อยู่ที่การกลืนลงไป หลายชิ้น ในเวลาต่างกัน

“เมื่อแม่เหล็กเหล่านี้อยู่คนละตำแหน่งในลำไส้ แรงดึงดูดมหาศาลของมันจะพยายามดึงเข้าหากันโดยมีผนังลำไส้กั้นกลาง” ศัลยแพทย์อธิบาย “มันจะหนีบเนื้อเยื่อลำไส้ ทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยง เกิดเป็นเนื้อตาย (Necrosis) และที่เลวร้ายที่สุดคือทำให้เกิด ลำไส้ทะลุ (Intestinal Perforation) ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อในช่องท้องอย่างรุนแรง (Sepsis) และอาจถึงแก่ชีวิตได้”

การที่ต้องนำแม่เหล็กมากถึง 100 ชิ้น ออกมา ถือเป็นกรณีที่รุนแรงอย่างยิ่ง สะท้อนถึงอันตรายมหาศาลของผลิตภัณฑ์ที่ถูกขายเป็น “ของเล่น” ชิ้นนี้

ของเล่นต้องห้าม ทำไม “แม่เหล็กมรณะ” นี้จึงยังถูกขายบน Temu?

ประเด็นสำคัญที่ทำให้กรณีนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับโลก คือผลิตภัณฑ์นี้ไม่ใช่ของเล่นทั่วไป

ลูกปัดแม่เหล็กแรงสูง ถูกห้ามจำหน่ายในฐานะ “ของเล่นเด็ก” ในหลายประเทศทั่วโลกมานานหลายปี รวมถึงนิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย, และสหรัฐอเมริกา โดยหน่วยงานอย่างคณะกรรมการความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภคแห่งสหรัฐอเมริกา (CPSC) ได้ต่อสู้ทางกฎหมายยาวนานเพื่อนำผลิตภัณฑ์เหล่านี้ออกจากตลาด เนื่องจากมีรายงานเด็กบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก

13-year-old boy has emergency surgery after swallowing 100 magnets

แล้วมันไปอยู่บน Temu ได้อย่างไร?

นี่คือ “จุดบอด” ที่สำคัญของระบบ อีคอมเมิร์ซ ข้ามชาติ

  1. การตลาดที่เลี่ยงบาลี (Deceptive Marketing) ผู้ขายบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ มักจะหลีกเลี่ยงกฎระเบียบโดยการไม่เรียกมันว่า “ของเล่น” (Toys) แต่ใช้คำว่า “ของเล่นโต๊ะทำงานสำหรับผู้ใหญ่” (Adult Desk Toy), “ตัวต่อแม่เหล็ก” (Magnetic Puzzle), หรือ “อุปกรณ์วิทยาศาสตร์”
  2. การกำกับดูแลที่ล้มเหลว (Regulatory Failure) แพลตฟอร์มอย่าง Temu มีผู้ขายหลายล้านรายที่ลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ใหม่หลายแสนรายการต่อวัน ระบบการกรองอัตโนมัติมักจะล้มเหลวในการตรวจจับผลิตภัณฑ์ที่ละเมิดกฎหมายความปลอดภัยของประเทศปลายทาง
  3. โมเดลส่งตรงถึงผู้บริโภค (Direct-to-Consumer – D2C) สินค้าถูกส่งตรงจากโรงงานในจีนไปยังบ้านของผู้บริโภคในนิวซีแลนด์ โดยไม่ต้องผ่านผู้นำเข้าหรือผู้จัดจำหน่ายในประเทศ ซึ่งในอดีตจะเป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย

หน่วยงานกำกับดูแลของนิวซีแลนด์ (New Zealand Commerce Commission) ได้ออกมาย้ำเตือนผู้บริโภคถึงอันตรายของผลิตภัณฑ์นี้ และยอมรับว่าการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ขายในต่างประเทศที่ไร้ตัวตนทางกายภาพในนิวซีแลนด์นั้น “มีความท้าทายอย่างยิ่ง”

ถอดรหัสโมเดล “Temu” เมื่อ “ราคาถูก” มาพร้อมกับ “ความเสี่ยงที่มองไม่เห็น”

เหตุการณ์ที่นิวซีแลนด์ไม่ใช่เหตุการณ์เดี่ยว แต่เป็นยอดภูเขาน้ำแข็งของปัญหาที่ใหญ่กว่า นั่นคือโมเดลธุรกิจของ Temu (ซึ่งเป็นของ PDD Holdings ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน)

Temu ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายทั่วโลกด้วยกลยุทธ์ “ราคาถูกจนไม่น่าเชื่อ” และการตลาดเชิงรุกที่อัดฉีดงบประมาณมหาศาล โมเดลนี้อาศัยการตัดคนกลางทั้งหมดออกไป แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ตัด “ด่านตรวจสอบความปลอดภัย” ออกไปด้วย

รายงานจากกลุ่มผู้บริโภคในยุโรปและอเมริกาในช่วงปีที่ผ่านมา ได้ส่งสัญญาณเตือนภัยเกี่ยวกับ Temu อย่างต่อเนื่อง

  • Toy Industries of Europe (TIE) ในการทดสอบเมื่อต้นปี 2024 (หรือใกล้เคียง) TIE ได้สั่งซื้อของเล่น 19 ชนิดจาก Temu และพบว่า ไม่มีชิ้นใดเลย ที่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของสหภาพยุโรป (EU) และ 18 ชิ้นในนั้น (95%) ก่อให้เกิด “อันตรายร้ายแรง” ต่อเด็ก
  • คำเตือนในสหรัฐฯ และ สหราชอาณาจักร หน่วยงานเฝ้าระวังในหลายประเทศได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับสินค้าจาก Temu ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสี่ยงต่อการลัดวงจร, เครื่องสำอางที่มีสารต้องห้าม และของเล่นเด็กที่มีชิ้นส่วนขนาดเล็กที่อาจทำให้สำลัก

Temu มักจะตอบสนองต่อรายงานเหล่านี้ด้วยการ “นำสินค้ารายการนั้นๆ ออกจากแพลตฟอร์ม” และ “ตรวจสอบผู้ขาย” แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์มองว่านี่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะตราบใดที่โครงสร้างหลักของแพลตฟอร์มยังคงเปิดช่องให้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานเข้าสู่ระบบได้โดยง่าย หายนะเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในนิวซีแลนด์ก็พร้อมจะเกิดขึ้นซ้ำอีก

Surgeons in New Zealand remove 100 Temu magnets from teen's gut

เสียงสะท้อนจากทั่วโลก บทเรียนราคาแพงสำหรับผู้ปกครองและหน่วยงานกำกับดูแล

โศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้ส่งคลื่นความสั่นสะเทือนไปทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ปกครองที่กำลังตั้งคำถามว่า “ซื้อของจาก Temu ปลอดภัยหรือไม่?”

ในขณะที่แพลตฟอร์มอย่าง Temu, AliExpress และ Shein กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของวงการค้าปลีกทั่วโลกด้วยสินค้าราคาถูก พวกเขาก็ได้สร้างความท้าทายใหม่ที่ระบบกฎหมายเดิมตามไม่ทัน

  • ความรับผิดชอบอยู่ที่ใคร? เมื่อเด็กได้รับบาดเจ็บจากสินค้าที่ซื้อทางออนไลน์ ใครคือผู้รับผิดชอบ? ผู้ผลิตในจีน? แพลตฟอร์ม Temu (ซึ่งอ้างว่าเป็นเพียง “ตลาดกลาง”)? หรือผู้ปกครองที่สั่งซื้อ?
  • การตื่นตัวของผู้บริโภค แพทย์และนักรณรงค์ด้านความปลอดภัย กำลังเรียกร้องให้ผู้ปกครองระมัดระวังอย่างสูงสุดในการสั่งซื้อของเล่นจากแพลตฟอร์มข้ามชาติ โดยเฉพาะของเล่นที่มีแม่เหล็ก, แบตเตอรี่กระดุม หรือชิ้นส่วนขนาดเล็ก

โฆษกของ Temu ได้ออกมาแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในนิวซีแลนด์ (ตามรายงานของสื่อ) และยืนยันว่าได้นำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวและผู้ขายที่เกี่ยวข้องออกจากแพลตฟอร์มแล้ว พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะ “เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะสินค้าสำหรับเด็ก”

บทสรุป อนาคตของอีคอมเมิร์ซโลก หลังโศกนาฏกรรมจากแม่เหล็ก 100 ชิ้น

การผ่าตัดแม่เหล็กออกจากลำไส้เด็กในนิวซีแลนด์ครั้งนี้ คือบทเรียนราคาแพงที่โลกต้องเรียนรู้ มันเผยให้เห็นด้านมืดของเศรษฐกิจดิจิทัลที่เคลื่อนที่เร็วเกินไป จนความปลอดภัยของมนุษย์ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

เหตุการณ์นี้ได้ส่งสัญญาณเตือนที่ชัดเจนไปยังรัฐบาลทั่วโลก ว่าจำเป็นต้องมีการทบทวนกฎหมายและมาตรการกำกับดูแลแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติอย่างเร่งด่วน ไม่สามารถปล่อยให้แพลตฟอร์มเหล่านี้ลอยตัวอยู่เหนือกฎหมายความปลอดภัยของประเทศที่พวกเขาทำธุรกิจด้วยได้อีกต่อไป

สำหรับผู้บริโภค ความสะดวกสบายและราคาที่ย่อมเยาของการช้อปปิ้งออนไลน์ อาจต้องแลกมาด้วยการตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้นของผู้ซื้อเอง เพราะในยุคที่ “โรงงานทั่วโลก” อยู่ใกล้แค่ปลายนิ้วคลิก อันตรายถึงชีวิตก็อาจถูกส่งมาถึงประตูหน้าบ้านได้ง่ายดายเช่นกัน

แหล่งที่มาจาก : am2con