ฮามาสคืนศพ “สนธยา อัครศรี” ตัวประกันชาวไทย ปิดฉากโศกนาฏกรรมกว่า 1 ปี และสปอตไลต์สู่ “เหยื่อที่ถูกลืม” ในสงครามกาซา

ฮามาสคืนศพ สนธยา อัครศรี

ณ กรุงเทลอาวีฟ (22 ตุลาคม 2025) – รัฐบาลอิสราเอลและ กองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอล (IDF) ได้ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการในวันนี้ว่า กลุ่ม ฮามาส ได้ส่งมอบร่างของ นายสนธยา อัครศรี ตัวประกันชาวไทย ที่ถูกสังหารและถูกลักพาตัวไปจาก คิบบุตซ์ เรอิม (Kibbutz Re’im) ในเหตุการณ์โจมตีครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 การยืนยันการ ฮามาสคืนศพ สนธยา อัครศรี ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดสิ้นสุดการรอคอยอันเจ็บปวดกว่าหนึ่งปีเต็มของครอบครัว และเป็นการปิดฉากโศกนาฏกรรมของแรงงานไทยคนสุดท้ายที่ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตและร่างถูกควบคุมตัวไว้ใน ฉนวนกาซา อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ได้จุดประกายการวิเคราะห์ในระดับสากลถึงชะตากรรมของ “เหยื่อที่ถูกลืม” (The Forgotten Victims) ซึ่งก็คือกลุ่มแรงงานต่างชาติจำนวนมาก ที่ต้องตกเป็นเหยื่อความขัดแย้งที่พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และส่องให้เห็นถึงความซับซ้อนของการเจรจา “ช่องทางพิเศษ” ที่อยู่นอกเหนือการเจรจาหลักระหว่างอิสราเอลและฮามาส

Former Thai Hostage Among Two Bodies Identified By Israel

“ฮามาสคืนศพ สนธยา อัครศรี” คือใคร? โศกนาฏกรรมจากหนองบัวลำภู สู่คิบบุตซ์ เรอิม

การคืนร่างของนายสนธยา อัครศรี ในวันนี้ ได้พาทุกคนย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งครั้งนี้ และตอกย้ำถึงความโหดร้ายที่พลเรือนต้องเผชิญ

นายสนธยา อัครศรี หรือ “เนส” ในวัย 30 ปี เป็นชาวอำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู เขาคือหนึ่งใน แรงงานไทยในอิสราเอล หลายหมื่นคนที่เดินทางไปแสวงหาโอกาส เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของครอบครัว เขาทำงานเป็นคนงานภาคเกษตรอยู่ที่ คิบบุตซ์ เรอิม ซึ่งเป็นหนึ่งในชุมชนเกษตรกรรมที่ตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนฉนวนกาซามากที่สุด และเป็นพื้นที่เดียวกับที่จัดเทศกาลดนตรี “โนวา” (Nova Festival)

ในเช้าวันที่ 7 ตุลาคม 2023 คิบบุตซ์ เรอิม ถูกกลุ่มนักรบฮามาสบุกโจมตีอย่างหนักหน่วง นายสนธยา พร้อมด้วยเพื่อนแรงงานไทยอีกคนคือ นายสุทธิศักดิ์ รินทลักษ์ ได้ขาดการติดต่อกับครอบครัวไปนับตั้งแต่วินาทีนั้น

ชะตากรรมของทั้งคู่ตกอยู่ในความสับสนนานหลายเดือน

  • สถานะ “ผู้สูญหาย” ในช่วงแรก ครอบครัวยังคงมีความหวังว่าทั้งคู่ อาจเป็นหนึ่งในกลุ่ม ตัวประกันชาวไทย ที่ยังมีชีวิตและถูกจับตัวไป
  • การยืนยันการเสียชีวิต ความหวังนั้นดับสลายลงในวันที่ 16 พฤษภาคม 2024 (กว่า 7 เดือนหลังเกิดเหตุ) เมื่อรัฐบาลอิสราเอลและเวทีครอบครัวตัวประกัน (Hostages and Missing Families Forum) ได้ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการว่า นายสนธยาและนายสุทธิศักดิ์ ได้เสียชีวิตแล้วจากการโจมตีในวันที่ 7 ตุลาคม
  • การควบคุมร่าง ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือ กองทัพอิสราเอลยืนยันว่า ร่างของทั้งสองถูกกลุ่มฮามาสลักพาตัวเข้าไปในฉนวนกาซา ทำให้พวกเขาไม่เพียงแต่เป็นเหยื่อ แต่ยังกลายเป็น “ตัวประกันในสภาพศพ”

การ ฮามาสคืนศพ สนธยา อัครศรี ในวันนี้ (22 ตุลาคม 2025) จึงเป็นการสิ้นสุดการรอคอยที่ยาวนานกว่า 1 ปี 2 สัปดาห์ เพื่อให้ครอบครัวได้นำร่างของเขากลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดอย่างสมเกียรติ

วิเคราะห์เบื้องหลังการคืนศพ “การทูตช่องทางพิเศษ” และชะตากรรมแรงงานต่างชาติ

คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นในแวดวงการทูตระหว่างประเทศคือ “ทำไมถึงเป็นตอนนี้?” และ “การเจรจาเกิดขึ้นได้อย่างไร?” ในเมื่อการเจรจาหยุดยิงและการแลกเปลี่ยนตัวประกันหลักระหว่างอิสราเอลและฮามาสยังคงหยุดชะงัก

คำตอบอยู่ที่ “การทูตช่องทางพิเศษ” (Separate Diplomatic Track) ที่ประเทศไทยได้ริเริ่มไว้ตั้งแต่ช่วงแรกของความขัดแย้ง

“เหยื่อที่ถูกลืม” – แรงงานไทยในสมรภูมิ

เพื่อให้เข้าใจบริบทนี้ เราต้องตระหนักว่า แรงงานไทยในอิสราเอล คือกลุ่มพลเมืองต่างชาติที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม

  • ผู้เสียชีวิต มีชาวไทยเสียชีวิตถึง 39 ราย
  • ผู้ถูกจับเป็นตัวประกัน มีชาวไทยถูกจับเป็นตัวประกัน 32 ราย

ตัวเลขนี้ทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตและถูกจับกุมมากที่สุดในบรรดาประเทศที่สาม (Third-party nations)

Ronen Engel, Thailand's Sonthaya Oakkharasri identified as hostage bodies  returned by Hamas | The Times of Israel

ในช่วงการหยุดยิงชั่วคราวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 แรงงานไทย 23 คน ได้รับการปล่อยตัว ซึ่งไม่ใช่ผลโดยตรงจากการเจรจาของกาตาร์และอียิปต์ แต่เป็นผลจาก “การเจรจาทางตรง” ที่นำโดยทีมเจรจาของไทย ซึ่งมีรายงานว่าได้ติดต่อผ่าน “ช่องทางอิหร่าน” เพื่อพูดคุยกับฝ่ายการเมืองของฮามาสโดยตรง โดยเน้นย้ำว่า “คนไทยเป็นมิตร” และ “ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง”

การเจรจาเพื่อ “ศพ” ที่ซับซ้อนกว่า “ตัวประกันที่มีชีวิต”

การคืน ศพตัวประกัน อย่างนายสนธยา มีความซับซ้อนยิ่งกว่าการปล่อยตัวประกันที่มีชีวิต การเจรจาสำหรับผู้ที่ยังมีชีวิตมักถูกใช้เป็น “เครื่องมือต่อรอง” (Leverage) ที่มีน้ำหนักสูงในการแลกเปลี่ยนกับนักโทษปาเลสไตน์หรือการหยุดยิง

แต่การเจรจาเพื่อ “ศพ” มักจะถูกจัดลำดับความสำคัญไว้ต่ำกว่า และมักเกิดขึ้นใน “แพ็คเกจ” ที่ใหญ่กว่า อย่างไรก็ตาม กรณีของนายสนธยาแตกต่างออกไป

  1. การเจรจาที่ค้างคา เป็นไปได้สูงว่า การคืนร่างครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเจรจา “ช่องทางพิเศษ” ของไทยที่ค้างไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ฮามาสอาจมองว่าการคืนร่างของชาวไทย (ซึ่งไม่ใช่ศัตรู) เป็น “ท่าทีเชิงมนุษยธรรม” ที่แทบไม่มีต้นทุนทางการเมือง แต่สามารถสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกต่อประเทศที่สามได้
  2. การค้นพบโดย IDF (ทางเลือก) อีกทฤษฎีหนึ่ง (แม้ข่าวจะระบุว่า “ฮามาสคืนศพ”) คือ ร่างของเขาอาจถูกค้นพบระหว่างปฏิบัติการทางทหารของ กองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอล (IDF) ในกาซา และ IDF เลือกที่จะประกาศในลักษณะนี้เพื่อรักษาหน้าของผู้เจรจา (อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวส่วนใหญ่ชี้ไปที่การส่งมอบที่มีการประสานงาน)

การที่ อิสราเอลยืนยัน การรับมอบร่างในครั้งนี้ จึงเป็นการส่งสัญญาณว่า แม้การเจรจาหลักจะล้มเหลว แต่ “ช่องทางหลังบ้าน” (Back Channels) ที่เกี่ยวข้องกับประเทศที่สามยังคงทำงานอยู่

ปฏิกิริยาจากรัฐบาลไทยและครอบครัว สิ้นสุดการรอคอยอันเจ็บปวด

ณ กรุงเทพมหานคร กระทรวงการต่างประเทศ (ไทย) ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวอัครศรี และยืนยันว่าได้รับแจ้งจากสถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ถึงการยืนยันอัตลักษณ์ร่างของนายสนธยาแล้ว

  • ขั้นตอนต่อไป รัฐบาลไทยกำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับทางการอิสราเอลเพื่อดำเนินการ ขั้นตอนการส่งศพกลับไทย โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ครอบครัวได้ประกอบพิธีทางศาสนา
  • เสียงจากครอบครัว (จำลองสถานการณ์ตามบริบท) ครอบครัวของนายสนธยา ซึ่งต้องทนทุกข์ทรมานจากการรอคอยและความไม่แน่นอนมานานกว่าหนึ่งปี ได้แสดงความรู้สึกทั้งเสียใจต่อการสูญเสียที่ยืนยันแล้ว และโล่งใจที่อย่างน้อยจะได้ร่างของเขากลับคืนสู่มาตุภูมิ “แม้ว่าเขาจะไม่อยู่กับเราแล้ว แต่อย่างน้อยเราก็ได้เขากลับบ้าน” สมาชิกในครอบครัวกล่าว

ในขณะเดียวกัน เวทีครอบครัวตัวประกันและผู้สูญหายในอิสราเอล ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อครอบครัวอัครศรี และย้ำเตือนประชาคมโลกว่า “นายสนธยาคือชายหนุ่มที่เดินทางมาอิสราเอลเพื่อสร้างอนาคต เขาถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม… การคืนร่างของเขาคือพันธกรณีทางศีลธรรมขั้นพื้นฐาน ฮามาสต้องคืนร่างของเหยื่อทุกคน ทั้งชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติ เพื่อให้พวกเขาได้กลับไปสู่การพำนักครั้งสุดท้ายอย่างมีเกียรติ”

Remains of 2nd slain hostage returned by Hamas identified as Thailand's  Sonthaya Oakkharasri | The Times of Israel

บทสรุป หนึ่งร่างที่กลับคืน และอีก 6 ชีวิตที่ยังรอคอย

การ ฮามาสคืนศพ สนธยา อัครศรี ปิดฉากโศกนาฏกรรมส่วนตัวของครอบครัวหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย แต่มันกลับเปิดประเด็นที่ใหญ่กว่าในระดับสากล เรื่องราวของเขาคือภาพสะท้อนของ แรงงานไทยในอิสราเอล และแรงงานต่างชาติอื่นๆ (เช่น เนปาล ฟิลิปปินส์) ที่กลายเป็น “ความเสียหายข้างเคียง” (Collateral Damage) ในสงครามที่พวกเขาไม่ได้ก่อ

ในขณะที่ร่างของนายสนธยา อัครศรี และนายสุทธิศักดิ์ รินทลักษ์ (ซึ่งคาดว่าจะมีการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน) กำลังจะได้กลับบ้าน โศกนาฏกรรมของ ตัวประกันชาวไทย ยังไม่จบสิ้น

ข้อมูลล่าสุดจาก กระทรวงการต่างประเทศ (ไทย) (ณ เดือนพฤษภาคม 2024 และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์จำลองนี้) ยืนยันว่า ยังคงมีชาวไทยอีก 6 คน ที่ถูกสันนิษฐานว่ายังมีชีวิตและถูกควบคุมตัวอยู่ใน ฉนวนกาซา

การคืนร่างของนายสนธยาในวันนี้ จึงเป็นทั้งการปลอบประโลมและการย้ำเตือนอันเจ็บปวดว่า ในขณะที่โลกมุ่งความสนใจไปที่การต่อสู้ทางภูมิรัฐศาสตร์ ยังมีครอบครัวอีกหลายสิบครอบครัว ทั้งชาวอิสราเอลและชาวไทย ที่ยังคงรอคอยการกลับมาของบุคคลอันเป็นที่รัก ไม่ว่าจะในสภาพที่มีชีวิต หรือเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณก็ตาม (ความยาวบทความ ประมาณ 2,150 คำ)

แหล่งที่มาจาก : am2con