ฮุนเซนสั่งตอบโต้ไทย “หมดความอดทน” อ้างแผนยึด 11 จุดชายแดน เบื้องหลังเกมเดือดที่สั่นคลอนอาเซียน

ฮุนเซนสั่งตอบโต้ไทย

พนมเปญ, กัมพูชา – บรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาที่ดูเหมือนจะราบรื่นภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ของทั้งสองประเทศ กลับต้องเผชิญกับพายุลูกใหญ่และรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี เมื่อ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลและประธานวุฒิสภาคนปัจจุบัน ได้ออกมาประกาศกร้าวผ่านสื่อโซเชียลมีเดียและสถานีโทรทัศน์แห่งชาติด้วยท่าทีขึงขัง ระบุว่าตน “หมดความอดทน” ต่อพฤติกรรมคุกคามของเพื่อนบ้าน พร้อมออกคำสั่งสายฟ้าฟาดให้กองทัพกัมพูชาเตรียมพร้อม ฮุนเซนสั่งตอบโต้ไทย เต็มกำลังรบ โดยอ้างข้อมูลข่าวกรองว่าไทยกำลังเตรียมการใช้กำลังทหารเข้ายึดครองพื้นที่พิพาท 11 จุดตลอดแนวชายแดน

ถ้อยแถลงที่เปี่ยมไปด้วยวาทกรรมชาตินิยมรุนแรงนี้ ไม่เพียงแต่ปลุกกระแสความรักชาติในหมู่ชาวกัมพูชา แต่ยังสร้างความตกตะลึงให้กับวงการทูตและนักยุทธศาสตร์ทั่วภูมิภาค ว่าเหตุใด “ผู้มากบารมี” แห่งพนมเปญ จึงเลือกจุดชนวนความขัดแย้งในเวลานี้ และ “11 จุด” ที่ถูกกล่าวอ้าง คือเป้าหมายทางยุทธศาสตร์จริง หรือเป็นเพียงหมากบนกระดานการเมืองที่ซับซ้อนกว่านั้น

Thai-Cambodian tensions rise amid retaliation over checkpoint closures

วาทะเดือดจาก “บิดาผู้ปกครอง” สัญญาณรบ หรือ รบกวนสัญญาณ?

ในคำแถลงความยาวกว่า 40 นาที ที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ ฮุน เซน ได้สวมชุดทหารเต็มยศ ซึ่งเป็นภาพที่ไม่ได้เห็นบ่อยนักหลังจากส่งมอบอำนาจให้บุตรชาย (ฮุน มาเนต) โดยระบุใจความสำคัญว่า

“ผมได้รับรายงานที่น่าเชื่อถือว่า กลุ่มสุดโต่งในประเทศไทยร่วมมือกับผู้นำทหารบางส่วน กำลังวางแผนปฏิบัติการสายฟ้าแลบเพื่อเข้ายึดครองพื้นที่ 11 จุด ตามแนวชายแดนของเรา โดยอ้างสิทธิแผนที่ฝ่ายเดียว ผมขอประกาศตรงนี้ว่า กัมพูชาจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางมิลลิเมตรเดียว ผมได้สั่งการให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเคลื่อนกำลังพลและอาวุธหนักเข้าประจำการในพื้นที่เสี่ยงแล้ว หากมีการลุกล้ำ เราจะตอบโต้ด้วยกระสุนจริงทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่งซ้ำ”

การออกมาเคลื่อนไหวของฮุน เซน ครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็น “Super-Prime Minister Move” หรือการแสดงอำนาจเหนือฝ่ายบริหาร ซึ่งท้าทายบทบาทของนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต โดยตรง และเป็นการส่งสัญญาณไปยังกรุงเทพฯ ว่า อำนาจการตัดสินใจสูงสุดในเรื่องความมั่นคงและพรมแดน ยังคงอยู่ที่ “บ้านจันทร์” (บ้านพักของฮุน เซน) ไม่ใช่ทำเนียบรัฐบาล

ไขรหัส “11 จุดอันตราย” พื้นที่จริง หรือ พื้นที่สมมติ?

ประเด็นที่สร้างความสับสนมากที่สุดคือ “11 จุด” ที่ฮุน เซน กล่าวถึง คือที่ไหน?

จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ความขัดแย้ง พื้นที่เหล่านี้น่าจะหมายถึงจุดที่ยังปักปันเขตแดนไม่แล้วเสร็จ (Un-demarcated Areas) ภายใต้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ซึ่งประกอบด้วย

  1. พื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร แม้ศาลโลกจะตัดสินตัวปราสาทไปแล้ว แต่พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรโดยรอบยังคงเป็นจุดเปราะบาง
  2. กลุ่มปราสาทตาเมือน-ตาควาย ในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเคยมีการปะทะกันหนักหน่วงในปี 2011
  3. พื้นที่ช่องบกและช่องอานม้า ในจังหวัดอุบลราชธานี
  4. พื้นที่ทางทะเล (Overlapping Claims Area – OCA) แม้ฮุน เซน จะพูดถึงชายแดนบก แต่บริบท “11 จุด” อาจถูกตีความรวมถึงเกาะแก่งและเส้นเขตแดนทางทะเลที่เชื่อมโยงกับแหล่งพลังงาน

นักวิเคราะห์จากสถาบันความมั่นคงศึกษาระหว่างประเทศ (IISS) ตั้งข้อสังเกตว่า ตัวเลข “11” อาจเป็นตัวเลขเชิงสัญลักษณ์ที่ถูกยกขึ้นมาเพื่อสร้างความชอบธรรมในการระดมพล มากกว่าจะเป็นแผนการทางทหารที่จับต้องได้จริงจากฝั่งไทย

We Will Not Sit Idly By': Hun Sen Vows Retaliation After Thai Military  Threat | Cambodianess

ปฏิกิริยาจากฝั่งไทย ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว

ทันทีที่มีข่าว ฮุนเซนสั่งตอบโต้ไทย รัฐบาลไทยและกองทัพได้เรียกประชุมด่วนเพื่อประเมินสถานการณ์

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้ออกแถลงการณ์ด้วยน้ำเสียงที่ระมัดระวังและเน้นการทูต (Diplomatic Tone) โดยระบุว่า “ไทยขอยืนยันว่าไม่มีนโยบายใช้กำลังทหารในการแก้ไขปัญหาเขตแดน ข้อกล่าวหาเรื่องการเตรียมยึดพื้นที่ 11 จุด ไม่เป็นความจริงและปราศจากหลักฐาน ไทยยึดมั่นในกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้น ไม่ตกเป็นเหยื่อของข่าวลือที่มุ่งหวังทำลายความสัมพันธ์อันดี”

แหล่งข่าวระดับสูงจากกองทัพบกไทย เปิดเผยว่า แม้จะมีการขู่จากฝั่งกัมพูชา แต่กองทัพไทยยังคงรักษาสถานะ “เฝ้าระวังปกติ” (Normal Vigilance) ไม่มีการเสริมกำลังผิดปกติ เพื่อไม่ให้เข้าทางเกมยั่วยุ แต่ก็ได้กำชับหน่วยป้องกันชายแดนให้เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนและห้ามตอบโต้ด้วยอาวุธหากไม่ถูกกระทำก่อน

เบื้องลึกเกมการเมือง ทำไมต้อง “ขู่” ตอนนี้?

คำถามสำคัญคือ “ทำไม?” เหตุใดฮุน เซน จึงเลือกใช้ไม้แข็งในขณะที่ความสัมพันธ์ทางการค้าและการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศกำลังฟื้นตัว

  1. เบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาเศรษฐกิจ (Diversionary Tactic) กัมพูชากำลังเผชิญกับปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนที่พุ่งสูงและโครงการขุดคลองฟูนัน เตโช (Funan Techo Canal) ที่ต้องใช้เงินมหาศาล การสร้าง “ศัตรูภายนอก” เป็นวิธีคลาสสิกในการรวมศูนย์อำนาจและลดแรงกดดันภายในประเทศ
  2. เกมต่อรองพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (OCA Leverage) ไทยและกัมพูชากำลังเจรจาผลประโยชน์แหล่งก๊าซธรรมชาติมูลค่าล้านล้านบาทในอ่าวไทย ฮุน เซน อาจกำลังใช้ความตึงเครียดทางบก เป็นเครื่องมือบีบให้ไทยยอมผ่อนปรนเงื่อนไขทางทะเล หรือเร่งรัดการเจรจาให้จบโดยเร็วเพื่อนำรายได้เข้าประเทศ
  3. การเมืองภายในกัมพูชา การแสดงบทบาท “ผู้ปกป้องชาติ” ของฮุน เซน อาจเป็นการส่งสัญญาณไปยังกลุ่มอำนาจเก่าและใหม่ในกัมพูชาว่า เขายังคงเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว แม้จะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้วก็ตาม

Thai Jets Bomb Cambodia Amid Deadly Border Dispute

ผลกระทบที่ไม่อาจมองข้าม

แม้หลายฝ่ายจะมองว่าเป็นเพียง “สงครามน้ำลาย” แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงได้เริ่มปรากฏแล้ว

  • การค้าชายแดน ด่านการค้าสำคัญอย่างปอยเปตและคลองลึกเริ่มมีความตึงเครียด พ่อค้าแม่ค้าชะลอการสั่งสินค้าเพราะเกรงว่าจะมีการปิดด่าน
  • ความเชื่อมั่นนักลงทุน นักลงทุนต่างชาติที่กำลังมองพื้นที่ EEC ของไทยและเขตเศรษฐกิจพิเศษของกัมพูชา อาจชะลอการตัดสินใจเนื่องจากความเสี่ยงด้านความมั่นคง
  • ความสามัคคีในอาเซียน ความขัดแย้งของสองสมาชิกอาเซียนจะเปิดช่องให้มหาอำนาจภายนอกเข้ามาแทรกแซง และทำลายความเป็นแกนกลางของอาเซียน (ASEAN Centrality)

บทสรุป จาก “สนามรบ” สู่ “กับดัก”

สถานการณ์ ฮุนเซนสั่งตอบโต้ไทย ในครั้งนี้ เปรียบเสมือนการวาง “กับดัก” ทางการทูต หากไทยเต้นตามเกมและตอบโต้ด้วยความรุนแรง จะเป็นการเข้าทางฝ่ายกัมพูชาที่ต้องการยกระดับปัญหาให้เป็นปัญหาระหว่างประเทศ (Internationalize) ซึ่งอาจนำไปสู่การแทรกแซงของมือที่สาม

ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับไทยคือ “ความนิ่ง” และการใช้ช่องทาง “การทูตหลังบ้าน” (Back-channel Diplomacy) เพื่อพูดคุยกับทั้ง ฮุน มาเนต (ในฐานะรัฐบาล) และ ฮุน เซน (ในฐานะผู้มากบารมี) เพื่อทำความเข้าใจเจตนาที่แท้จริง

โลกกำลังจับตามองว่า “พยัคฆ์เฒ่าแห่งลุ่มน้ำโขง” อย่างฮุน เซน จะเดินหมากตาต่อไปอย่างไร และไทยจะสามารถถอดชนวนระเบิดเวลานี้ด้วยความสุขุมได้หรือไม่ เพราะหากพลาดพลั้งเพียงนิดเดียว พื้นที่ 11 จุดที่อ้างถึง อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของไฟสงครามที่ไม่มีใครต้องการ

 

แหล่งที่มาจาก : am2con