พลิกสมรภูมิแฟชั่นโลก! “ปราดาซื้อเวอร์ซาเช” อย่างเป็นทางการ สร้างอาณาจักรลักชัวรีอิตาลี มูลค่าทะลุแสนล้าน ท้าชนกลุ่ม LVMH

ปราดาซื้อเวอร์ซาเช

(MILAN, Italy) — อุตสาหกรรมสินค้าฟุ่มเฟือยทั่วโลกต้องสั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อ Prada Group บริษัทแฟชั่นชั้นนำของอิตาลี ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในวันนี้ (3 ธันวาคม 2025) ยืนยันการเข้า ควบรวมกิจการแฟชั่น ครั้งประวัติศาสตร์ โดยประกาศซื้อกิจการ Versace แบรนด์คู่แข่งสัญชาติอิตาลีที่มีความโดดเด่นในด้านความหรูหราแบบ Maximalist ดีลครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการรวมสองเสาหลักของแฟชั่นอิตาลีเข้าด้วยกัน แต่ยังเป็นการขีดเส้นสมรภูมิใหม่ใน สงครามแบรนด์หรู ระดับโลก โดยมีเป้าหมายในการสร้าง “พลังต่อรอง” เพื่อแข่งขันกับกลุ่มยักษ์ใหญ่สัญชาติฝรั่งเศสอย่าง LVMH และ Kering

Prada Officially Announces Acquisition of Rival Brand Versace

ดีลแห่งศตวรรษ รายละเอียดและมูลค่าการซื้อขาย

การประกาศ ปราดาซื้อเวอร์ซาเช ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่เหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ แหล่งข่าวจาก Bloomberg รายงานว่า มูลค่าการซื้อขายกิจการในครั้งนี้สูงถึง 5.5 พันล้านยูโร (ประมาณ 215,000 ล้านบาท) ซึ่งเป็นการเข้าซื้อกิจการในรูปแบบเงินสดและหุ้นร่วม โดย Prada Group จะเข้าถือหุ้นทั้งหมดใน Versace และจะนำไปรวมกับพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ที่มีอยู่เดิม เช่น Miu Miu และ Church’s

  • แรงจูงใจในการควบรวม นักวิเคราะห์มองว่าดีลนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ Prada ที่ต้องการขยายขนาดธุรกิจ (Scale) และเพิ่มความหลากหลายของ DNA แบรนด์ เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากการพึ่งพาแบรนด์ Prada ที่มีสไตล์แบบ Minimalism และความเป็นปัญญาชนสูง
  • ปฏิกิริยาตลาด ทันทีที่มีข่าวลือและข่าวการประกาศ หุ้นปราดา (Prada stock) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 6% สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อยุทธศาสตร์การเติบโตแบบก้าวกระโดดนี้

ยุทธศาสตร์แห่งความแตกต่าง DNA ที่จะเสริมกัน

Prada (ที่นำโดย Miuccia Prada) ขึ้นชื่อเรื่องความเรียบง่าย, ความเฉลียวฉลาด, และการออกแบบที่มุ่งเน้นฟังก์ชัน (Minimalist/Intellectualism) ขณะที่ Versace (ที่นำโดย Donatella Versace) โดดเด่นด้วยความเย้ายวน, ลาย Medusa, และสไตล์ Baroque ที่เน้นความอลังการและพลังทางเพศ (Maximalist/Glamour)

ผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์มองว่านี่ไม่ใช่การกลืนกิน แต่คือการสร้าง “ความสมดุลที่ลงตัว”

  • การเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ Prada จะได้ฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งของ Versace ในตลาดสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และผู้บริโภคที่เน้นแฟชั่นแบบ ‘Red Carpet’ และ ‘Streetwear’
  • ความยั่งยืนของธุรกิจ Versace จะได้รับประโยชน์จากความแข็งแกร่งด้านการดำเนินงาน, การจัดการห่วงโซ่อุปทาน, และเทคโนโลยีด้านดิจิทัลของ Prada Group ซึ่งเป็นสิ่งที่ Versace ต้องการอย่างมากสำหรับการขยายตัวระดับโลก

Prada Group says it has purchased fashion rival Versace in a deal worth  nearly $1.4 billion

อนาคตของการสร้างสรรค์ โดนาเทลล่า เวอร์ซาเช จะอยู่ต่อหรือไม่?

คำถามสำคัญที่สุดที่ผู้ติดตามแฟชั่นเฝ้ารอคือ บทบาทของ Donatella Versace ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ (Creative Director) และผู้สร้างสรรค์มรดกของแบรนด์นี้

ในแถลงการณ์ร่วมระบุว่า Donatella Versace จะยังคงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Versace ต่อไป และได้รับมอบอำนาจเต็มที่ในการดูแลเอกลักษณ์ของแบรนด์ (Brand DNA)

  • การรับประกันเสถียรภาพ การรักษา Donatella ไว้ ถือเป็นกุญแจสำคัญ เพราะ Versace คือตัวตนของเธอและพี่ชาย (Gianni Versace) หากเธอจากไป มูลค่าของแบรนด์จะลดลงอย่างมาก Prada ทราบดีว่าพวกเขาซื้อ มรดก ไม่ใช่แค่ ทรัพย์สิน
  • การรวมทีมบริหาร คาดว่า Patrizio Bertelli ซีอีโอร่วมของ Prada Group จะเข้ามาดูแลด้านการดำเนินงานของ Versace เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพทางการเงินและการขยายร้านค้าให้สอดคล้องกับมาตรฐานของกลุ่ม Prada

สงครามแบรนด์หรูระดับโลก จุดกำเนิดกลุ่มอำนาจใหม่ของอิตาลี

ดีล ปราดาซื้อเวอร์ซาเช เป็นการเคลื่อนไหวที่ทรงพลังที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในวงการแฟชั่นอิตาลี เพื่อท้าทายการครอบงำของกลุ่มทุนฝรั่งเศส (LVMH และ Kering) ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์หรูชั้นนำส่วนใหญ่ของยุโรป

นักวิเคราะห์จาก The Economist วิเคราะห์ว่า

  • กลุ่ม LVMH เป็นเจ้าของ Dior, Louis Vuitton, Fendi, Celine ฯลฯ
  • กลุ่ม Kering เป็นเจ้าของ Gucci, Saint Laurent, Bottega Veneta ฯลฯ

การรวมตัวกันของ แบรนด์หรูอิตาลี อย่าง Prada, Miu Miu, และ Versace จะสร้าง “Italian Luxury Bloc” ที่มีมูลค่ารวมและอิทธิพลในตลาดโลกเทียบเท่ากลุ่มยักษ์ใหญ่ฝรั่งเศส ทำให้การต่อรองด้านพื้นที่ค้าปลีก, การโฆษณา, และการเข้าถึงผู้บริโภคในตลาดสำคัญอย่างจีนและสหรัฐฯ มีประสิทธิภาพมากขึ้น นี่คือการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีและอำนาจทางเศรษฐกิจของประเทศอิตาลีในอุตสาหกรรมที่ตนเองเป็นผู้บุกเบิก

Prada Group says it purchased Versace in nearly $1.4 billion deal

ผลกระทบต่อตลาดอาเซียนและประเทศไทย

สำหรับตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยในประเทศไทย การควบรวมกิจการนี้จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมดังนี้

  • การแข่งขันในห้างสรรพสินค้า ตำแหน่งร้านค้าของ Prada และ Versace ในศูนย์การค้าหรูของกรุงเทพฯ (เช่น สยามพารากอน, ไอคอนสยาม) อาจถูกปรับปรุงหรือรวมเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขายและลดต้นทุนการบริหารจัดการ
  • กลยุทธ์การตลาด คาดว่าแคมเปญการตลาดของ Versace ภายใต้การดูแลของ Prada จะมุ่งเน้นไปที่การดึงดูดกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดท่องเที่ยวและกลุ่ม Young Affluent
  • โอกาสการลงทุน การรวมกันของสองแบรนด์ทำให้เกิดความมั่นคง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยบวกสำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจหุ้นในตลาดลักชัวรี

บทสรุป การเริ่มต้นของยุค “Prada-Versace”

การประกาศ ปราดาซื้อเวอร์ซาเช ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ แต่เป็นการปฏิวัติวงการแฟชั่นที่อาจกำหนดทิศทางของ ตลาดสินค้าฟุ่มเฟือย ไปอีกหลายสิบปี ด้วยการรวมกันของความเฉียบแหลมเชิงกลยุทธ์ของ Prada และพลังแห่งความเย้ายวนของ Versace อาณาจักรลักชัวรีอิตาลีได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า พวกเขาพร้อมที่จะทวงคืนบัลลังก์จากอำนาจของฝรั่งเศส และโลกแฟชั่นก็พร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ร้อนแรงยิ่งกว่าเดิม

 

แหล่งที่มาจาก : am2con