เอธิโอเปียยืนยัน ไวรัสมาร์บวร์กระบาด คร่าแล้ว 3 ศพ

ไวรัสมาร์บวร์กระบาด เอธิโอเปีย

แอดดิสอาบาบา, เอธิโอเปีย — สัญญาณเตือนภัยด้านสาธารณสุขโลกระดับสูงสุดได้ดังขึ้นอีกครั้ง ณ ใจกลางทวีปแอฟริกา เมื่อกระทรวงสาธารณสุขเอธิโอเปีย ร่วมกับองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการเมื่อเช้าวันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน 2025 ถึงการตรวจพบการระบาดของ “โรคไข้เลือดออกมาร์บวร์ก” (Marburg Virus Disease – MVD) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ

การยืนยันครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากมีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย ที่มีอาการไข้สูงและเลือดออกรุนแรง ในเขตเวสต์ วอลเลกา (West Wollega Zone) ของแคว้นโอโรเมีย (Oromia Region) ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลทางตะวันตกของประเทศ

นี่ไม่ใช่แค่การระบาดของโรคหายาก แต่คือการปรากฏตัวของหนึ่งในเชื้อโรคร้ายแรงที่สุดที่มนุษยชาติรู้จัก เทียบเคียงกับ “อีโบลา” (Ebola) ที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 88% การที่ ไวรัสมาร์บวร์กระบาด เอธิโอเปีย ในเวลานี้ ถือเป็น “พายุที่สมบูรณ์แบบ” (Perfect Storm) ที่ท้าทายประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองของแอฟริกา ซึ่งเพิ่งเริ่มฟื้นตัวจากความขัดแย้งภายในที่ยืดเยื้อ และยังเป็นศูนย์กลางการบินที่สำคัญของทวีป

ขณะนี้ ทีมสืบสวนสอบสวนโรคระดับนานาชาติกำลังแข่งกับเวลาเพื่อติดตามผู้สัมผัสเชื้อกว่า 150 ราย เพื่อหยุดยั้ง “ญาติผู้พี่ของอีโบลา” นี้ ก่อนที่มันจะลุกลามจากหมู่บ้านห่างไกล สู่เมืองหลวงแอดดิสอาบาบา และข้ามพรมแดนไปทั่วโลก

Ethiopia confirms outbreak of deadly Marburg virus | Ethiopia | The Guardian

สถานการณ์ล่าสุด 3 ศพ และการไล่ล่าผู้สัมผัสเชื้อ 150 ราย

แถลงการณ์ร่วมจากกระทรวงสาธารณสุขเอธิโอเปีย และสำนักงานภูมิภาคแอฟริกาของ องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การระบาดเริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน แต่เพิ่งได้รับการยืนยันผลทางห้องปฏิบัติการเมื่อวันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน

  • จุดเริ่มต้น การระบาดมีศูนย์กลางอยู่ที่เขตเวสต์ วอลเลกา ในแคว้นโอโรเมีย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีความหลากหลายทางนิเวศวิทยา และมีพรมแดนติดกับซูดานใต้
  • เหยื่อกลุ่มแรก ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย (ซึ่งมีรายงานว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน 2 ราย) ได้เข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลท้องถิ่นด้วยอาการไข้สูง, อ่อนเพลียอย่างรุนแรง, และมีอาการเลือดออก (Hemorrhagic manifestations) ก่อนจะเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา
  • การยืนยันผล ตัวอย่างเลือดที่ส่งไปยังสถาบันสาธารณสุขเอธิโอเปีย (EPHI) ในกรุงแอดดิสอาบาบา ให้ผลบวกต่อเชื้อไวรัสมาร์บวร์ก
  • การตอบสนองทันที รัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และทีมตอบโต้เร็ว (Rapid Response Teams) ทั้งจากส่วนกลางและจาก WHO ได้ถูกส่งไปยังพื้นที่เกิดเหตุแล้ว
  • การติดตามผู้สัมผัสเชื้อ ภารกิจเร่งด่วนที่สุดในขณะนี้ คือการติดตามและเฝ้าระวังผู้สัมผัสเชื้อ (Contact Tracing) อย่างน้อย 152 ราย ที่มีการระบุตัวตนแล้ว ซึ่งรวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยกลุ่มแรก และสมาชิกในครอบครัวที่เข้าร่วมพิธีศพ

“นี่คือสถานการณ์ที่น่ากังวลอย่างยิ่ง” ดร. เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ WHO (ซึ่งเป็นชาวเอธิโอเปีย) กล่าวในแถลงการณ์ “WHO กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลเอธิโอเปียเพื่อสนับสนุนการตอบสนองอย่างรวดเร็ว… มาร์บวร์กเป็นไวรัสที่อันตรายและมีอัตราการเสียชีวิตสูง เราต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อสกัดกั้นการระบาดนี้”

ไวรัสมาร์บวร์ก (Marburg) “ญาติผู้พี่” ของอีโบลาที่ไร้วัคซีน

สำหรับประชาคมโลก ชื่อของ “มาร์บวร์ก” อาจไม่คุ้นหูเท่า “อีโบลา” แต่สำหรับนักระบาดวิทยา มันคือฝันร้ายที่เลวร้ายไม่แพ้กัน

  1. ตระกูลมรณะ (Filoviridae) มาร์บวร์กและอีโบลา อยู่ในตระกูลไวรัส Filoviridae เหมือนกัน ก่อให้เกิดโรคไข้เลือดออกรุนแรงที่มีอาการคล้ายคลึงกันมาก
  • การติดต่อ เชื่อกันว่าไวรัสมีรังโรคตามธรรมชาติอยู่ใน ค้างคาวผลไม้ (Rousettus fruit bats) ที่อาศัยอยู่ในถ้ำและเหมือง
  • การแพร่เชื้อสู่คน เกิดขึ้นเมื่อมนุษย์เข้าไปสัมผัสกับถ้ำหรือเหมืองที่มีค้างคาวเหล่านี้ หรือสัมผัสกับของเหลวจากตัวค้างคาว
  • การแพร่เชื้อจากคนสู่คน (Human-to-Human) นี่คือสิ่งที่อันตรายที่สุด ไวรัสแพร่กระจายผ่านการสัมผัสโดยตรง (ผ่านผิวหนังที่แตกหรือเยื่อเมือก) กับเลือด, สารคัดหลั่ง, หรือของเหลวในร่างกายของผู้ติดเชื้อ และผ่านการสัมผัสกับพื้นผิวและวัสดุ (เช่น เครื่องนอน, เสื้อผ้า) ที่ปนเปื้อนของเหลวเหล่านี้
  1. อาการของไวรัสมาร์บวร์ก (Symptoms) ระยะฟักตัวของโรคอยู่ระหว่าง 2 ถึง 21 วัน
  • ระยะเริ่มต้น เริ่มต้นอย่างฉับพลันด้วยไข้สูง, ปวดหัวอย่างรุนแรง, และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • ระยะลุกลาม ภายใน 3-5 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการท้องร่วงเป็นน้ำอย่างรุนแรง, ปวดท้อง, คลื่นไส้, และอาเจียน
  • ระยะวิกฤต (Hemorrhagic) ประมาณวันที่ 5-7 ผู้ป่วยจำนวนมากจะมีอาการเลือดออกรุนแรง ทั้งอาเจียนเป็นเลือด, ถ่ายเป็นเลือด, เลือดออกตามไรฟันและจมูก
  • ระยะสุดท้าย ในกรณีที่รุนแรง ผู้ป่วยจะเสียชีวิตจากภาวะช็อก, อวัยวะล้มเหลวหลายระบบ โดยมักเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 8 ถึง 9 หลังเริ่มมีอาการ
  1. อัตราการเสียชีวิตที่น่ากลัว (Fatality Rate) อัตราการเสียชีวิตเฉลี่ยของมาร์บวร์กอยู่ที่ประมาณ 50% แต่ในการระบาดครั้งก่อนๆ อัตราการเสียชีวิตแปรผันอย่างมาก ตั้งแต่ 24% (ในเคนยา ปี 1987) ไปจนถึง สูงถึง 88% (ในแองโกลา ปี 2004-2005)
  2. ไร้ทางรักษา (No Vaccine, No Cure) นี่คือความจริงที่โหดร้ายที่สุด ปัจจุบัน ยังไม่มีวัคซีนหรือยาต้านไวรัส (Antiviral) ที่ได้รับการอนุมัติ สำหรับรักษาโรคไข้เลือดออกมาร์บวร์กโดยเฉพาะ การรักษาเป็นเพียงการดูแลแบบประคับประคอง (Supportive care) เช่น การให้สารน้ำทางหลอดเลือด, การรักษาตามอาการ, และการรักษาระดับออกซิเจน ซึ่งทำได้ยากมากในสถานพยาบาลที่ขาดแคลนทรัพยากร

Ethiopia Confirms Nine Cases Of Deadliest Known Pathogen, Marburg Virus, In  Southern Region – Arise News

บทวิเคราะห์เชิงลึก ทำไมการระบาดในเอธิโอเปียจึงเป็น “ภัยคุกคามระดับโลก”

การที่ ไวรัสมาร์บวร์กระบาด เอธิโอเปีย ไม่ใช่แค่โศกนาฏกรรมในท้องถิ่น แต่เป็นวิกฤตด้านมนุษยธรรมและภัยคุกคามด้านสาธารณสุขโลก ด้วยเหตุผลที่ซับซ้อนดังนี้

1. การระบาด “ครั้งแรก” ในประเทศที่ “ไม่เคยเตรียมพร้อม”

นี่คือการเผชิญหน้าครั้งแรกของเอธิโอเปียกับไวรัสมาร์บวร์ก

  • การขยายตัวทางภูมิศาสตร์ การระบาดครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่โลกเพิ่งเผชิญการระบาดของมาร์บวร์กในพื้นที่ใหม่ๆ เมื่อปี 2023 ทั้งในอิเควทอเรียลกินีและแทนซาเนีย (และก่อนหน้านั้นคือกินีในปี 2021) การปรากฏตัวในเอธิโอเปีย ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของทวีป (Horn of Africa) ยืนยันว่าขอบเขตทางภูมิศาสตร์ของไวรัสกว้างกว่าที่เคยประเมินไว้มาก
  • ขาดประสบการณ์ ระบบสาธารณสุขท้องถิ่นไม่คุ้นเคยกับอาการของโรคนี้ ซึ่งในระยะเริ่มต้นอาจถูกวินิจฉัยผิดพลาดได้ง่ายว่าเป็นมาลาเรีย, ไทฟอยด์ หรือไข้เลือดออกชนิดอื่นที่พบบ่อยในพื้นที่

 2. “แอดดิสอาบาบา” ศูนย์กลางการบินที่เชื่อมโลก

แคว้นโอโรเมีย แม้จะห่างไกล แต่ก็สามารถเดินทางเชื่อมต่อกับเมืองหลวงได้ ในขณะที่กรุงแอดดิสอาบาบา คือที่ตั้งของสนามบินนานาชาติโบล (Bole International Airport) ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในแอฟริกา และเป็นศูนย์กลางหลักของสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ ที่เชื่อมต่อแอฟริกาเข้ากับยุโรป, เอเชีย, ตะวันออกกลาง, และอเมริกา

  • สถานการณ์ฝันร้าย (Nightmare Scenario) คือการที่ผู้ติดเชื้อที่ยังไม่แสดงอาการ (หรือมีอาการเล็กน้อย) เดินทางจากเขตเวสต์ วอลเลกา เข้าสู่เมืองหลวง และขึ้นเครื่องบินระหว่างประเทศ
  • บทเรียนจาก COVID-19 โลกได้เรียนรู้แล้วว่าเชื้อโรคสามารถเดินทางได้เร็วกว่าเครื่องบินเจ็ต การที่มาร์บวร์กซึ่งมีอัตราการตาย 88% ไปปรากฏตัวที่ประตูสู่โลก จึงเป็นเรื่องที่ทุกประเทศต้องตื่นตัว

3. ระบบสาธารณสุขที่เปราะบางจาก “สงครามและความขัดแย้ง”

นี่คือปัจจัยที่อันตรายที่สุด เอธิโอเปียเพิ่งผ่านพ้นสงครามกลางเมืองในแคว้นทิเกรย์ (Tigray) ที่สร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วงต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข

  • ความขัดแย้งในโอโรเมีย แม้สงครามทิเกรย์จะสงบลง แต่แคว้นโอโรเมียเอง (สถานที่เกิดเหตุ) ก็ยังคงมีความไม่สงบและความขัดแย้งในระดับต่ำเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • ผลกระทบ สถานพยาบาลหลายแห่งขาดแคลนบุคลากร, ยา, และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) การส่งทีมเข้าไปในพื้นที่ที่อาจยังมีความไม่ปลอดภัย เป็นความท้าทายซ้ำซ้อน และประชาชนอาจไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการติดตามผู้สัมผัสเชื้อ

4. ความท้าทายด้านวัฒนธรรม “พิธีศพ” บ่อเกิดการแพร่เชื้อ

เช่นเดียวกับอีโบลา ไวรัสมาร์บวร์กสามารถติดต่อได้ง่ายที่สุดจากศพของผู้เสียชีวิต ซึ่งมีปริมาณไวรัสสูงมาก

  • การจัดการศพ ประเพณีการประกอบพิธีศพในหลายพื้นที่ของแอฟริกา (รวมถึงเอธิโอเปีย) เกี่ยวข้องกับการที่สมาชิกในครอบครัวและชุมชนได้สัมผัสร่างกายของผู้เสียชีวิตโดยตรง (เช่น การอาบน้ำศพ, การกอด)
  • Super-Spreader Event พิธีศพเพียงครั้งเดียว สามารถกลายเป็น “เหตุการณ์แพร่เชื้อขนาดใหญ่” (Super-spreader event) ได้ หากไม่มีการจัดการศพที่ปลอดภัย (Safe and dignified burial) ซึ่งต้องอาศัยการสื่อสารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพและเคารพต่อวัฒนธรรมท้องถิ่น

Ethiopia confirms outbreak of deadly Marburg virus: Africa CDC |  International | Bangladesh Sangbad Sangstha (BSS)

“แข่งกับเวลา” – WHO, Africa CDC และการไล่ล่า “วัคซีน”

การตอบสนองระดับโลกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดสรรงบประมาณฉุกเฉินและกำลังส่งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา, การจัดการผู้ป่วย, และการป้องกันการติดเชื้อ (IPC) ไปยังเอธิโอเปีย

ขณะเดียวกัน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งแอฟริกา (Africa CDC) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงแอดดิสอาบาบาเอง ก็ได้ยกระดับการเตือนภัยและกำลังประสานงานกับรัฐบาลเอธิโอเปียอย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนด้านการตรวจวินิจฉัยในห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่

การแสวงหา “วัคซีน” ที่ยังมาไม่ถึง ความหวาดกลัวต่อมาร์บวร์ก ทำให้เกิดความพยายามในการเร่งพัฒนาวัคซีน ภายใต้ความร่วมมือที่เรียกว่า MARVAC (Marburg Virus Vaccine Consortium)

  • ผู้ท้าชิง ปัจจุบันมีวัคซีนต้นแบบหลายตัวที่อยู่ในระหว่างการทดลอง (Phase 1 และ 2) เช่น วัคซีนจาก Johnson & Johnson, Sabin Vaccine Institute และสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH)
  • บททดสอบในโลกจริง การระบาดในอิเควทอเรียลกินีและแทนซาเนียในปี 2023 เกือบจะได้เป็น “การทดลองใช้วัคซีนในสถานการณ์จริง” แต่การระบาดสิ้นสุดลงเร็วกว่าที่คาด
  • ความหวัง? หากการระบาดในเอธิโอเปียครั้งนี้ขยายวงกว้าง อาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีการใช้วัคซีนเหล่านี้ใน “โปรโตคอลการใช้ในภาวะฉุกเฉิน” (Emergency Use Protocol) แต่ ณ วินาทีนี้ โลกยังคง “ไร้อาวุธ” ในการต่อสู้กับมาร์บวร์กโดยตรง

บทสรุป เอธิโอเปีย บททดสอบใหม่ของระบบสาธารณสุขโลก

การยืนยัน ไวรัสมาร์บวร์กระบาด เอธิโอเปีย ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ด้วยยอดผู้ เสียชีวิต 3 ศพ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของวิกฤตที่อาจลุกลามได้

โลกหลังยุคโควิด-19 ได้พิสูจน์แล้วว่า “ภัยคุกคามในที่ห่างไกล คือภัยคุกคามของทุกคน” การต่อสู้ในเขตเวสต์ วอลเลกา ตลอด 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า จะเป็นการชี้ชะตา ไม่ใช่แค่การต่อสู้เพื่อควบคุมการระบาดในท้องถิ่น แต่คือการแข่งกับเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้ “ญาติมรณะของอีโบลา” นี้ ได้ตั๋วเที่ยวเดียวออกจากศูนย์กลางการบินของแอฟริกา ไปสู่หน้าประตูบ้านของพวกเราทุกคน

แหล่งที่มาจาก : am2con