กรุงจาการ์ตา, อินโดนีเซีย – เหตุระเบิดรุนแรงที่มัสยิดภายในโรงเรียนมัธยม SMAN 72 ทางตอนเหนือของกรุงจาการ์ตา ระหว่างการละหมาดวันศุกร์ (7 พฤศจิกายน 2025) ซึ่งส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 96 ราย ได้พลิกผันจากโศกนาฏกรรมที่ยังไม่ทราบสาเหตุ ไปสู่การยืนยันภาวะคุกคามด้านความมั่นคงระดับชาติ ล่าสุด (11 พฤศจิกายน 2025) หน่วยบัญชาการพิเศษต่อต้านการก่อการร้าย (Densus 88) ของอินโดนีเซีย ได้เข้าควบคุมคดีอย่างเต็มรูปแบบ หลังค้นพบวัตถุระเบิดเพิ่มเติมอีก 7 ลูกในพื้นที่ และระบุว่าผู้ต้องสงสัยหลักคือ นักเรียน ของโรงเรียนดังกล่าว
เหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำลายสถิติ “ปลอดการโจมตี” (Zero Terrorist Attacks) ที่อินโดนีเซียรักษาไว้ได้ตลอดปี 2023-2024 แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึง “ฝันร้าย” ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงได้เตือนไว้: การฟื้นคืนชีพของแนวคิดสุดโต่งในรูปแบบใหม่ ที่แพร่กระจายผ่านโลกดิจิทัล และกำลังกัดกินเยาวชนใน “ยุคหลัง Jemaah Islamiyah”
บทความนี้จะวิเคราะห์เชิงลึกว่า เหตุการณ์ ระเบิดโรงเรียนจาการ์ตา ครั้งนี้ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การก่อการร้ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างไร และเหตุใดความสำเร็จในการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายแบบดั้งเดิม จึงอาจกลายเป็นจุดบอดที่เปิดทางให้ “หมาป่าเดียวดาย” (Lone Wolf) ที่เป็นเยาวชน ถือกำเนิดขึ้นในใจกลางสถาบันการศึกษา

สถานการณ์ล่าสุด Densus 88 เข้าคุมคดี ยืนยัน ‘การกระทำโดยเจตนา’
เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุระเบิดที่โรงเรียน SMAN 72 เขตเกลาปากาดิง ซึ่งในตอนแรกยังคงมีความสับสนว่าเป็นอุบัติเหตุจากสารเคมีหรือไฟฟ้าลัดวงจร สถานการณ์ก็ตึงเครียดขึ้นอย่างรวดเร็ว รายงานเบื้องต้นจากสื่อท้องถิ่น (Matichon, Thairath) ระบุยอดผู้บาดเจ็บที่ 54 ราย ก่อนที่ตัวเลขจะพุ่งสูงขึ้นเป็น 96 รายในวันต่อมา (8 พฤศจิกายน) โดยมี 14 รายที่ยังคงต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อหน่วยตำรวจท้องถิ่นได้ประสานไปยัง Densus 88 หน่วยต่อต้านการก่อการร้ายที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดของอินโดนีเซีย การเข้ามาของ Densus 88 บ่งชี้ว่าหลักฐานเบื้องต้นมีน้ำหนักเอนเอียงไปทางการก่อการร้าย
แหล่งข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย (INP) ยืนยันเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ว่า จากการตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด Densus 88 ได้ค้นพบวัตถุระเบิดที่ประกอบเอง (IEDs) เพิ่มเติมอีก 7 ลูก ถูกซุกซ่อนไว้ในบริเวณโรงเรียน การค้นพบนี้ได้ยุติข้อสงสัยทั้งหมด และยืนยันว่านี่คือการโจมตีที่ “มีการวางแผนโดยเจตนา” (Deliberate, planned attack) ไม่ใช่อุบัติเหตุ
“นี่คือการกระทำที่มุ่งเป้าไปที่การสร้างความเสียหายสูงสุดในพื้นที่อ่อนไหว” โฆษก Densus 88 กล่าว “การที่เป้าหมายคือมัสยิดในโรงเรียน และเวลาเกิดเหตุคือช่วงละหมาดวันศุกร์ สะท้อนถึงอุดมการณ์ที่บิดเบือนอย่างชัดเจน”
ประเด็นด้านมนุษยธรรม เมื่อผู้ก่อเหตุและเหยื่อคือ ‘เยาวชน’
ความซับซ้อนของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ทวีคูณขึ้น เมื่อการสืบสวนมุ่งเป้าไปที่ผู้ต้องสงสัยหลัก ซึ่งเป็นนักเรียนชายที่กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียน SMAN 72 นั่นเอง การที่ผู้ก่อเหตุเป็นผู้เยาว์ ทำให้ Densus 88 ต้องทำงานร่วมกับคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งอินโดนีเซีย (KPAI) อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การสนับสนุนด้านจิตใจแก่เหยื่อที่เป็นนักเรียน และดำเนินการสืบสวนผู้ต้องสงสัยตามกระบวนการยุติธรรมสำหรับเยาวชน
ดร. อานิตา ปุสปิตาซารี นักสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย ให้ทัศนะว่า สังคมกำลังเผชิญกับวิกฤตซ้อนวิกฤต
“เราไม่เพียงแต่มีเหยื่อที่เป็นเด็ก แต่ผู้ต้องสงสัยก็ยังเป็นเด็ก นี่คือความล้มเหลวในระดับรากฐานของสังคม ที่สถาบันครอบครัวและการศึกษาไม่สามารถคัดกรองหรือป้องกันแนวคิดสุดโต่งที่เข้าถึงตัวเด็กได้ง่ายดายขนาดนี้”
เหตุการณ์นี้สร้างบาดแผลทางใจอย่างรุนแรงต่อชุมชน ผู้ปกครองต่างพากันตื่นตระหนกต่อความปลอดภัยในโรงเรียน ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” (Safe Zone) การโจมตีครั้งนี้ได้ทำลายความไว้วางใจนั้นลงอย่างสิ้นเชิง
สัญญาณอันตราย การฟื้นคืนชีพของ ‘อุดมการณ์สุดโต่ง’ ในโลกดิจิทัล
สิ่งที่น่ากังวลที่สุดสำหรับ Densus 88 และหน่วยงานความมั่นคงในภูมิภาค คือ “วิธีการ” ที่ผู้ต้องสงสัยถูกชักจูง การสืบสวนเบื้องต้นมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมทางออนไลน์ของผู้ต้องสงสัย ซึ่งพบว่ามีการเสพเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) อย่างหนัก
นี่คือสิ่งที่สถาบันวิจัยด้านความมั่นคง เช่น S. Rajaratnam School of International Studies (RSIS) ได้ออกมาเตือนไว้ตั้งแต่ต้นปี 2025 ในรายงาน “Counter Terrorist Trends and Analyses” ระบุว่า แม้ Densus 88 จะประสบความสำเร็จอย่างสูงในการจับกุมและปราบปรามเครือข่ายก่อการร้ายแบบมีโครงสร้าง (Hierarchical networks) แต่ภัยคุกคามได้ย้ายสมรภูมิไปยังโลกออนไลน์
- การจับกุมก่อนหน้านี้ ในช่วงปี 2024-2025 Densus 88 ได้จับกุมกลุ่มเยาวชนหลายกลุ่มที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก IS และเรียนรู้วิธีการประกอบระเบิดผ่านทางอินเทอร์เน็ต (Online-exclusive radicalization)
- แรงบันดาลใจแบบ IS ต่างจากกลุ่ม Jemaah Islamiyah (JI) ที่มีเป้าหมายทางการเมืองชัดเจน, กลุ่มที่ได้แรงบันดาลใจจาก IS มักเป็น “หมาป่าเดียวดาย” ที่เน้นการโจมตีแบบไม่เลือกเป้าหมาย (Soft targets) เพื่อสร้างความหวาดกลัว
- ช่องว่างทางอุดมการณ์ การที่กลุ่ม JI ประกาศยุบองค์กรอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน 2024 ได้สร้าง “สุญญากาศทางอุดมการณ์” ซึ่งกลุ่ม IS ฉวยโอกาสเข้ามาเติมเต็ม โดยมุ่งเป้าไปที่เยาวชนที่ไม่พอใจต่อระบบ และแสวงหาตัวตนผ่านแนวคิดสุดโต่ง
ระเบิดโรงเรียนจาการ์ตา คือการปรากฏตัวของภัยคุกคามที่นักวิเคราะห์กลัวที่สุด การก่อการร้ายโดยผู้ที่ “เกิดและโต” ในโลกดิจิทัล (Digital-native extremist) โดยไม่ต้องมีการติดต่อทางกายภาพกับเครือข่ายหลักเลย
![]()
ภาพลวงตาแห่งความสำเร็จ? สั่นคลอนยุทธศาสตร์ ‘ปราบปรามเชิงรุก’
เหตุการณ์นี้ถือเป็นความล้มเหลวทางยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ของอินโดนีเซีย รายงานจากสถาบันเศรษฐศาสตร์และสันติภาพ (IEP) และ RSIS ต่างชื่นชมอินโดนีเซียที่สามารถกดดันกลุ่มก่อการร้ายจนแทบไม่เหลือพื้นที่ปฏิบัติการ ส่งผลให้สถิติการโจมตีเป็นศูนย์ (Zero attacks) ในปี 2023 และ 2024
ความสำเร็จนี้มาจาก
- กฎหมายที่เข้มแข็ง (Law No. 5/2018) ให้อำนาจ Densus 88 ในการ “จับกุมเชิงป้องกัน” (Preventive arrests) ทำให้สามารถทลายเซลล์ก่อการร้ายได้ก่อนที่จะลงมือ
- การปราบปรามทางการเงิน ตัดท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่ม JI และกลุ่มอื่นๆ อย่างได้ผล
- การยุบกลุ่ม JI การสลายตัวของ JI ในปี 2024 ถูกมองว่าเป็นจุดสิ้นสุดของยุคการก่อการร้ายแบบเก่า
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงชี้ว่า ความสำเร็จในการ “ปราบปราม” (Suppression) อาจทำให้รัฐบาลชะล่าใจในมิติของ “การป้องกัน” (Prevention) โดยเฉพาะในโลกไซเบอร์
“Densus 88 เก่งกาจในการล่า ‘ผู้ก่อการร้าย’ แต่การรับมือกับ ‘แนวคิดก่อการร้าย’ ที่ล่องลอยในอินเทอร์เน็ตเป็นคนละเรื่อง” ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัย Gadjah Mada กล่าว “เมื่อคุณตัดหัวหน้ากลุ่มได้ แต่คุณไม่ได้ทำลายอุดมการณ์ของมัน มันก็จะงอกใหม่ในที่ที่คุณคาดไม่ถึง และครั้งนี้มันงอกขึ้นในโรงเรียน”
Densus 88 ตระหนักถึงปัญหานี้ ดังจะเห็นได้จากกิจกรรมในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา (สิงหาคม-ตุลาคม 2025) ที่หน่วยงานพยายามจัดโครงการอบรมให้ความรู้แก่แรงงานข้ามชาติและชุมชนท้องถิ่นเกี่ยวกับอันตรายของลัทธิหัวรุนแรงทางออนไลน์ แต่เห็นได้ชัดว่ามาตรการดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะเจาะเข้าถึงระดับเยาวชนในสถาบันการศึกษา
บริบททางสังคม ความไม่พอใจของเยาวชน และการประท้วงปี 2025
แม้จะยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงโดยตรง แต่เหตุระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศทางสังคมและการเมืองที่ค่อนข้างตึงเครียดในอินโดนีเซีย ตลอดปี 2025 เกิดการประท้วงของนักเรียนและนักศึกษาหลายครั้ง (เช่น กุมภาพันธ์ และ สิงหาคม 2025) เพื่อต่อต้านนโยบายของรัฐบาลหลายประเด็น ตั้งแต่ค่าเล่าเรียน, การปฏิรูปกฎหมาย, ไปจนถึงปัญหาคอร์รัปชัน
- ความเปราะบางของเยาวชน สภาวะที่เยาวชนรู้สึกไม่พอใจต่อระบบ หรือรู้สึกว่าเสียงของตนเองไม่ถูกรับฟัง (Disenfranchisement) เป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้พวกเขาเปราะบางต่อการถูกชักจูงเข้าสู่แนวคิดสุดโต่ง
- การแสวงหาทางออก เมื่อช่องทางการแสดงออกทางการเมืองแบบปกติถูกปิดกั้น หรือรู้สึกว่าไร้ผล โลกออนไลน์ที่นำเสนอ “ทางลัด” แห่งการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง จึงกลายเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจ
- ความปลอดภัยในจาการ์ตา แม้รัฐบาลออสเตรเลีย (Smartraveller) จะคงระดับการเตือนภัยการก่อการร้ายในอินโดนีเซียมาโดยตลอด โดยเฉพาะการเตือนให้ระวัง “สถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา” แต่การที่เหตุการณ์เกิดขึ้นในโรงเรียน ได้ยกระดับความกังวลด้านความปลอดภัยในกรุงจาการ์ตาขึ้นสู่ระดับใหม่
ผลกระทบระดับภูมิภาค ‘บทเรียนจาการ์ตา’ สู่โต๊ะเจรจาความมั่นคงอาเซียน
การโจมตีครั้งนี้ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะเป็นวาระเร่งด่วนในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งต่อไปอย่างแน่นอน
- ความท้าทายต่อแผนอาเซียน อาเซียนมี “แผนปฏิบัติการว่าด้วยการป้องกันและต่อต้านการเพิ่มขึ้นของแนวคิดหัวรุนแรงและความสุดโต่งอย่างรุนแรง (PoA PCRVE) 2018-2025” ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดลง เหตุการณ์นี้คือหลักฐานชัดเจนว่า “การป้องกัน” (Priority Area 1) ล้มเหลว และจำเป็นต้องมีการทบทวนยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่
- การแบ่งปันข่าวกรองดิจิทัล ความร่วมมือภายใต้ “อนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย” (ACCT) จะต้องขยายจากการแบ่งปันข้อมูลการเคลื่อนไหวของบุคคล ไปสู่การแบ่งปันข่าวกรองด้านภัยคุกคามทางไซเบอร์ และการติดตามกลุ่มเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์อย่างจริงจัง
- ผลกระทบทางเศรษฐกิจ การโจมตีในเมืองหลวงอย่างจาการ์ตา โดยเฉพาะในพื้นที่พลเรือนอย่างโรงเรียน จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติและการท่องเที่ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รัฐบาลอินโดนีเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต กำลังเผชิญกับบททดสอบด้านความมั่นคงครั้งสำคัญ

บทสรุป อนาคตของการต่อต้านการก่อการร้าย – สงครามครั้งใหม่ในโลกดิจิทัล
ระเบิดโรงเรียนจาการ์ตา ในเดือนพฤศจิกายน 2025 ไม่ใช่แค่การกลับมาของการก่อการร้าย แต่เป็น “การปฏิรูป” การก่อการร้ายในอินโดนีเซีย มันคือจุดเปลี่ยนจากสงครามกับ “องค์กร” (เช่น JI) ไปสู่สงครามกับ “อุดมการณ์” ที่ล่องลอยอย่างอิสระในโลกดิจิทัล
โศกนาฏกรรมครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้ Densus 88 จะประสบความสำเร็จในการทลายเครือข่ายทางกายภาพ แต่ “อวตาร” ของลัทธิสุดโต่งยังคงมีชีวิต และสามารถชักจูงเยาวชนที่เปราะบางให้กลายเป็น “อาวุธ” ได้จากระยะไกล
ใครอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดโรงเรียนในจาการ์ตา อย่างแท้จริง? คำตอบอาจไม่ใช่แค่ “นักเรียนคนหนึ่ง” แต่คือเครือข่ายอัลกอริทึมและห้องสนทนาที่มืดมิดบนอินเทอร์เน็ต การสืบสวนรอยเท้าทางดิจิทัลของผู้ต้องสงสัยในครั้งนี้ จะกลายเป็นกุญแจสำคัญไม่เพียงแต่การคลี่คลายคดี แต่ยังเป็นการกำหนดทิศทาง มาตรการรักษาความปลอดภัยอินโดนีเซีย และทั้งภูมิภาคอาเซียน ในการต่อสู้กับศัตรูไร้ตัวตนที่อันตรายที่สุดในยุคปัจจุบัน
แหล่งที่มาจาก : am2con