ข่าวสะเทือนใจจากเมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ที่เผชิญกับฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์จนเกิดเหตุ “ดินสไลด์” ถล่มทับบ้านเรือนฝังชีวิตผู้คนกว่าสิบราย ไม่ใช่แค่โศกนาฏกรรมที่อยู่ไกลตัว แต่คือสัญญาณเตือนภัยฉุกเฉินที่ดังมาถึงหน้าบ้านของคนไทย… เพราะปัจจัยที่ก่อให้เกิดหายนะครั้งนี้ ทั้งสภาพอากาศสุดขั้วจากภาวะโลกร้อนและการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว มีความคล้ายคลึงกับความเสี่ยงที่หลายพื้นที่ในประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่อย่างน่ากังวล บทความนี้จะพาไปติดตามสถานการณ์ล่าสุด เจาะลึกถึงสาเหตุของภัยพิบัติ และที่สำคัญที่สุด คือการถอดบทเรียนว่าประเทศไทยพร้อมรับมือมากน้อยเพียงใด หากต้องเผชิญกับเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน
สรุปเหตุการณ์โศกนาฏกรรม “ดินสไลด์ กว่างโจว”
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ในเขตชานเมืองกว่างโจว ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญทางภาคใต้ของจีน หลังจากเกิดเหตุฝนตกหนักในจีนอย่างต่อเนื่องนานกว่า 48 ชั่วโมง อันเป็นผลมาจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “ไห่ขุย” ที่พัดผ่านมณฑลกวางตุ้ง ปริมาณน้ำฝนที่สะสมจำนวนมหาศาลทำให้มวลดินบนเนินเขาที่อยู่ติดกับชุมชนที่พักอาศัยเกิดการอิ่มตัวและพังทลายลงมาอย่างรวดเร็วในลักษณะของดินโคลนถล่ม (Debris Flow)
ข้อมูลเบื้องต้นจากหน่วยกู้ภัยฉุกเฉิน ณ เวลา 1200 น. ของวันที่ 15 สิงหาคม 2568
- พื้นที่เกิดเหตุ ชุมชนที่พักอาศัยบริเวณเชิงเขาในเขตไป่หยุน เมืองกว่างโจว
- ผู้ประสบภัย บ้านเรือนอย่างน้อย 5 หลังถูกดินโคลนถล่มทับ มีผู้ติดอยู่ภายใน 14 ราย
- ปฏิบัติการกู้ภัย เจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 500 นาย พร้อมเครื่องจักรกลหนัก เร่งค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย
- ผลการช่วยเหลือ สามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตออกมาได้แล้ว 7 ราย และพบผู้เสียชีวิต 4 ราย ยังคงสูญหายอีก 3 ราย
ทางการจีนได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉินระดับสูงสุด และอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงใกล้เคียงอีกหลายร้อยครัวเรือน นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนของภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้นในยุคปัจจุบัน
ถอดรหัสหายนะ อะไรคือสาเหตุของดินโคลนถล่ม?
สาเหตุของดินโคลนถล่มคืออะไร? โดยทั่วไปแล้วเกิดจาก 2 ปัจจัยหลักที่ทำงานร่วมกัน คือปัจจัยทางธรรมชาติและปัจจัยที่เกิดจากมนุษย์ ซึ่งในกรณีของกว่างโจวครั้งนี้มีความชัดเจนในทั้งสองมิติ
- ปัจจัยธรรมชาติ ฝนตกหนักและความอิ่มตัวของดิน ปริมาณฝนที่ตกหนักเกินกว่า 600 มิลลิเมตรในเวลาเพียง 2 วัน ทำให้น้ำซึมลงไปในดินอย่างรวดเร็วจนดินไม่สามารถอุ้มน้ำได้อีกต่อไป (Saturation) มวลดินจึงสูญเสียแรงยึดเหนี่ยวและมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น จนในที่สุดก็พังทลายลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก ปรากฏการณ์ฝนตกหนักผิดปกติเช่นนี้ กำลังเกิดขึ้นบ่อยครั้งทั่วโลกและเป็นผลโดยตรงจาก ภาวะโลกร้อน และ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ทำให้สภาพอากาศสุดขั้วรุนแรงขึ้น
- ปัจจัยจากมนุษย์ การตัดไม้และการขยายตัวของเมือง การขยายตัวของเมือง (Urban Expansion) อย่างรวดเร็วของกว่างโจวในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ทำให้มีการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่เชิงเขาและพื้นที่ลาดชัน ซึ่งในอดีตอาจเคยเป็นป่าไม้ที่ช่วยดูดซับน้ำและยึดหน้าดิน การเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่เหล่านี้โดยขาดการวางผังเมืองที่ดีและการศึกษาผลกระทบทางธรณีวิทยาที่เพียงพอ ถือเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดดินสไลด์อย่างมหาศาล
“กระจกสะท้อนถึงไทย” พื้นที่ใดบ้างที่เสี่ยงสูง
โศกนาฏกรรม ดินสไลด์ กว่างโจว คือภาพจำลองของสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในประเทศไทยได้ทุกเมื่อ เนื่องจากเรามีปัจจัยเสี่ยงที่คล้ายคลึงกันอย่างยิ่ง
เปิดแผนที่เสี่ยงภัย จากดอยสูงภาคเหนือสู่ไหล่เขาภาคใต้
กรมทรัพยากรธรณี และ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ระบุพื้นที่เสี่ยงดินถล่มในไทยไว้อย่างชัดเจน ซึ่งครอบคลุมหลายจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาและหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ใกล้ภูเขาในจังหวัดต่างๆ เช่น
- ภาคเหนือ เชียงใหม่, เชียงราย, แม่ฮ่องสอน, น่าน, แพร่, อุตรดิตถ์, เพชรบูรณ์
- ภาคใต้ กระบี่, นครศรีธรรมราช, พังงา, สุราษฎร์ธานี, ชุมพร, ระนอง
- ภาคตะวันตก กาญจนบุรี, ตาก
พื้นที่เหล่านี้มีความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะในช่วงฤดูมรสุม (สิงหาคม-ตุลาคม) ที่มักจะมีฝนตกหนักต่อเนื่อง
บทเรียนในอดีต เราเคยเจ็บปวดมาแล้ว
ประเทศไทยเคยเผชิญกับโศกนาฏกรรมดินโคลนถล่มครั้งใหญ่มาแล้วหลายครั้ง เช่น เหตุการณ์ที่บ้านน้ำก้อ จ.เพชรบูรณ์ (2544), วังชิ้น จ.แพร่ (2549) และเขาพนม จ.กระบี่ (2554) ซึ่งแต่ละครั้งได้สร้างความสูญเสียใหญ่หลวงทั้งชีวิตและทรัพย์สิน บทเรียนเหล่านี้ย้ำเตือนว่าภัยชนิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นภัยที่รอวันเกิดซ้ำหากเราขาดความพร้อม
เราพร้อมแค่ไหน? ทบทวนระบบเตือนภัยและแผนรับมือของไทย
คำถามสำคัญคือ ประเทศไทยมีความพร้อมในการรับมือมากน้อยเพียงใด
ระบบการเฝ้าระวังและเตือนภัย ปัจจุบัน ปภ. และกรมทรัพยากรธรณีมีระบบเฝ้าระวังโดยใช้ข้อมูลปริมาณน้ำฝนและติดตั้งอุปกรณ์เตือนภัย (มิสเตอร์เตือนภัย) ในหมู่บ้านเสี่ยง แต่ความท้าทายยังคงมีอยู่ เช่น อุปกรณ์ชำรุด หรือการสื่อสารแจ้งเตือนที่อาจไม่รวดเร็วและทั่วถึงพอ
แผนอพยพและศูนย์พักพิง แม้จะมีการจัดทำแผนอพยพและซ้อมอยู่เป็นระยะ แต่ในสถานการณ์จริง ประชาชนอาจลังเลที่จะอพยพออกจากบ้านเรือนเนื่องจากความห่วงใยในทรัพย์สิน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องมีการรณรงค์สร้างความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง
วิธีรับมือเมื่อเกิดดินสไลด์ สำหรับประชาชนในพื้นที่เสี่ยง
- สังเกตสัญญาณเตือน สังเกตระดับน้ำในลำห้วยที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว, สีของน้ำที่เปลี่ยนเป็นสีเดียวกับดินบนภูเขา, มีเสียงดังอื้ออึงมาจากภูเขา
- ติดตามข่าวสาร ฟังประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด
- เตรียมพร้อมอพยพ จัดเตรียม “ถุงยังชีพฉุกเฉิน” ที่มีของใช้จำเป็น และเตรียมอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยที่กำหนดไว้ทันทีที่ได้รับการแจ้งเตือน
- หลีกเลี่ยง ห้ามเข้าใกล้หรือกลับเข้าไปในพื้นที่ที่เกิดเหตุแล้ว เพราะอาจเกิดการถล่มซ้ำได้
บทสรุป ถึงเวลาเผชิญหน้ากับความจริงของโลกยุคใหม่
เราไม่สามารถหยุดฝนหรือห้ามพายุได้ แต่เราสามารถลดความสูญเสียได้ โศกนาฏกรรม ดินสไลด์ กว่างโจว คือเครื่องยืนยันอันเจ็บปวดว่า ผลกระทบของภาวะโลกร้อนต่อไทย และทั่วโลกไม่ใช่เรื่องของอนาคตอีกต่อไป แต่เป็นความจริงที่เราต้องเผชิญในปัจจุบัน
บทเรียนจากกว่างโจวเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนในประเทศไทยต้องหันมาทบทวนและลงมือทำอย่างจริงจัง ตั้งแต่การวางผังเมืองที่รัดกุม, การอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้, การพัฒนาระบบเตือนภัยให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ไปจนถึงการสร้างความตระหนักรู้และวัฒนธรรมความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้แน่ใจว่าโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเพื่อนบ้าน จะไม่ย้อนกลับมาเกิดขึ้นบนแผ่นดินของเรา
แหล่งที่มาจาก : am2con