เปิดตัวเลขความสำเร็จ สถิติที่น่าทึ่งของแบรนด์จีน

รถไฟฟ้าจีน อินโดนีเซีย

ณ ใจกลางตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน สมรภูมิยานยนต์ไฟฟ้ากำลังถูกเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่โดยผู้เล่นจากแดนมังกร ข้อมูลล่าสุดจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์อินโดนีเซีย (Gaikindo) ณ เดือนสิงหาคม 2568 ยืนยันภาพที่ชัดเจนว่า รถไฟฟ้าจีน ได้เข้ามายึดครองส่วนแบ่งตลาดใน อินโดนีเซีย อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด นำโดยการทะยานขึ้นสู่อันดับหนึ่งของ BYD ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เพียงเรื่องราวความสำเร็จในต่างแดน แต่คือเสียงระฆังเตือนภัยที่ดังมาถึงประเทศไทย ส่งสัญญาณท้าทายโดยตรงต่อเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ของภูมิภาค และอาจบีบให้ทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้กำหนดนโยบาย EV 3.5 ไปจนถึงผู้บริโภค ต้องกลับมาทบทวนยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญ

China's Electric Vehicles Dominate Indonesia's EV Market in January 2025 -  The China-Global South Project

ตัวเลขไม่เคยโกหก และข้อมูลล่าสุดได้ฉายภาพความสำเร็จของแบรนด์จีนในตลาดอินโดนีเซียได้อย่างน่าทึ่ง

  • ยอดขายรวมพุ่งกระฉูด ข้อมูลจาก Gaikindo ระบุว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ในอินโดนีเซียช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-กรกฎาคม) มีจำนวนสูงถึง 42,178 คัน ซึ่งเกือบจะเทียบเท่ากับยอดขายรวมของทั้งปี 2567 ที่ผ่านมา
  • BYD ผงาดขึ้นผู้นำ BYD อินโดนีเซีย สร้างปรากฏการณ์ด้วยการก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดอย่างรวดเร็ว ทำยอดขายสะสมในช่วงเวลาเดียวกันสูงถึง 16,427 คัน โดยมีรุ่นยอดนิยมอย่าง Dolphin, Atto 3 และ Seal เป็นหัวหอกสำคัญ
  • Wuling ผู้บุกเบิกยังคงแข็งแกร่ง Wuling อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นแบรนด์จีนผู้บุกเบิกตลาด Mass-market ด้วยรุ่น Air EV ยังคงรักษาตำแหน่งในกลุ่มผู้นำได้อย่างเหนียวแน่น พิสูจน์ให้เห็นถึงความต้องการรถ EV ขนาดเล็กและราคาเข้าถึงง่ายในตลาด

ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? คำตอบไม่ได้อยู่ที่ปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง แต่เป็นการผสมผสานกลยุทธ์ที่เฉียบคมและการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างทรงพลัง

ถอดรหัส 3 กลยุทธ์หลัก สู่บัลลังก์เจ้าตลาด EV อินโดนีเซีย

  • “สึนามิ” ด้านราคาและการตลาดที่เข้าถึงง่าย หัวใจสำคัญที่สุดคือ “ราคา” แบรนด์จีนได้ทลายกำแพงการเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าด้วยการตั้งราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้อย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ “คุ้มค่าเกินราคา” (Value for Money) อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีและฟีเจอร์อำนวยความสะดวกที่ทันสมัย กลยุทธ์นี้สามารถเจาะกลุ่มผู้ซื้อรถคันแรกและผู้ที่ต้องการเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปได้อย่างตรงจุด
  • นโยบายรัฐบาลอินโดนีเซีย พรมแดงที่ปูทางสู่ความสำเร็จ รัฐบาลอินโดนีเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ได้แสดงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการผลักดันประเทศให้เป็น ฮับการผลิต EV ในอาเซียน ผ่าน นโยบายสนับสนุน EV อินโดนีเซีย ที่ดุดันและเอื้อประโยชน์อย่างยิ่ง
  • แรงจูงใจด้านภาษี ลดหย่อนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เหลือเพียง 1% สำหรับรถ EV ที่ผลิตในประเทศ, ยกเว้นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย และล่าสุดได้ผ่อนปรนกฎระเบียบอนุญาตให้ผู้ผลิตที่มุ่งมั่นตั้ง โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า สามารถนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูป (CBU) มาจำหน่ายโดยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีไปก่อนจนถึงปี 2568
  • ความได้เปรียบด้านทรัพยากร อินโดนีเซียครอบครองแร่นิกเกิลสำรองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ ทำให้มีอำนาจต่อรองและดึงดูดการลงทุนในห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
  • เกมรุกการลงทุน จาก “ขาย” สู่การ “สร้างฐานที่มั่น” สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือความเร็วในการตัดสินใจลงทุนของแบรนด์จีน BYD ประกาศทุ่มเงินลงทุนกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4.7 หมื่นล้านบาท) เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตสูงถึง 150,000 คันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 นี้ การกระทำที่รวดเร็วนี้ไม่เพียงสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและรัฐบาล แต่ยังเป็นการปักหมุดสร้าง “ฐานที่มั่น” ในระยะยาว ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในอนาคต

“วิสัยทัศน์ของอินโดนีเซียสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ BYD ที่กำลังมองหาการมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบนิเวศ EV ของประเทศ” – Eagle Zhao, ประธานกรรมการผู้จัดการของ BYD อินโดนีเซีย กล่าวไว้ ซึ่งสะท้อนถึงกลยุทธ์การเติบโตไปพร้อมกับนโยบายของประเทศ

China's BYD launches electric cars in Indonesia, aims to be market leader,  ETEnergyworld

บทเรียนถึงไทย เมื่อ “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” ถูกท้าทาย

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในอินโดนีเซียส่งแรงสั่นสะเทือนโดยตรงมายังประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นผู้นำตลาดและฐานการผลิตที่ไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคนี้ นี่คือประเด็นสำคัญที่ไทยต้องพิจารณาอย่างเร่งด่วน

  • การแข่งขันเพื่อเป็นฮับ EV ที่ดุเดือดขึ้น ไทยและอินโดนีเซียกลายเป็นคู่แข่งโดยตรงในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ แม้มาตรการ EV 3.5 ของไทยจะประสบความสำเร็จในการดึงดูดแบรนด์จีนหลายราย แต่ความยืดหยุ่นและแรงจูงใจที่ “จัดหนัก” ของอินโดนีเซีย โดยเฉพาะการผ่อนปรนการนำเข้า CBU สำหรับนักลงทุนรายใหม่ ถือเป็นความท้าทายที่น่ากลัว
  • สงครามราคาในไทยอาจเพิ่งเริ่มต้น ทำไมรถ EV จีนถึงครองตลาดอินโดนีเซีย? คำตอบคือ “ราคา” และโมเดลนี้กำลังจะถูกนำมาใช้อย่างเต็มรูปแบบในไทย เมื่อโรงงานของแบรนด์ต่างๆ ในไทยเริ่มเดินสายการผลิตเต็มกำลัง ประกอบกับความเป็นไปได้ที่จะมีการนำเข้ารถจากโรงงานในอินโดนีเซียซึ่งอาจมีต้นทุนต่ำกว่าเข้ามาแข่งขัน ย่อมส่งผลให้สงครามราคาในประเทศรุนแรงยิ่งขึ้น
  • ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาดมือสอง ผู้บริโภคชาวไทยจะได้ประโยชน์จากตัวเลือกรถ EV ที่หลากหลายในราคาที่ถูกลง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับความท้าทายเรื่องราคาขายต่อที่อาจลดลงอย่างรวดเร็ว และคุณภาพของศูนย์บริการหลังการขายที่อาจเติบโตไม่ทันยอดขาย

How BYD dominates the Indonesian EV market through the 4P marketing mix

(Conclusion / บทสรุป)

การผงาดขึ้นครองตลาดของ รถไฟฟ้าจีนในอินโดนีเซีย ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์ของยุทธศาสตร์ที่วางแผนมาอย่างดี ทั้งการโจมตีด้วยราคา, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์, และการเคลื่อนไหวที่สอดรับกับนโยบายรัฐอย่างสมบูรณ์แบบ BYD อินโดนีเซีย ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า การเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ก็สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำได้ในเวลาอันสั้นหากมีกลยุทธ์ที่ถูกต้อง

สำหรับประเทศไทย นี่คือบททดสอบครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมยานยนต์ การรักษาตำแหน่ง “ผู้นำ” ไม่สามารถอาศัยเพียงชื่อเสียงเก่าๆ ได้อีกต่อไป แต่ต้องอาศัยความเร็วในการปรับตัว, นโยบายที่เฉียบคมและแข่งขันได้, และการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง สมรภูมิ EV ในอาเซียนได้เปลี่ยนไปแล้ว และไทยต้องพร้อมที่จะลงสนามแข่งขันในเกมใหม่ที่ดุเดือดยิ่งกว่าเดิม

 

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *