เสียงคำรามของรถถังและภาพการเผชิญหน้าทางทหารที่เคยเป็นภาพจำของชายแดนด้านตะวันออก ได้เลือนหายไปกับหน้าประวัติศาสตร์ แต่สำหรับ “กองกำลังบูรพา” ผู้พิทักษ์แห่งชายแดนไทย-กัมพูชา สงครามไม่เคยจบสิ้น เพียงแต่มันเปลี่ยนรูปแบบไปเท่านั้น วันนี้ สนามรบของพวกเขาไม่ใช่สมรภูมิที่เต็มไปด้วยเสียงปืน แต่เป็นสงครามที่ซับซ้อนและส่งผลกระทบโดยตรงถึงปากท้องและความปลอดภัยของคนไทยทุกคน บทความนี้จะเจาะลึกถึงภารกิจที่เปลี่ยนไปของกองกำลังบูรพา ในการรับมือกับ “ศัตรู” ยุคใหม่ ที่อาวุธของพวกมันไม่ใช่ปืนไรเฟิล แต่เป็นรถกระบะลักลอบขนหมูเถื่อน, ซิมการ์ดโทรศัพท์จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผืนดินอย่างเงียบเชียบ
จากอดีตสู่ปัจจุบัน วิวัฒนาการภารกิจของกองกำลังบูรพา
กองกำลังบูรพา เป็นหน่วยเฉพาะกิจของ กองทัพภาคที่ 1 ก่อตั้งขึ้นเพื่อรับผิดชอบการป้องกันประเทศในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออก โดยมีหัวใจอยู่ที่จังหวัดสระแก้ว ในยุคสงครามเย็นและช่วงความขัดแย้งภายในกัมพูชา ภารกิจหลักของพวกเขาคือการป้องกันการรุกรานตามแบบ, การปะทะกับกองกำลังไม่ทราบฝ่าย และการดูแลผู้ลี้ภัยจากสงคราม ภาพของทหารพร้อมรบในหลุมบุคคลตามแนวชายแดนคือสัญลักษณ์ของยุคนั้น
แต่เมื่อสถานการณ์การเมืองในกัมพูชามีเสถียรภาพมากขึ้น ภัยคุกคามทางทหารลดระดับลงอย่างมีนัยสำคัญ ทว่า “สงคราม” กลับไม่ได้หายไปไหน มันแปรเปลี่ยนเป็น ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ (Non-traditional Threats) ที่ท้าทายขีดความสามารถของกองกำลังบูรพาในมิติที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
สมรภูมิที่ 1 สงครามเศรษฐกิจ การลักลอบทำลายชาติ
นี่คือสงครามที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจของประเทศและเกษตรกรไทย ชายแดนที่ยาวเหยียดและมีช่องทางธรรมชาติมากมายได้กลายเป็น “เส้นเลือดใหญ่” ของขบวนการลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมาย
หมูเถื่อน น้ำมันเถื่อน เมื่อชายแดนคือเส้นเลือดของขบวนการผิดกฎหมาย
- สินค้าเกษตร การลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรโดยเฉพาะ “หมูเถื่อน” ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมสุกรในประเทศ ทำให้ราคาผลผลิตตกต่ำและเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรจำนวนมากต้องขาดทุนและเลิกกิจการ
- น้ำมันเชื้อเพลิง การลักลอบนำเข้าน้ำมันราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีเป็นจำนวนมหาศาล
- สินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าหนีภาษี สร้างการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมและทำลายกลไกตลาดภายในประเทศ
ภารกิจของ กองกำลังบูรพา ในสมรภูมินี้ คือการลาดตระเวนทั้งทางบกและทางอากาศโดยใช้โดรน, การตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดตามเส้นทางยุทธศาสตร์, และการทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ กรมศุลกากร และฝ่ายปกครอง เพื่อสกัดกั้นขบวนการเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด สถิติการจับกุมสินค้าลักลอบมูลค่าหลายร้อยล้านบาทในแต่ละปี คือเครื่องยืนยันถึงความรุนแรงของสงครามเศรษฐกิจครั้งนี้
สมรภูมิที่ 2 สงครามไซเบอร์ ภัยร้ายจาก “ปอยเปต”
อีกหนึ่งสมรภูมิที่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนไทยทั่วประเทศ คือปัญหา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ใช้เมืองชายแดนของกัมพูชา โดยเฉพาะ ปอยเปต (ตรงข้ามอำเภออรัญประเทศ) เป็นฐานปฏิบัติการในการหลอกลวงคนไทยให้โอนเงินจนเกิดความเสียหายปีละหลายหมื่นล้านบาท
แม้การปราบปรามโดยตรงจะเป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจ แต่ กองกำลังบูรพา มีบทบาทสำคัญในฐานะ “ด่านหน้า”
- การสกัดกั้นการข้ามแดน ป้องกันและจับกุมคนไทยที่ถูกหลอกลวงให้เดินทางไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเชื่อว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง
- การให้ข้อมูลและการข่าวกรอง ทำงานร่วมกับหน่วยข่าวกรองและตำรวจสันติบาลในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับที่ตั้งและเครือข่ายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อส่งต่อให้ทางการกัมพูชาดำเนินการ
- การช่วยเหลือเหยื่อ ประสานงานในการรับตัวคนไทยที่เป็นเหยื่อและถูกบังคับให้ทำงานกลับประเทศผ่านช่องทางชายแดน
“ศัตรูในวันนี้ไม่ได้อยู่ตรงหน้าเรา แต่อยู่ในสายโทรศัพท์ที่โทรไปหาพ่อแม่พี่น้องของเราในจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ ภารกิจของเราจึงไม่ใช่แค่การเฝ้าเส้นเขตแดน แต่คือการปกป้องประชาชนจากภัยที่มองไม่เห็นเหล่านี้ด้วย” – นายทหารฝ่ายยุทธการ กองกำลังบูรพา
สมรภูมิที่ 3 สงครามเงียบ การต่อสู้กับมรดกเลือดแห่งอดีต
แม้เสียงปืนจากสงครามในอดีตจะเงียบไปนานแล้ว แต่ “ทหารที่ไม่มีวันตาย” อย่าง ทุ่นระเบิด สังหารบุคคลและต่อสู้รถถัง ยังคงฝังตัวอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นจำนวนมาก มันคือมรดกเลือดที่ยังคงคร่าชีวิตและสร้างความพิการให้กับเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์อยู่เสมอ
กองกำลังบูรพา มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดของหน่วยทหารช่างและศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC)
- การรักษาความปลอดภัยพื้นที่ จัดกำลังคุ้มกันพื้นที่ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งมักเป็นพื้นที่เสี่ยงและห่างไกล
- การสำรวจและแจ้งเตือน รวบรวมข้อมูลพื้นที่ต้องสงสัยว่ามีทุ่นระเบิดจากราษฎรในพื้นที่ และทำการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนถึงอันตราย
- การพัฒนาพื้นที่หลังการเก็บกู้ เมื่อพื้นที่ใดได้รับการยืนยันว่าปลอดภัยแล้ว กองกำลังบูรพาจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้กับราษฎร เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินทำกินได้อย่างเต็มศักยภาพและยั่งยืน
ยุทธวิธีที่เปลี่ยนไป จากปืนสู่ “โดรน” และ “ความร่วมมือ”
เพื่อรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อน กองกำลังบูรพา ได้ปรับเปลี่ยนยุทธวิธีและเครื่องมือในการปฏิบัติงานครั้งใหญ่
- เทคโนโลยีนำการทหาร มีการนำอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) และกล้องตรวจการณ์ความร้อน (Thermal Camera) มาใช้ในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจแนวชายแดนอย่างกว้างขวาง ทำให้สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติได้ตลอด 24 ชั่วโมง และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้กำลังพลเพียงอย่างเดียว
- บูรณาการความร่วมมือ หัวใจสำคัญของความสำเร็จคือการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างไร้รอยต่อ ตั้งแต่กรมศุลกากร, ตำรวจตระเวนชายแดน, ตำรวจภูธร, ฝ่ายปกครอง ไปจนถึงภาคเอกชนและประชาชนในพื้นที่ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและการปฏิบัติการร่วมกันคือ “อาวุธ” ที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับภัยคุกคามยุคใหม่
บทสรุป ผู้พิทักษ์แห่งบูรพาทิศในศตวรรษที่ 21
ภารกิจของ กองกำลังบูรพา ในวันนี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าบทบาทของทหารในศตวรรษที่ 21 นั้นกว้างไกลกว่าการรบราฆ่าฟันในสนามรบ พวกเขาคือกลไกสำคัญของรัฐในการรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงในทุกมิติ ทั้งความมั่นคงทางทหาร, เศรษฐกิจ และสังคม
จากสมรภูมิชายแดนที่เคยร้อนระอุด้วยเสียงปืน สู่สมรภูมิยุคใหม่ที่ต้องต่อสู้กับความโลภ, อาชญากรรม และบาดแผลจากอดีต กองกำลังบูรพา ยังคงยืนหยัดทำหน้าที่ผู้พิทักษ์แห่งบูรพาทิศอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้ประชาชนคนไทยทั้งที่อยู่แนวหลังและแนวหน้า สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขและปลอดภัยภายใต้ร่มเงาแห่งอธิปไตยของชาติสืบไป
แหล่งที่มาจาก : am2con