นักวิเคราะห์ยังมองภาคพลังงานหมุนเวียนมาเลเซียในเชิงบวก เบื้องหลังนโยบาย NETR สู่ฮับ AI และพลังงานสะอาดอาเซียน

พลังงานหมุนเวียนมาเลเซีย

ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก นักวิเคราะห์การลงทุนชั้นนำยังคงมีมุมมองเชิงบวก หรือ “Overweight” ต่อภาค พลังงานหมุนเวียนมาเลเซีย อย่างต่อเนื่อง ความเชื่อมั่นดังกล่าวไม่ได้เกิดจากกระแสความนิยมพลังงานสะอาดทั่วโลกเพียงอย่างเดียว แต่มีรากฐานที่แข็งแกร่งมาจากการขับเคลื่อนนโยบายที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมของรัฐบาลอย่าง “แผนที่นำทางการเปลี่ยนผ่านพลังงานแห่งชาติ (National Energy Transition Roadmap – NETR)” ซึ่งกำลังเปลี่ยนประเทศให้กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะศูนย์ข้อมูล AI และปูทางสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการส่งออกพลังงานสะอาดที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน

Malaysia's renewable energy sector sees bright prospects

พลังงานหมุนเวียนมาเลเซีย NETR พิมพ์เขียวพลิกโฉมประเทศสู่มหาอำนาจพลังงานสะอาด

หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักวิเคราะห์คือ แผนที่นำทาง NETR ที่รัฐบาลมาเลเซียเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2023 แผนการนี้ไม่ใช่เพียงเอกสารแสดงเจตจำนง แต่เป็นพิมพ์เขียวเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมและมีเป้าหมายชัดเจนในการเร่งการเปลี่ยนผ่านภาคพลังงานของประเทศ โดยมีเป้าหมายใหญ่คือการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ถึง 70% ภายในปี 2050 และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)

นโยบายพลังงานมาเลเซีย ภายใต้กรอบของ NETR ได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อ การลงทุนพลังงานสะอาด โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ (Phase)

สองเฟสแห่งการเปลี่ยนผ่าน จากนโยบายสู่การปฏิบัติ

  • NETR ระยะที่ 1 มุ่งเน้นการเปิดตัว “โครงการเรือธง” (Flagship Projects) จำนวน 10 โครงการ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โครงการเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาโซนพลังงานหมุนเวียนแบบบูรณาการ, การผลิตไฮโดรเจนสีเขียว, ไปจนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีกักเก็บพลังงาน
  • NETR ระยะที่ 2 เป็นการวางรากฐานเชิงนโยบายและกฎระเบียบในระยะยาว เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านในวงกว้าง รวมถึงการปฏิรูปตลาดพลังงาน, การสร้างแรงจูงใจทางการเงิน, และการพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่

“NETR ไม่ใช่แค่แผนด้านพลังงาน แต่เป็นแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับใหม่ของมาเลเซีย” แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงเศรษฐกิจมาเลเซียกล่าว “เรากำลังใช้การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเป็นเครื่องมือในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมมูลค่าสูง และสร้างงานที่มีคุณภาพให้กับประชาชน”

โครงการเรือธง แม่เหล็กดึงดูดการลงทุนระดับโลก

หนึ่งในปัจจัยที่จับต้องได้มากที่สุดซึ่งทำให้นักวิเคราะห์มองตลาดในเชิงบวก คือความคืบหน้าของโครงการเรือธงภายใต้ NETR ตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดคือ

  • Integrated Renewable Energy Zone (IREZ) โครงการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ตั้งเป้าเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 1,000 เมกะวัตต์แห่งแรก และดึงดูดโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้พลังงานสะอาด
  • YTL Green Data Centre Park โครงการพัฒนาศูนย์ข้อมูลสีเขียวขนาด 500 เมกะวัตต์ ในรัฐยะโฮร์ โดยบริษัท YTL Power International ซึ่งจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าระดับไฮเปอร์สเกล (Hyperscale)
  • Sarawak H2 Hub โครงการพัฒนาศูนย์กลางการผลิตและส่งออกไฮโดรเจนสีเขียวครบวงจรในรัฐซาราวัก โดยใช้ประโยชน์จากศักยภาพพลังงานน้ำที่อุดมสมบูรณ์

โครงการเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างกำลังการผลิตพลังงานสะอาดมหาศาล แต่ยังสร้างผลกระทบแบบทวีคูณ (Multiplier Effect) ไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

Analysts stay upbeat on Malaysia's renewable energy outlook

AI Data Centers ตัวเร่งปฏิกิริยาความต้องการพลังงานสีเขียว

ปัจจัยสำคัญที่เข้ามาพลิกเกมและสร้างความต้องการพลังงานสะอาดอย่างก้าวกระโดดในมาเลเซีย คือ “กระแสการลงทุนในศูนย์ข้อมูลปัญญาประดิษฐ์ (AI Data Centers)” บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Microsoft, Google, และ Nvidia ต่างประกาศแผนการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อจัดตั้งศูนย์ข้อมูลในมาเลเซีย โดยเฉพาะในพื้นที่รัฐยะโฮร์และกัวลาลัมเปอร์

ศูนย์ข้อมูล AI มีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในปริมาณมหาศาลและต้องมีความเสถียรตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ยังมีนโยบายด้านความยั่งยืนที่เข้มงวดและต้องการใช้พลังงานจากแหล่งหมุนเวียน 100% เพื่อบรรลุเป้าหมายด้าน ESG (Environmental, Social, and Governance)

“ความต้องการพลังงานจากศูนย์ข้อมูล AI กลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่สมบูรณ์แบบสำหรับแผน NETR ของเรา” นักวิเคราะห์จาก Maybank Investment Bank กล่าว “มันสร้างดีมานด์ที่ชัดเจนและจับต้องได้ ทำให้โครงการ โซลาร์ฟาร์ม ขนาดใหญ่มีความคุ้มค่าทางการเงินสูง และดึงดูดให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง YTL Power International, Petronas, และ Tenaga Nasional Berhad (TNB) เร่งขยายพอร์ตการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน”

มุมมองนักวิเคราะห์ ทำไมถึงยัง “Overweight”?

นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินชั้นนำหลายแห่ง เช่น CGS-CIMB Research และ Kenanga Research ยังคงให้น้ำหนักการลงทุน “Overweight” หรือ “Positive” ต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานหมุนเวียนของมาเลเซีย ด้วยเหตุผลหลักดังนี้

  • นโยบายภาครัฐที่ชัดเจน NETR สร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยงด้านนโยบายให้กับนักลงทุน ทำให้สามารถวางแผนการลงทุนในระยะยาวได้
  • คำสั่งซื้อในมือ (Order Book) ที่แข็งแกร่ง บริษัทที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะผู้รับเหมาด้านวิศวกรรม การจัดหา และการก่อสร้าง (EPC) มีงานในมือจำนวนมากจากการประมูลโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการ Large Scale Solar (LSS)
  • โอกาสในการส่งออกพลังงาน มาเลเซียมีเป้าหมายชัดเจนที่จะเป็นผู้ส่งออกพลังงานสะอาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะสิงคโปร์ ซึ่งมีความต้องการสูงแต่มีพื้นที่จำกัด การเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid) จะเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เป้าหมายนี้เป็นจริง
  • การเติบโตของรายได้ที่สม่ำเสมอ (Recurring Income) การลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนสร้างรายได้ที่มั่นคงและสม่ำเสมอในระยะยาวผ่านสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA)

“เรามองเห็นแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งไปอีกหลายปีข้างหน้า” บทวิเคราะห์จาก Kenanga Research ระบุ “ปัจจัยขับเคลื่อนไม่ได้มาจากโครงการภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโอกาสในการเป็นผู้เล่นหลักใน ตลาดพลังงานอาเซียน ด้วย”

ความท้าทายและก้าวต่อไป จากเป้าหมายสู่ความเป็นจริง

แม้ว่าภาพรวมจะดูสดใส แต่เส้นทางสู่การเป็นมหาอำนาจพลังงานสะอาดยังคงมีความท้าทายที่มาเลเซียต้องก้าวข้าม

  • การยกระดับโครงข่ายไฟฟ้า (Grid Modernization) โครงข่ายไฟฟ้าที่มีอยู่จำเป็นต้องได้รับการลงทุนและปรับปรุงให้เป็นสมาร์ทกริด เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่มีความไม่แน่นอนและกระจายตัว
  • แหล่งเงินทุน แม้จะมีแผนดึงดูดการลงทุน แต่โครงการภายใต้ NETR ต้องการเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 1.2 ล้านล้านริงกิต (ประมาณ 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในปี 2050 การเข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียว (Green Financing) จึงเป็นสิ่งสำคัญ
  • กฎระเบียบและขั้นตอน การขอใบอนุญาตและการอนุมัติโครงการยังคงต้องมีความคล่องตัวและรวดเร็วกว่านี้ เพื่อให้ทันต่อความต้องการของตลาด

Analysts stay upbeat on Malaysia's renewable energy outlook

ผลกระทบต่อภูมิภาคและประเทศไทย

การเร่งเครื่องของมาเลเซียในด้านพลังงานหมุนเวียนส่งผลกระทบโดยตรงต่อภูมิทัศน์พลังงานในภูมิภาคอาเซียน สำหรับประเทศไทย การเคลื่อนไหวของมาเลเซียนำมาซึ่งทั้ง “การแข่งขัน” และ “โอกาสในการร่วมมือ”

ในเชิงการแข่งขัน มาเลเซียกำลังกลายเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องการพลังงานสะอาดเป็นปัจจัยหลัก อย่างไรก็ตาม ในเชิงความร่วมมือ การพัฒนาของมาเลเซียจะช่วยเร่งให้เกิดการเชื่อมโยงโครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทุกประเทศในภูมิภาค รวมถึงไทย ในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานและซื้อขายไฟฟ้าข้ามพรมแดนได้สะดวกยิ่งขึ้น

บทสรุป อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสีเขียว

มุมมองเชิงบวกของนักวิเคราะห์ต่อภาค พลังงานหมุนเวียนมาเลเซีย นั้นมีเหตุผลรองรับที่หนักแน่นและชัดเจน การมีอยู่ของแผนแม่บทแห่งชาติอย่าง NETR, การเข้ามาของเมกะเทรนด์อย่าง AI Data Centers, และศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางพลังงานของภูมิภาค ได้สร้างสตอรี่การเติบโตที่น่าสนใจและดึงดูดใจนักลงทุน

มาเลเซียกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไม่ใช่แค่ภาระหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อม แต่เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจครั้งสำคัญที่จะสร้างความมั่งคั่งและยั่งยืนให้กับประเทศในระยะยาว และนี่คือเหตุผลที่ทำให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนทั่วโลกยังคงจับตามองตลาดแห่งนี้อย่างไม่กระพริบตา

 

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *