ทรัมป์ชี้เหตุกราดยิงมิชิแกนคือ ‘สงครามต่อต้านคริสต์’ – เสียงวิจารณ์ดังลั่น ‘ฉวยใช้โศกนาฏกรรมเป็นเกมการเมือง’

ทรัมป์ประณามเหตุกราดยิงมิชิแกน

ทรัมป์ประณามเหตุกราดยิงมิชิแกน สถานการณ์โศกนาฏกรรมที่โบสถ์ในรัฐมิชิแกนได้ทวีความน่าสลดใจยิ่งขึ้น เมื่อยอดผู้เสียชีวิตได้เพิ่มขึ้นเป็น 4 ราย ขณะเดียวกัน เหตุการณ์ได้ถูกดึงเข้าสู่สมรภูมิทางการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ หลังจากอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาประณามเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social โดยไม่เพียงแต่แสดงความเสียใจ แต่ยังได้ชี้นำว่าการโจมตีครั้งนี้คือหลักฐานของ “สงครามต่อต้านชาวคริสต์” ในสหรัฐอเมริกา พร้อมเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงต่อผู้มีศรัทธา แถลงการณ์ดังกล่าวได้จุดชนวนให้เกิดการโต้เถียงอย่างเผ็ดร้อนในทันที โดยฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองและนักวิเคราะห์ต่างออกมาประณามว่าเป็นการ “ฉวยใช้โศกนาฏกรรมเป็นเครื่องมือทางการเมือง” เพื่อปลุกระดมฐานเสียงและเบี่ยงเบนประเด็นเรื่องการควบคุมอาวุธปืน

Trump condemns Michigan church shooting as an attack on Christians

ทรัมป์ประณามเหตุกราดยิงมิชิแกน อัปเดตสถานการณ์ล่าสุด ยอดเสียชีวิตเพิ่มเป็น 4 ราย, FBI มุ่งปม ‘อาชญากรรมเกลียดชัง’

ก่อนจะเข้าสู่ประเด็นทางการเมือง สำนักข่าวท้องถิ่นในเมืองแกรนด์แรพิดส์ รัฐมิชิแกน ได้ยืนยันข่าวที่น่าเศร้าเพิ่มเติมว่า ผู้บาดเจ็บสาหัส 2 รายจากเหตุการณ์กราดยิงและวางเพลิงที่โบสถ์ “เกรซ วัลเลย์ คอมมูนิตี้” ในเมืองเฮเวนวูด ได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มขึ้นเป็น 4 ราย และยังมีผู้บาดเจ็บอีก 6 รายที่ยังคงพักรักษาตัวอยู่

ขณะนี้ การสืบสวนยังคงดำเนินไปอย่างเข้มข้น โดยมี FBI เป็นหน่วยงานหลัก แหล่งข่าวจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระบุว่า การสืบสวนกำลังมุ่งเน้นไปที่แรงจูงใจของคนร้าย ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญในที่เกิดเหตุ โดยมีการตรวจสอบประวัติการใช้งานอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียที่พบว่ามีการโพสต์ข้อความที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อสถาบันศาสนาและแสดงแนวคิดสุดโต่ง ทำให้เจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักว่าการโจมตีครั้งนี้อาจเข้าข่าย “อาชญากรรมจากความเกลียดชัง” (Hate Crime) และ “การก่อการร้ายในประเทศ”

“การโจมตีต่อศรัทธา” ถอดรหัสแถลงการณ์ของทรัมป์บน Truth Social

ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความโศกเศร้า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขาในช่วงสายของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งมีเนื้อหาที่ถูกตีความอย่างกว้างขวางว่าเป็นการเปลี่ยนโศกนาฏกรรมให้เป็นประเด็นทางการเมือง

“เป็นการกระทำที่ชั่วร้ายและน่าสยดสยองอย่างที่สุดที่เกิดขึ้นกับชุมชนชาวคริสต์ผู้รักสงบในมิชิแกน” ทรัมป์เขียน “หัวใจของเราสลายไปกับครอบครัวของเหยื่อผู้บริสุทธิ์ การโจมตีต่อบ้านของพระเจ้าคือการโจมตีต่อจิตวิญญาณของชาติเรา นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าเศร้าของสงครามต่อต้านค่านิยมจูเดโอ-คริสเตียนที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศของเรา ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยพวกฝ่ายซ้ายสุดโต่งและสื่อที่ไม่ยอมพูดความจริง เราต้องลุกขึ้นมาปกป้องศรัทธาของเรา และทุกฝ่ายต้องยุติความรุนแรงต่อชาวคริสต์ทันที!”

ข้อความดังกล่าวได้รับการแชร์ต่ออย่างรวดเร็วในกลุ่มผู้สนับสนุนของเขา โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอีวานเจลิคัล ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรครีพับลิกัน

Aerial View Of Church Burning After Shooting In Michigan

เสียงสะท้อนจากสองขั้วการเมือง ‘ความจริงที่กล้าพูด’ หรือ ‘การหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความแตกแยก’?

แถลงการณ์ของทรัมป์ได้แบ่งความคิดเห็นของสังคมออกเป็นสองขั้วในทันที

พรรคเดโมแครตและนักวิจารณ์ประณามการฉวยโอกาสทางการเมือง โฆษกของ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน เกร็ตเชน วิตเมอร์ จากพรรคเดโมแครต ได้ออกมาตอบโต้ว่า “ในขณะที่ชุมชนของเรากำลังโศกเศร้าและต้องการความเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นเรื่องน่าละอายอย่างยิ่งที่บุคคลบางคนเลือกที่จะใช้โศกนาฏกรรมนี้เป็นเชื้อไฟเพื่อสร้างความแตกแยกทางการเมือง การเปลี่ยนเรื่องราวของความเจ็บปวดให้เป็นวาทกรรมที่แบ่งฝักฝ่าย คือการไม่ให้เกียรติเหยื่อและครอบครัวของพวกเขาอย่างที่สุด”

นักวิเคราะห์การเมืองหลายสำนักมองว่านี่คือยุทธศาสตร์ที่ทรัมป์มักใช้เป็นประจำ คือการเชื่อมโยงเหตุการณ์รุนแรงเข้ากับ “สงครามวัฒนธรรม” (Culture Wars) เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากประเด็นที่เขาไม่ต้องการจะพูดถึง โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมอาวุธปืน

ฐานเสียงอนุรักษ์นิยมและผู้นำศาสนาบางส่วนขานรับ ในทางกลับกัน ผู้นำศาสนาและนักเคลื่อนไหวฝ่ายอนุรักษ์นิยมบางส่วนได้ออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนทรัมป์ โดยมองว่าเขากล้าที่จะพูด “ความจริง” ที่หลายคนไม่กล้าพูด “อดีตประธานาธิบดีทรัมป์พูดถูกต้อง” ผู้นำองค์กรศาสนาแห่งหนึ่งในรัฐเท็กซัสกล่าว “มีบรรยากาศของการต่อต้านศรัทธาเกิดขึ้นจริงในสังคมอเมริกัน และเราขอบคุณที่เขากล้าหาญพอที่จะชี้ให้เห็นถึงปัญหานี้”

วิเคราะห์ โศกนาฏกรรมในฐานะเครื่องมือทางการเมืองใน ‘วัฒนธรรมสงคราม’

การตอบสนองของโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อเหตุการณ์ที่มิชิแกน คือกรณีศึกษาที่ชัดเจนของการใช้โศกนาฏกรรมเป็นเครื่องมือทางการเมืองในยุคแห่งความแตกแยกของอเมริกา

  • การปลุกระดมฐานเสียง การวางกรอบเหตุการณ์ว่าเป็นการ “โจมตีชาวคริสต์” เป็นการส่งสารโดยตรงไปยังฐานเสียงชาวคริสต์อนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเขาและพรรครีพับลิกัน เป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของเขาในฐานะ “ผู้พิทักษ์ศรัทธา”
  • การเบี่ยงเบนประเด็น การมุ่งเน้นไปที่ประเด็นทางศาสนาและวัฒนธรรม เป็นการเบี่ยงเบนการถกเถียงออกจากหัวข้อเรื่อง “การควบคุมอาวุธปืน” ซึ่งเป็นประเด็นที่พรรครีพับลิกันมักจะเสียเปรียบในสายตาของประชาชนส่วนใหญ่หลังเกิดเหตุกราดยิงทุกครั้ง
  • การสร้างศัตรูร่วม การกล่าวโทษ “ฝ่ายซ้ายสุดโต่ง” เป็นการสร้างศัตรูร่วมและตอกย้ำวาทกรรมว่าคู่แข่งทางการเมืองของเขาคือต้นตอของปัญหาความรุนแรงในสังคม ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ได้ผลในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา

Trump condemns Michigan church shooting as an attack on Christians

บทสรุป เมื่อความโศกเศร้าถูกย้อมสีทางการเมือง

ทรัมป์ประณามเหตุกราดยิงมิชิแกน ในขณะที่ชุมชนเล็กๆ ในรัฐมิชิแกนกำลังพยายามเยียวยาบาดแผลจากความสูญเสียที่ไม่อาจประเมินค่าได้ โศกนาฏกรรมของพวกเขาก็ได้ถูกดูดกลืนเข้าไปในเครื่องจักรทางการเมืองของประเทศอย่างรวดเร็ว

การออกมาแสดงความคิดเห็นของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เปลี่ยนโศกนาฏกรรมท้องถิ่นให้กลายเป็นสมรภูมิรบอีกแห่งหนึ่งในสงครามวัฒนธรรมของอเมริกา ความเร็วที่ความเจ็บปวดของปัจเจกบุคคลถูกนำไปตีความและใช้ประโยชน์ในทางการเมือง คือภาพสะท้อนที่น่ากังวลของภูมิทัศน์ทางการเมืองอเมริกันในปัจจุบัน ที่ซึ่งความเห็นอกเห็นใจและความเป็นหนึ่งเดียวกันของชาติมักจะพ่ายแพ้ให้กับยุทธศาสตร์การแบ่งขั้วเพื่อชัยชนะทางการเมือง

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *