รัสเซียเปิดฉาก ‘สงครามฤดูหนาว’ ระดมโดรน-ขีปนาวุธถล่มยูเครนนาน 12 ชม. , เซเลนสกีลั่น ‘โลกต้องตอบโต้’

รัสเซียโจมตียูเครนล่าสุด

รัสเซียโจมตียูเครนล่าสุด รัสเซียได้เปิดฉากการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ทั่วประเทศยูเครนต่อเนื่องยาวนานกว่า 12 ชั่วโมงตั้งแต่ช่วงกลางดึกจนถึงรุ่งเช้าของวันนี้ (1 ตุลาคม 2568) โดยใช้ยุทธวิธีผสมผสานระหว่างโดรนพลีชีพและขีปนาวุธหลายชนิดมุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและพื้นที่พักอาศัยของพลเรือน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 รายในเมืองคาร์คิฟ และบาดเจ็บอีกหลายสิบคนในหลายเมือง ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ได้ออกมาประณามการกระทำดังกล่าวอย่างรุนแรง โดยระบุว่านี่คือการเริ่มต้น “สงคราม τρομοκρατία (terror) ฤดูหนาว” ของรัสเซียอย่างชัดเจน และเรียกร้องให้พันธมิตรตะวันตกเร่งจัดส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติมโดยด่วน ก่อนที่ยูเครนจะต้องเผชิญกับหายนะด้านมนุษยธรรมเมื่อฤดูหนาวมาเยือน

Zelensky condemns 'vile' Russian strikes lasting 12 hours

รัสเซียโจมตียูเครนล่าสุด ลำดับเหตุการณ์โจมตี ยุทธวิธีผสมผสานเพื่อทำลายล้าง

การโจมตีครั้งล่าสุดนี้เริ่มต้นขึ้นในช่วงหลังเที่ยงคืน โดยกองทัพอากาศยูเครนได้ประกาศเตือนภัยทางอากาศในหลายแคว้นภาคตะวันออกและภาคใต้ ก่อนจะขยายวงกว้างครอบคลุมเกือบทั่วประเทศในเวลาต่อมา รูปแบบการโจมตีสะท้อนให้เห็นถึงการวางแผนมาเป็นอย่างดี

  • ระลอกแรก – โดรนพลีชีพ ฝูงโดรน “ชาเฮด” (Shahed) ที่ผลิตในอิหร่านจำนวนหลายสิบถูกส่งเข้ามาเป็นระลอกแรกจากหลายทิศทาง ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารวิเคราะห์ว่า เป้าหมายของโดรนระลอกแรกคือเพื่อบีบให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนต้องเปิดเผยตำแหน่งและใช้ทรัพยากรในการยิงสกัด
  • ระลอกสอง – ขีปนาวุธร่อน หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธร่อนชนิด “คาลิบร์” (Kalibr) ที่ยิงจากเรือรบในทะเลดำ และขีปนาวุธ Kh-101/Kh-555 ที่ยิงจากเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ เข้ามายังเป้าหมายที่ถูกกำหนดไว้
  • ระลอกสาม – ขีปนาวุธความเร็วสูง ในช่วงท้ายของการโจมตี มีรายงานการใช้ขีปนาวุธนำวิถีภาคพื้นดินสู่ภาคพื้นดินชนิด “อิสกันเดอร์” (Iskander) ซึ่งมีความเร็วสูงและยากต่อการสกัดกั้น โจมตีเป้าหมายสำคัญในเมืองใหญ่

กองทัพยูเครนอ้างว่าสามารถยิงสกัดโดรนและขีปนาวุธได้กว่า 75% ของทั้งหมด แต่จำนวนที่เล็ดลอดเข้ามาได้ก็ยังคงสร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วง

คาร์คิฟในกองเพลิง โศกนาฏกรรมในอาคารที่พักอาศัย

เมืองคาร์คิฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของยูเครนและอยู่ใกล้กับพรมแดนรัสเซีย ตกเป็นเป้าหมายที่ได้รับความเสียหายรุนแรงที่สุด ขีปนาวุธลูกหนึ่งได้พุ่งเข้าใส่อาคารที่พักอาศัยสูง 9 ชั้น ในเขตซอลติฟกา (Saltivka) ในช่วงเวลาที่ประชาชนส่วนใหญ่กำลังนอนหลับ แรงระเบิดทำให้อาคารส่วนหนึ่งพังถล่มและเกิดเพลิงไหม้รุนแรง

“เราตื่นขึ้นมาเพราะเสียงระเบิดที่ดังเหมือนโลกจะถล่ม” โอเลนา ผู้พักอาศัยในอาคารใกล้เคียงให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ “เราวิ่งไปที่ห้องใต้ดิน พอออกมาก็เห็นตึกของเพื่อนบ้านไฟลุกท่วม มีแต่เสียงคนกรีดร้อง มันเป็นภาพที่น่ากลัวที่สุด”

เจ้าหน้าที่หน่วยบริการฉุกเฉินของยูเครน (SES) ได้ทำงานแข่งกับเวลาเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตใต้ซากปรักหักพัง และยืนยันยอดผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วย 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 40 คน

Zelensky condemns 'vile' Russian attack that lasted 12 hours

วิเคราะห์ยุทธศาสตร์ ทำไมรัสเซียจึงมุ่งเป้าโครงข่ายพลังงานในเวลานี้?

การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานอย่างเป็นระบบในช่วงต้นเดือนตุลาคม ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงยุทธศาสตร์ของรัสเซียในช่วงต่อไปของสงคราม

บทเรียนจากฤดูหนาวที่แล้ว สงครามบั่นทอนขวัญกำลังใจพลเรือน ในช่วงฤดูหนาวปี 2565-2566 รัสเซียเคยใช้ยุทธวิธีที่คล้ายคลึงกันนี้มาแล้ว โดยมุ่งเป้าโจมตีโรงไฟฟ้าและสถานีจ่ายไฟฟ้าย่อยทั่วประเทศเพื่อสร้างวิกฤตด้านมนุษยธรรม ทำให้ประชาชนหลายล้านคนไม่มีไฟฟ้า, เครื่องทำความร้อน, และน้ำประปาใช้ ท่ามกลางอุณหภูมิที่ลดต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง เป้าหมายคือการสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลยูเครนและบั่นทอนขวัญกำลังใจของประชาชนให้ยอมจำนน การโจมตีครั้งนี้จึงเป็นการ “ย้ำรอย” ยุทธศาสตร์เดิมที่โหดร้าย

การทดสอบและทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน ตลอดปีที่ผ่านมา ชาติตะวันตกได้ส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ทันสมัยให้กับยูเครน เช่น Patriot, IRIS-T, และ NASAMS ซึ่งช่วยลดทอนประสิทธิภาพการโจมตีของรัสเซียได้อย่างมาก การโจมตีแบบผสมผสานหลายระลอกจึงเป็นความพยายามที่จะทดสอบขีดความสามารถและหาช่องโหว่ของระบบเหล่านี้ ขณะเดียวกันก็เป็นการบังคับให้ยูเครนต้องใช้ขีปนาวุธสกัดกั้นที่มีราคาแพงและมีจำนวนจำกัดให้หมดไป

เสียงสะท้อนจากนานาชาติและการร้องขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียเผยแพร่ภาพความเสียหายและกล่าวสุนทรพจน์ถึงประชาคมโลกอย่างรวดเร็ว “นี่คือการก่อการร้ายที่ชัดเจน การโจมตีครอบครัวที่กำลังหลับใหลในบ้านของพวกเขา การพยายามทำให้เมืองของเรามืดมิดและหนาวเหน็บ… รัสเซียได้พิสูจน์อีกครั้งว่าตนคือรัฐผู้ก่อการร้าย” เขากล่าว

“แต่พวกเขาจะไม่มีวันทำลายเราได้ สิ่งที่เราต้องการในตอนนี้คือระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม เราต้องการมันเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ในอีกหลายเดือนข้างหน้า ทุกการตัดสินใจที่ล่าช้าหมายถึงชีวิตของชาวยูเครนที่ต้องสูญเสียไป”

ผู้นำจากสหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป, และสหราชอาณาจักร ได้ออกมาประณามการโจมตีครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียง โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า “เราขอประณามการโจมตีอันป่าเถื่อนของรัสเซียต่อโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนอย่างรุนแรงที่สุด เราจะยังคงยืนหยัดเคียงข้างยูเครนและจัดหาเครื่องมือที่จำเป็นเพื่อให้พวกเขาสามารถปกป้องผืนฟ้าของตนเองได้”

Girl among four killed after Russia hits Ukraine with 600 drones and dozens  of missiles in 'brutal' 12-hour attack | The Independent

บทสรุป การแข่งขันกับเวลา ก่อนฤดูหนาวจะมาถึง

รัสเซียโจมตียูเครนล่าสุด การโจมตีครั้งใหญ่ในวันนี้เป็นเครื่องเตือนใจอันเจ็บปวดว่า แม้สงครามจะดำเนินมาอย่างยาวนาน แต่ความโหดร้ายของมันยังคงไม่ลดน้อยลง และกำลังจะเข้าสู่ระยะใหม่ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อฤดูหนาวใกล้เข้ามา

ยูเครนได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการฟื้นฟูระบบพลังงานที่น่าทึ่งมาแล้วในปีก่อน แต่การโจมตีที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็กำลังกัดกร่อนความสามารถนั้นลงไปทุกขณะ อนาคตของชาวยูเครนหลายล้านคนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจึงขึ้นอยู่กับการแข่งขันกับเวลา ว่าความช่วยเหลือด้านการป้องกันภัยทางอากาศจากพันธมิตรจะมาถึงได้ทันท่วงที เพื่อป้องกันไม่ให้ฤดูหนาวที่จะถึงนี้กลายเป็นอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดในมือของรัสเซียหรือไม่

 

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *