เวียดนามสั่งอพยพครึ่งล้าน! รับมือ ‘ไต้ฝุ่นบัวลอย’ บททดสอบใหญ่ของระบบรับมือภัยพิบัติและเศรษฐกิจโลก

ไต้ฝุ่นบัวลอยเวียดนาม

ไต้ฝุ่นบัวลอยเวียดนาม รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศภาวะเฝ้าระวังระดับสูงสุด พร้อมสั่งอพยพประชาชนกว่า 500,000 คนออกจากพื้นที่ชายฝั่งภาคกลางของประเทศ เป็นการเตรียมความพร้อมครั้งใหญ่เพื่อรับมือกับไต้ฝุ่น “บัวลอย” (Bolaven) ที่กำลังเคลื่อนตัวข้ามทะเลจีนใต้ด้วยความเร็วสูงและคาดว่าจะพัดขึ้นฝั่งในช่วงค่ำของวันนี้ (30 กันยายน 2568) ตามเวลาท้องถิ่น การระดมสรรพกำลังอย่างเต็มรูปแบบนี้ไม่เพียงแต่เป็นบทพิสูจน์ระบบการจัดการภัยพิบัติอันเลื่องชื่อของเวียดนาม แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่โลกต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากพายุลูกนี้กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางของหนึ่งในฐานการผลิตและศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบเป็นระลอกคลื่นต่อโซ่อุปทานโลก

One dead and 12 missing as Typhoon Bualoi makes landfall in Vietnam

ไต้ฝุ่นบัวลอยเวียดนาม เส้นทางพายุ จากฟิลิปปินส์สู่เวียดนาม พลังทำลายที่ทวีกำลังอีกครั้ง

ไต้ฝุ่นบัวลอยคือพายุลูกเดียวกันกับที่เพิ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วงทางตอนเหนือของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์เมื่อสองวันก่อน ในฐานะ “ซูเปอร์ไต้ฝุ่น” ที่คร่าชีวิตผู้คนและทำให้ประชาชนหลายแสนคนไร้ที่อยู่อาศัย หลังจากข้ามภูมิประเทศที่เป็นภูเขาของฟิลิปปินส์ พายุได้อ่อนกำลังลงชั่วขณะ แต่เมื่อเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ (ที่เวียดนามเรียกว่า ทะเลตะวันออก) ซึ่งมีอุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงกว่าค่าเฉลี่ย มันได้กลับมาทวีกำลังแรงขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาแห่งชาติของเวียดนาม (NCHMF) รายงานว่า ณ เวลาล่าสุด ไต้ฝุ่นบัวลอยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบเท่ากับเฮอริเคนระดับ 3 ซึ่งแม้จะอ่อนกว่าตอนที่ถล่มฟิลิปปินส์ แต่ยังคงมีพลังทำลายล้างสูงมาก โดยคาดว่าจะทำให้เกิด

  • ฝนตกหนักมาก ปริมาณน้ำฝนสะสมอาจสูงถึง 400-600 มิลลิเมตรในบางพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่ความเสี่ยงสูงสุดของอุทกภัยฉับพลันและดินโคลนถล่ม
  • คลื่นพายุซัดฝั่ง (Storm Surge) พื้นที่ชายฝั่งตั้งแต่เมืองดานังไปจนถึงจังหวัดกว๋างนามอาจเผชิญกับคลื่นสูง 4-6 เมตรซัดเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ
  • ลมกระโชกแรง อาจสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อบ้านเรือน, โครงสร้างพื้นฐาน และพื้นที่เกษตรกรรม

จังหวัดที่อยู่ในภาวะเสี่ยงสูงสุดคือ ดานัง (Da Nang), เถื่อเทียนเว้ (Thua Thien Hue), และกว๋างนาม (Quang Nam) ซึ่งล้วนเป็นหัวใจสำคัญทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของภาคกลาง

‘สี่ทันที ณ จุดเกิดเหตุ’ ถอดรหัสยุทธศาสตร์รับมือภัยพิบัติฉบับเวียดนาม

สิ่งที่ทำให้การเตรียมรับมือพายุของเวียดนามแตกต่างและได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ คือระบบการจัดการที่เด็ดขาด, มีการวางแผนล่วงหน้า และบังคับใช้อย่างจริงจังจากบนลงล่าง (Top-down) ภายใต้การนำของ คณะกรรมการชี้นำแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและควบคุมภัยพิบัติ (National Steering Committee for Natural Disaster Prevention and Control) โดยยึดหลักการสำคัญที่เรียกว่า “สี่ทันที ณ จุดเกิดเหตุ” (The Four-on-the-spot) ซึ่งได้แก่

  1. การบังคับบัญชาทันที ณ จุดเกิดเหตุ มอบอำนาจให้ผู้นำท้องถิ่นตัดสินใจได้ทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลาง
  2. กำลังคนทันที ณ จุดเกิดเหตุ ใช้กำลังคนในพื้นที่ ทั้งทหาร, ตำรวจ, และอาสาสมัคร ที่มีความคุ้นเคยกับภูมิประเทศเป็นอย่างดี
  3. เครื่องมือทันที ณ จุดเกิดเหตุ เตรียมพร้อมยานพาหนะและอุปกรณ์ที่จำเป็นไว้ในพื้นที่เสี่ยงล่วงหน้า
  4. การส่งกำลังบำรุงทันที ณ จุดเกิดเหตุ จัดเตรียมอาหาร, น้ำดื่ม, และที่พักพิงให้พร้อมบริการได้ทันที

นายกรัฐมนตรี ฝั่ม มิญ จิ๊ญ ได้ออกคำสั่งด่วนที่สุด (Official Telegram) ไปยังทุกจังหวัดในเส้นทางพายุ โดยเน้นย้ำว่า “ความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก” มาตรการที่บังคับใช้ทันทีประกอบด้วย

Vietnam evacuates thousands and shuts airports as Typhoon Bualoi makes  landfall | AP News

  • การอพยพเชิงรุก ทหารและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นถูกส่งลงพื้นที่เพื่อช่วยอพยพประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็ก จากบ้านเรือนที่ไม่แข็งแรงและพื้นที่ลุ่มต่ำไปยังศูนย์พักพิงที่ปลอดภัย เช่น โรงเรียนและอาคารของรัฐ
  • การสั่งห้ามเรือออกจากฝั่ง เรือประมงกว่า 70,000 ลำถูกสั่งให้กลับเข้าฝั่งและหาที่หลบภัยอย่างปลอดภัย
  • การยกเลิกเที่ยวบินและการเดินทาง สนามบินนานาชาติดานังและสนามบินในพื้นที่ใกล้เคียงได้ประกาศยกเลิกทุกเที่ยวบิน และมีการสั่งปิดถนนเลียบชายฝั่งหลายสาย

ศูนย์กลางเศรษฐกิจในเส้นทางพายุ ดานัง-ฮอยอัน และโซ่อุปทานโลกที่กำลังหยุดหายใจ

ผลกระทบของไต้ฝุ่นบัวลอยไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเวียดนาม แต่ยังเป็นที่น่ากังวลสำหรับเศรษฐกิจโลก เนื่องจากภาคกลางของเวียดนามได้กลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญ

  • อุตสาหกรรมการผลิตและท่าเรือน้ำลึก เมืองดานังและจังหวัดโดยรอบเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์, สิ่งทอ, และเฟอร์นิเจอร์จำนวนมาก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโซ่อุปทานของแบรนด์ระดับโลก การหยุดชะงักของโรงงานและท่าเรือน้ำลึกที่ดานังอาจทำให้การส่งมอบสินค้าล่าช้าไปหลายสัปดาห์
  • เกษตรกรรมที่เปราะบาง พื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำในภาคกลางเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวที่สำคัญ รวมถึงพืชเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น กาแฟและพริกไทย ซึ่งอาจได้รับความเสียหายอย่างหนักจากน้ำท่วมและลมแรง
  • อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เมืองมรดกโลกอย่าง ฮอยอัน (Hoi An) และชายหาดที่มีชื่อเสียงของดานัง เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก การถูกพายุพัดถล่มโดยตรงจะสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวและกระทบต่อความเชื่อมั่นในระยะสั้น

นักวิเคราะห์จากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ตั้งข้อสังเกตว่า “ความถี่และความรุนแรงของพายุที่เพิ่มขึ้นกำลังกลายเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจที่สำคัญสำหรับเวียดนาม ความสามารถในการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังภัยพิบัติจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะรักษาความน่าสนใจในการลงทุน”

มุมมองจากประเทศไทยและภูมิภาค ผลกระทบทางอ้อมและบทเรียนที่ต้องเฝ้าระวัง

สำหรับประเทศไทย แม้จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากไต้ฝุ่นบัวลอย แต่คาดว่าจะได้รับอิทธิพลทางอ้อม เมื่อพายุเคลื่อนตัวลึกเข้ามาในแผ่นดินและอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือของไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในอีก 2-3 วันข้างหน้า

ในขณะเดียวกัน ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนต่างจับตาดูการรับมือของเวียดนามอย่างใกล้ชิด เพื่อถอดบทเรียนไปปรับใช้กับระบบการจัดการภัยพิบัติของตนเอง ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ภัยธรรมชาติมีความรุนแรงและคาดเดายากขึ้น โมเดลการเตรียมความพร้อมเชิงรุกของเวียดนามจึงมีความสำคัญในฐานะกรณีศึกษา

Vietnam evacuates thousands and shuts airports as Typhoon Bualoi makes  landfall

บทสรุป การรอคอยท่ามกลางความตึงเครียด

ไต้ฝุ่นบัวลอยเวียดนาม ขณะนี้ทั่วทั้งภาคกลางของเวียดนามตกอยู่ในความเงียบสงบก่อนพายุจะมาถึง ประชาชนหลายแสนคนได้เข้าอยู่ในที่พักพิงที่ปลอดภัยแล้ว เหลือเพียงเจ้าหน้าที่ทหารและหน่วยรับมือภัยพิบัติที่เตรียมพร้อมปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง นี่คือการต่อสู้ระหว่างการเตรียมความพร้อมที่ดีที่สุดของมนุษย์กับพลังอันเกรี้ยวกราดของธรรมชาติที่ถูกเติมเชื้อไฟจากภาวะโลกร้อน

อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าจะเป็นช่วงเวลาที่ชี้เป็นชี้ตาย ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นไม่เพียงแต่จะวัดประสิทธิภาพของระบบเตือนภัยของเวียดนาม แต่ยังจะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนนับล้านและเศรษฐกิจโลกที่เชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *