ซูเปอร์ไต้ฝุ่นบัวลอยถล่มฟิลิปปินส์ วิกฤตมนุษยธรรมครั้งใหญ่ และภาพสะท้อนของโลกในยุคโลกร้อน

พายุไต้ฝุ่นบัวลอย

ซูเปอร์ไต้ฝุ่น “บัวลอย” (Bolaven) ซึ่งทวีกำลังขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีความรุนแรงเทียบเท่าเฮอริเคนระดับ 4 ได้พัดขึ้นฝั่งทางตอนเหนือของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์, ลมกระโชกแรง, และคลื่นพายุซัดฝั่ง (Storm surge) รุนแรง สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างและก่อให้เกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่อย่างฉับพลัน บทความนี้ไม่เพียงแต่จะรายงานสถานการณ์ความเสียหายและการตอบสนองต่อภัยพิบัติ แต่ยังจะวิเคราะห์เจาะลึกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าฟิลิปปินส์กำลังยืนอยู่บน “แนวหน้า” ของสมรภูมิการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และภัยพิบัติครั้งนี้คือสัญญาณเตือนอันเจ็บปวดถึงอนาคตที่ทุกประเทศต้องเผชิญ

Typhoon Bualoi kills dozens in Vietnam and Philippines - CNA

ความรุนแรงระดับ ‘ซูเปอร์ไต้ฝุ่น’ เส้นทางและความเสียหายเบื้องต้น

พายุไต้ฝุ่นบัวลอย ซึ่งมีชื่อท้องถิ่นในฟิลิปปินส์ว่า “การินา” (Carina) ได้ก่อตัวขึ้นในทะเลฟิลิปปินส์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และเกิดปรากฏการณ์ “ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว” (Rapid Intensification) ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของพายุในยุคโลกร้อน โดยเปลี่ยนจากพายุโซนร้อนกลายเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก่อนจะพุ่งตรงเข้าสู่ชายฝั่งจังหวัดคากายัน (Cagayan) และอิซาเบลา (Isabela) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะลูซอน

ข้อมูลล่าสุดจาก สำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA) และศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ระบุถึงความรุนแรงของพายุ ณ จุดที่ขึ้นฝั่งดังนี้

  • ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง มากกว่า 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • ความเร็วลมกระโชกแรง สูงถึง 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • ปริมาณน้ำฝนสะสม คาดการณ์ว่าบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักเกิน 500 มิลลิเมตรภายใน 24 ชั่วโมง
  • ระดับการเตือนภัย PAGASA ได้ยกระดับการเตือนภัยพายุหมุนเขตร้อน (TCWS) สู่ระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในหลายจังหวัด

ความเสียหายเบื้องต้นที่ได้รับรายงานจาก สภาการจัดการและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติ (NDRRMC) และสื่อท้องถิ่น บ่งชี้ถึงสถานการณ์ที่เลวร้าย

  • อุทกภัยฉับพลันและดินโคลนถล่ม พื้นที่ลุ่มต่ำในหุบเขาคากายัน (Cagayan Valley) จมอยู่ใต้น้ำอย่างรวดเร็ว ขณะที่พื้นที่ภูเขาสูงในเขตบริหารคอร์ดิลเลรา (Cordillera Administrative Region) เกิดดินโคลนถล่มหลายจุด ตัดขาดเส้นทางคมนาคม
  • ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง เสาไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานได้รับความเสียหายรุนแรง ทำให้ประชาชนหลายล้านคนไม่มีไฟฟ้าใช้
  • การอพยพครั้งใหญ่ ประชาชนกว่า 300,000 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว แต่ยังมีอีกจำนวนมากที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมสูง

เสียงจากพื้นที่ประสบภัย ‘สายน้ำมาเร็วเหมือนสึนามิบนบก’

การสื่อสารกับพื้นที่ประสบภัยเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่รายงานจากนักข่าวภาคสนามและข้อความบนโซเชียลมีเดียที่ส่งออกมาได้เป็นครั้งคราว ได้วาดภาพความน่าสะพรึงกลัวของสถานการณ์

“มันไม่ใช่แค่ฝนตกหนัก มันเหมือนกำแพงน้ำถล่มลงมา” ครูคนหนึ่งในเมืองตูเกกาเรา (Tuguegarao City) ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่น “ระดับน้ำในแม่น้ำคากายันสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่ากลัวเหมือนสึนามิบนบก เสียงลมหวีดหวิวจนเราคิดว่าหลังคาบ้านจะปลิวไปทั้งหลัง”

ชาวประมงในเมืองชายฝั่งของจังหวัดอิซาเบลากล่าวว่า “เราเคยชินกับพายุ แต่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ คลื่นสูงกว่า 10 เมตรซัดเข้าฝั่ง ทำลายเรือและบ้านเรือนริมหาดจนหมดสิ้น เราสูญเสียทุกอย่าง”

Typhoon Bualoi kills dozens in Vietnam and Philippines - CNA

วิเคราะห์ ทำไมฟิลิปปินส์จึงเป็น ‘Ground Zero’ ของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

ฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับพายุไต้ฝุ่นโดยเฉลี่ยปีละ 20 ลูก แต่สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กำลังกังวลคือ “คุณภาพ” ของพายุที่เปลี่ยนไป พายุบัวลอยคือตัวอย่างล่าสุดที่ชัดเจนที่สุดของแนวโน้มอันตรายนี้ ซึ่งมีรากฐานมาจากปัจจัยหลายอย่างที่เชื่อมโยงโดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ปรากฏการณ์ ‘Rapid Intensification’ ลายเซ็นของพายุในมหาสมุทรที่ร้อนขึ้น อุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่สูงขึ้นทำหน้าที่เปรียบเสมือน “เชื้อเพลิง” คุณภาพสูงให้กับพายุหมุนเขตร้อน มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของไต้ฝุ่นส่วนใหญ่ มีอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้น้ำระเหยกลายเป็นไอได้มากขึ้น และปลดปล่อยพลังงานแฝงมหาศาลเมื่อพายุเริ่มก่อตัว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พายุอย่างบัวลอยสามารถทวีกำลังแรงจากพายุธรรมดาเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นได้ในเวลาอันสั้น ทำให้การพยากรณ์และการเตรียมตัวอพยพทำได้ยากขึ้นมาก

ภูมิศาสตร์ที่เปราะบางและบทเรียนราคาแพงจาก ‘ไห่เยี่ยน’ ฟิลิปปินส์ประกอบด้วยเกาะกว่า 7,000 เกาะ มีแนวชายฝั่งที่ยาวมาก และมีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อทั้งคลื่นพายุซัดฝั่งและดินโคลนถล่ม เหตุการณ์ซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน (Haiyan) หรือ “โยลันดา” ในปี 2556 ที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 6,300 คน ได้กลายเป็นบทเรียนราคาแพงที่ทำให้รัฐบาลฟิลิปปินส์พัฒนาระบบเตือนภัยและการอพยพล่วงหน้าได้ดีขึ้นอย่างมาก แต่ความรุนแรงของพายุที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็กำลังทดสอบขีดจำกัดของระบบที่วางไว้

ปฏิบัติการกู้ภัยและการตอบสนองจากนานาชาติ

รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ประกาศภาวะภัยพิบัติในหลายจังหวัด และระดมสรรพกำลังทั้งหมดเข้าสู่พื้นที่

  • กองทัพฟิลิปปินส์ ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์และเรือยางเข้าช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างบนหลังคาบ้านและในพื้นที่น้ำท่วมสูง
  • หน่วยงาน NDRRMC และหน่วยงานท้องถิ่น กำลังเร่งประเมินความเสียหายและจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ที่จำเป็น เช่น อาหาร, น้ำดื่ม, และยา ไปยังศูนย์พักพิง
  • การร้องขอความช่วยเหลือ ประธานาธิบดีได้กล่าวแถลงการณ์แสดงความเสียใจและส่งสัญญาณว่าอาจมีความจำเป็นต้องร้องขอความช่วยเหลือจากประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอุปกรณ์ค้นหาและกู้ภัยขนาดใหญ่และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

องค์กรช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เช่น สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ และโครงการอาหารโลก (WFP) กำลังเตรียมพร้อมที่จะเข้าให้ความช่วยเหลือทันทีที่ได้รับการร้องขออย่างเป็นทางการ

Dozens killed as Typhoon Bualoi batters Vietnam and Philippines | SBS News

บทสรุป พายุบัวลอยคือเสียงเตือนที่โลกต้องฟัง

ซูเปอร์ไต้ฝุ่นบัวลอยไม่ใช่แค่ภัยพิบัติทางธรรมชาติของประเทศฟิลิปปินส์ แต่มันคือภาพสะท้อนอนาคตและเป็นเสียงเตือนที่ดังกึกก้องมายังทุกประเทศทั่วโลกว่าผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นเกิดขึ้นจริง รุนแรง และกำลังคุกคามชีวิตผู้คนนับล้านในกลุ่มประเทศที่เปราะบางที่สุด ซึ่งเป็นกลุ่มที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุด

สถานการณ์ในฟิลิปปินส์ในขณะนี้คือบททดสอบความเป็นปึกแผ่นของนานาชาติ และเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าการดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการสนับสนุนกองทุนเพื่อการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Adaptation) ให้กับประเทศกำลังพัฒนา ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อความอยู่รอดของมนุษยชาติ

 

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *