แผลเป็นจาก ‘รากาซา’ ฮ่องกงเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ไต้หวันนับยอดสูญเสีย บทพิสูจน์ความเปราะบางในยุคโลกรวน

ไต้ฝุ่นรากาซา

เพียงไม่กี่วันหลังจากซูเปอร์ไต้ฝุ่น “รากาซา” (Ragasa) พายุที่รุนแรงที่สุดลูกหนึ่งในรอบทศวรรษ พัดผ่านทะเลจีนใต้ ทิ้งร่องรอยแห่งความเสียหายอย่างมหาศาลไว้เบื้องหลัง บัดนี้ เรื่องราวสองเรื่องราวที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกำลังก่อตัวขึ้นจากซากปรักหักพัง ณ ศูนย์กลางทางการเงินของเอเชียอย่างฮ่องกง เสียงค้อนและเครื่องจักรได้ดังขึ้นแทนที่เสียงลมพายุ รัฐบาลและภาคเอกชนกำลังเร่งฟื้นฟูเมืองอย่างเต็มกำลังเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กลับมาเดินหน้าโดยเร็วที่สุด ในทางกลับกัน ข้ามช่องแคบไปที่ไต้หวัน บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ขณะที่ทีมกู้ภัยยังคงค้นหาผู้สูญหายและทางการได้ปรับลดตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการลงเหลือ 14 ราย เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงบทบันทึกของภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่ยังเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนถึงความสามารถในการรับมือ ความเปราะบางทางสังคม และบททดสอบสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้พายุทวีความรุนแรงขึ้นอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

Schools shut, flights axed as Typhoon Ragasa nears Hong Kong, south China

ฮ่องกง บททดสอบความแข็งแกร่งของศูนย์กลางการเงินเอเชีย

ทันทีที่ ไต้ฝุ่นรากาซา เคลื่อนตัวออกจากฮ่องกงหลังจากบังคับให้ทั้งเมืองต้องหยุดนิ่งภายใต้ สัญญาณเตือนภัยไต้ฝุ่นระดับ 10 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด นานกว่า 18 ชั่วโมง ภารกิจ “ฟื้นฟูฮ่องกง” ก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับเครื่องจักรที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้า

ภาพความเสียหายเบื้องต้นปรากฏให้เห็นทั่วทุกหนแห่ง ต้นไม้หลายหมื่นต้นหักโค่นกีดขวางถนน, กำแพงกระจกของอาคารระฟ้าหลายแห่งแตกกระจาย, และพื้นที่ลุ่มต่ำริมชายฝั่งจมอยู่ใต้น้ำจากอิทธิพลของคลื่นพายุซัดฝั่ง (Storm Surge) ที่สูงเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม หัวใจของเมืองกลับมาเต้นอีกครั้งในเวลาอันสั้น

  • การคมนาคมกลับสู่ภาวะปกติ ระบบขนส่งมวลชนหลักอย่างรถไฟฟ้า MTR สามารถกลับมาให้บริการได้เกือบเต็มรูปแบบภายใน 24 ชั่วโมงหลังพายุสงบ แม้จะต้องจัดการกับเส้นทางบางส่วนที่ถูกน้ำท่วมหรือมีต้นไม้ล้มทับก็ตาม ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในโลก กลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินได้อีกครั้งในช่วงบ่ายของวันถัดมา
  • ตลาดการเงินฟื้นตัวรวดเร็ว ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX) ประกาศปิดทำการซื้อขายเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม ซึ่งเป็นไปตามมาตรการที่วางไว้ แต่สามารถกลับมาเปิดทำการได้ตามปกติในวันถัดไปโดยแทบไม่มีความวุ่นวาย นักวิเคราะห์ชี้ว่า แม้จะมีความสูญเสียทางเศรษฐกิจในระยะสั้นที่ประเมินค่าไว้หลายพันล้านดอลลาร์ฮ่องกงจากธุรกิจที่ต้องหยุดชะงักและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม แต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • ปฏิบัติการเก็บกวาดครั้งใหญ่ พนักงานของรัฐบาลหลายพันคน พร้อมด้วยอาสาสมัครภาคประชาชน ถูกระดมกำลังเพื่อเก็บกวาดเศษซากและตัดต้นไม้ที่ล้มกีดขวางเส้นทางจราจร ซึ่งเป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความร่วมมือของสังคมฮ่องกงได้เป็นอย่างดี

จอห์น ลี (John Lee) ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ได้กล่าวชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนและจิตวิญญาณความยืดหยุ่นของชาวฮ่องกงที่ช่วยให้เมืองสามารถผ่านพ้นวิกฤตและเริ่มต้นกระบวนการฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว

“ธุรกิจต้องเดินต่อ” เบื้องหลังการฟื้นตัวที่รวดเร็ว

ความสามารถในการฟื้นตัวอย่างน่าทึ่งของฮ่องกงไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากการวางแผนและเตรียมความพร้อมมานานหลายปี ทั้งกฎหมายควบคุมอาคารที่เข้มงวดซึ่งบังคับให้อาคารสูงสามารถทนทานต่อแรงลมระดับซูเปอร์ไต้ฝุ่นได้, ระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่มีประสิทธิภาพของ หอสังเกตการณ์ฮ่องกง (Hong Kong Observatory), และแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินที่ถูกซักซ้อมเป็นอย่างดี ทำให้ทั้งภาครัฐและประชาชนรู้ว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อภัยมาถึง

Super Typhoon Ragasa lashes Hong Kong, death toll climbs in Taiwan

ไต้หวัน โศกนาฏกรรมท่ามกลางสายฝนและดินโคลนถล่ม

ในขณะที่ฮ่องกงเผชิญกับความรุนแรงของ “ลม” เป็นหลัก ไต้หวันกลับต้องรับมือกับ “น้ำ” ในปริมาณมหาศาลที่มาพร้อมกับไต้ฝุ่นรากาซา แม้ศูนย์กลางของพายุจะไม่ได้พัดขึ้นฝั่งโดยตรง แต่แถบฝนขนาดมหึมาของมันได้เทปริมาณน้ำฝนสะสมมากกว่า 1,000 มิลลิเมตรลงบนเทือกเขาสูงตอนกลางของเกาะ ก่อให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มรุนแรงในหลายพื้นที่

ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินกลางไต้หวัน (Central Emergency Operation Center) ได้รายงานสถานการณ์ที่น่าสลดใจ โดยในช่วงแรกตัวเลขผู้สูญหายและเสียชีวิตมีความสับสน แต่ล่าสุดได้มีการยืนยันยอดผู้เสียชีวิตที่ 14 ราย และยังมีผู้สูญหายอีกจำนวนหนึ่งที่ทีมกู้ภัยกำลังเร่งค้นหาอย่างสุดความสามารถ

  • ความเสียหายในพื้นที่ชนบทและภูเขา หมู่บ้านหลายแห่งในเทศมณฑลฮวาเหลียนและหนานโถวถูกตัดขาดจากโลกภายนอก สะพานและถนนถูกกระแสน้ำพัดทำลายเสียหายทั้งหมด
  • ผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรม พื้นที่เกษตรกรรม โดยเฉพาะสวนผลไม้และนาข้าว ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ประเมินมูลค่าเบื้องต้นหลายร้อยล้านดอลลาร์ไต้หวันใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของเกษตรกร
  • ภารกิจค้นหาและกู้ภัย ทหารและเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยและช่วยเหลือผู้ที่ยังติดค้างอยู่ ท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยและเส้นทางที่ยากลำบาก

โศกนาฏกรรมครั้งนี้ตอกย้ำถึงความเปราะบางของชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทางธรรมชาติ ซึ่งมักจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดเสมอ

“รากาซา” อสูรร้ายที่สร้างจากภาวะโลกร้อน?

นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศต่างเห็นพ้องต้องกันว่า แม้ไต้ฝุ่นจะเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ แต่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ได้ทำให้พวกมันมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้นอย่างชัดเจน อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลที่สูงขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเปรียบเสมือน “เชื้อเพลิง” ชั้นดีที่ทำให้พายุสามารถทวีกำลังขึ้นอย่างรวดเร็ว (Rapid Intensification) จนกลายเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นได้ในเวลาอันสั้น

ไต้ฝุ่นรากาซาคือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของปรากฏการณ์นี้ มันไม่ได้แค่มีแรงลมมหาศาล แต่ยังอุ้มน้ำในปริมาณที่มากกว่าพายุในอดีต ซึ่งสอดคล้องกับแบบจำลองสภาพภูมิอากาศที่คาดการณ์ว่าภาวะโลกร้อนจะทำให้เกิดฝนตกสุดขั้ว (Extreme Rainfall) บ่อยครั้งขึ้น

Super Typhoon Ragasa: 14 killed in Taiwan and Hong Kong battered as storm  hits China | Hong Kong | The Guardian

บทเรียนและอนาคต เมื่อพายุลูกต่อไปจะรุนแรงกว่าเดิม

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฮ่องกงและไต้หวันมอบบทเรียนที่สำคัญและแตกต่างกัน

  • สำหรับฮ่องกง แม้โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพจะแข็งแกร่ง แต่เมืองยังคงต้องเตรียมรับมือกับภัยคุกคามจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและคลื่นพายุซัดฝั่งที่รุนแรงขึ้น ซึ่งอาจทะลุแนวป้องกันชายฝั่งที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว (Green Infrastructure) และการปกป้องระบบนิเวศชายฝั่งจึงเป็นสิ่งจำเป็น
  • สำหรับไต้หวัน ความท้าทายอยู่ที่การปรับปรุงระบบเตือนภัยดินโคลนถล่มให้แม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงการวางแผนการใช้ที่ดินในระยะยาวเพื่อย้ายชุมชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงไปยังที่ที่ปลอดภัยกว่า

บทสรุป ซูเปอร์ไต้ฝุ่นรากาซาได้พัดผ่านไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงความเสียหายทางกายภาพและบาดแผลทางจิตใจ เรื่องราวการฟื้นตัวของฮ่องกงได้แสดงให้เห็นถึงพลังของความพร้อมเพรียงและเทคโนโลยี ในขณะที่ความสูญเสียในไต้หวันคือเครื่องย้ำเตือนถึงชีวิตมนุษย์อันเปราะบาง ภัยพิบัติครั้งนี้เป็นเสียงเตือนที่ดังกึกก้องว่า ในขณะที่เรากำลังสร้างเมืองให้แข็งแกร่งขึ้น เราต้องไม่ลืมที่จะปกป้องชีวิตผู้คนที่เปราะบางที่สุด และที่สำคัญที่สุดคือการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาสาธารณภัยที่ต้นเหตุอย่าง “ภาวะโลกร้อน” ก่อนที่พายุลูกต่อไปจะมาถึงพร้อมกับความรุนแรงที่เราอาจรับมือไม่ไหว

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *