ประท้วงในลาดักห์ ท่ามกลางไอเย็นและความสงบบนที่ราบสูงทิเบตอันเป็นที่ตั้งของ “ลาดักห์” ดินแดนยุทธศาสตร์ของอินเดียที่ถูกขนานนามว่า “หลังคาโลก” บัดนี้กลับร้อนระอุไปด้วยไฟแห่งความขัดแย้ง รัฐบาลอินเดียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ได้ประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวและตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตในเมืองเลห์ เมืองเอกของภูมิภาค เพื่อสกัดกั้นการเดินขบวนครั้งใหญ่ของประชาชนที่เรียกร้องสถานะ “รัฐ” และการคุ้มครองสิทธิตามรัฐธรรมนูญ สถานการณ์ที่บานปลายนี้ไม่ได้เป็นเพียงความขัดแย้งภายในประเทศ แต่ได้กลายเป็นประเด็นที่ทั่วโลกจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมันคือจุดตัดที่เดิมพันด้วยอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันเปราะบางของชนเผ่า, ความเชื่อมั่นต่อคำสัญญาของรัฐบาล และที่สำคัญที่สุดคือเสถียรภาพความมั่นคงของชาติในพื้นที่พรมแดนที่เผชิญหน้ากับคู่ขัดแย้งอย่างจีนและปากีสถานโดยตรง
ประท้วงในลาดักห์ จากดินแดนแห่งความสงบสู่จุดเดือด อะไรคือชนวนเหตุประท้วงในลาดักห์?
ความไม่พอใจที่สั่งสมในหมู่ชาวลาดักห์มีรากฐานมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2019 เมื่อรัฐบาลชาตินิยมฮินดู (BJP) ของอินเดียตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ในการยกเลิกมาตรา 370 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเคยให้สถานะปกครองตนเองพิเศษแก่รัฐจัมมูและแคชเมียร์ (Jammu and Kashmir) พร้อมทั้งแยก “ลาดักห์” ออกมาเป็น “ดินแดนสหภาพ” (Union Territory) ที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางในกรุงนิวเดลี
ในตอนแรก ชาวลาดักห์จำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตเลห์ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ ต่างเฉลิมฉลองการตัดสินใจดังกล่าว เพราะนั่นหมายถึงการปลดแอกตนเองออกจากการบริหารของรัฐจัมมูและแคชเมียร์ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ซึ่งพวกเขารู้สึกว่าถูกครอบงำและละเลยมานานหลายทศวรรษ รัฐบาล BJP ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะมอบหลักประกันเพื่อปกป้อง “ดินแดน, วัฒนธรรม, และอัตลักษณ์” ที่เป็นเอกลักษณ์ของลาดักห์
อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา คำสัญญาดังกล่าวกลับเลือนลางและไม่เคยเกิดขึ้นจริง การบริหารที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางทำให้ชาวลาดักห์รู้สึกว่าพวกเขาสูญเสียอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตและทรัพยากรในบ้านของตนเอง ความกังวลทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเริ่มเห็นการหลั่งไหลของอิทธิพลจากภายนอก ทั้งในด้านการลงทุน, การท่องเที่ยว, และการแย่งชิงทรัพยากร ซึ่งอาจคุกคามระบบนิเวศที่เปราะบางและวิถีชีวิตดั้งเดิมของพวกเขา ความรู้สึก “ถูกหักหลัง” จึงกลายเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่นำไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของภูมิภาค
เสียงเรียกร้องจากหลังคาโลก เจาะลึก 4 ข้อเรียกร้องหลัก
แกนนำการประท้วง ซึ่งเป็นการรวมตัวกันขององค์กรภาคประชาสังคมในนาม Leh Apex Body (LAB) และ Kargil Democratic Alliance (KDA) ได้ยื่นข้อเรียกร้องหลัก 4 ประการต่อรัฐบาลกลาง ซึ่งสะท้อนความต้องการในการกำหนดอนาคตของตนเองอย่างชัดเจน
- การยกระดับสู่สถานะ “รัฐ” (Statehood) ข้อเรียกร้องที่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงสถานะจาก “ดินแดนสหภาพ” ไปเป็น “รัฐ” เต็มรูปแบบ ซึ่งจะทำให้ลาดักห์มีสภานิติบัญญัติ, มีรัฐบาลท้องถิ่น, และมีอำนาจในการออกกฎหมายของตนเอง เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรและกำหนดนโยบายที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่
- การคุ้มครองภายใต้ “ตารางที่หก” (Sixth Schedule) เรียกร้องให้นำลาดักห์เข้าสู่บทบัญญัติพิเศษในตารางที่หกของรัฐธรรมนูญอินเดีย ซึ่งออกแบบมาเพื่อคุ้มครองสิทธิของชนเผ่าพื้นเมือง โดยจะอนุญาตให้มีการจัดตั้งสภาเขตปกครองตนเอง (Autonomous District Councils) ที่มีอำนาจในการจัดการที่ดิน, ป่าไม้, และกิจการท้องถิ่น เพื่อปกป้องอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม
- คณะกรรมการบริการสาธารณะเฉพาะ (Dedicated Public Service Commission) จัดตั้งคณะกรรมการฯ สำหรับลาดักห์โดยเฉพาะ เพื่อให้โอกาสการจ้างงานในหน่วยงานราชการตกเป็นของคนในพื้นที่เป็นหลัก แก้ปัญหาการว่างงานและส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการพัฒนาบ้านเกิด
- ที่นั่งในรัฐสภา 2 ที่นั่ง (Two Parliamentary Seats) เรียกร้องให้มีผู้แทนราษฎร 2 ที่นั่งในรัฐสภาอินเดีย (Lok Sabha) โดยแบ่งเป็นหนึ่งที่นั่งสำหรับเขตเลห์ และอีกหนึ่งที่นั่งสำหรับเขตคาร์กิล เพื่อให้เสียงของทั้งสองเขตหลักที่มีลักษณะทางวัฒนธรรมและศาสนาแตกต่างกัน (เลห์ส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ, คาร์กิลส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมชีอะฮ์) ได้รับการรับฟังอย่างเท่าเทียมในระดับชาติ
‘Sixth Schedule’ เกราะคุ้มกันอัตลักษณ์และสิ่งแวดล้อม?
หัวใจสำคัญของข้อเรียกร้องเชิงวัฒนธรรมคือ “ตารางที่หก” ซึ่งปัจจุบันใช้บังคับใน 4 รัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียที่มีประชากรชนเผ่าหนาแน่น ได้แก่ อัสสัม, เมฆาลัย, ตริปุระ และมิโซรัม เหตุผลที่ชาวลาดักห์ต้องการเกราะคุ้มกันนี้อย่างยิ่งยวดเนื่องจากประชากรกว่า 97% ของภูมิภาคเป็นชนเผ่าพื้นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียน การเข้าสู่ตารางที่หกจะมอบอำนาจทางกฎหมายให้พวกเขาสามารถป้องกันการกว้านซื้อที่ดินจากนายทุนภายนอก, ควบคุมการพัฒนาโครงการอุตสาหกรรมที่อาจทำลายสิ่งแวดล้อมอันเปราะบางของเทือกเขาหิมาลัย และรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมที่ผูกพันกับธรรมชาติเอาไว้ได้
Sonam Wangchuk จากวิศวกรนักนวัตกรรมสู่ผู้นำการประท้วงอดอาหาร
สัญลักษณ์ของการต่อสู้ครั้งนี้คือ โซนัม วังชุก (Sonam Wangchuk) วิศวกร, นักการศึกษา และนักเคลื่อนไหวทางสังคมชื่อดังระดับโลก ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวละคร “Phunsukh Wangdu” ในภาพยนตร์บอลลีวูดเรื่อง “3 Idiots” วังชุกได้เริ่มการประท้วงอดอาหารในชื่อ “Climate Fast” ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2024 เพื่อกดดันรัฐบาลกลางให้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ การกระทำของเขาสามารถดึงดูดความสนใจจากสื่อทั่วโลกและปลุกกระแสให้ชาวลาดักห์หลายพันคนออกมารวมตัวสนับสนุนอย่างสันติ ท่ามกลางอุณหภูมิที่หนาวจัดต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง การอดอาหารของวังชุกไม่ได้เป็นเพียงการเรียกร้องทางการเมือง แต่ยังเป็นการส่งสารเตือนถึงวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่กำลังคุกคามธารน้ำแข็งในหิมาลัย ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของคนนับพันล้านคนในเอเชียใต้
เดิมพันที่สูงกว่าแค่สถานะรัฐ มุมมองเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่โลกจับตา
ความขัดแย้งในลาดักห์มีความสำคัญอย่างยิ่งในมิติของภูมิรัฐศาสตร์ เนื่องจากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของภูมิภาคนี้
- พรมแดนพิพาทกับจีน ลาดักห์มีพรมแดนติดกับจีนยาวหลายร้อยกิโลเมตร และเป็นพื้นที่เกิดเหตุปะทะรุนแรงระหว่างทหารอินเดียและจีนในหุบเขากัลวานเมื่อปี 2020 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่าย การมีความไม่สงบภายในพื้นที่อาจเปิดช่องโหว่ด้านความมั่นคงและบั่นทอนความพร้อมของกองทัพอินเดียในการรับมือกับภัยคุกคามจากจีน
- จุดยุทธศาสตร์ใกล้ปากีสถาน ลาดักห์ยังเป็นที่ตั้งของธารน้ำแข็งเซียเชน สมรภูมิที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งอินเดียและปากีสถานต่างอ้างกรรมสิทธิ์ เสถียรภาพในลาดักห์จึงจำเป็นอย่างยิ่งต่อการควบคุมสถานการณ์ในภาพรวมของแคชเมียร์
รัฐบาลอินเดียจึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก การยอมทำตามข้อเรียกร้องอาจถูกมองว่าเป็นการอ่อนข้อและอาจสร้างบรรทัดฐานให้ภูมิภาคอื่นๆ เรียกร้องตาม แต่การใช้ไม้แข็งปราบปรามอาจยิ่งสร้างความแปลกแยกให้กับประชาชนในพื้นที่ยุทธศาสตร์ และอาจถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อโดยฝ่ายตรงข้าม
ท่าทีของรัฐบาลอินเดียและการตอบสนองด้วย ‘เคอร์ฟิว’
หลังจากเจรจากับตัวแทนชาวลาดักห์หลายครั้งแต่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ รัฐบาลกลางอินเดียก็แสดงท่าทีที่แข็งกร้าวขึ้น โดยปฏิเสธข้อเรียกร้องหลักเรื่องสถานะรัฐและตารางที่หก โดยอ้างว่าสถานะดินแดนสหภาพนั้นเอื้อต่อการพัฒนาที่รวดเร็วอยู่แล้ว การตัดสินใจประกาศเคอร์ฟิวในวันที่ 6 เมษายน 2024 และตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต 4G จึงเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่ารัฐบาลจะไม่ยอมให้การประท้วงบานปลายจนควบคุมไม่ได้ มาตรการดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนักสิทธิมนุษยชนว่าเป็นการปิดกั้นสิทธิในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสันติ
ผลกระทบและอนาคตที่ไม่แน่นอนของลาดักห์
ประท้วงในลาดักห์ การประท้วงที่ยืดเยื้อและการประกาศเคอร์ฟิวได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น ซึ่งพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก ความไม่แน่นอนทางการเมืองทำให้นักท่องเที่ยวลังเลที่จะเดินทางมาเยือน ขณะที่การตัดอินเทอร์เน็ตก็สร้างความเสียหายให้ธุรกิจที่ต้องพึ่งพาการสื่อสารออนไลน์
อนาคตของลาดักห์ยังคงแขวนอยู่บนเส้นด้าย การเจรจาที่ล้มเหลวและการใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดของรัฐบาลได้ผลักให้สถานการณ์เข้าใกล้ทางตันมากขึ้น ฝ่ายผู้ประท้วงยืนยันว่าจะต่อสู้ต่อไปอย่างสันติ ในขณะที่รัฐบาลอินเดียก็ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการรักษาความมั่นคงในพื้นที่ยุทธศาสตร์กับการเคารพเจตจำนงของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก การตัดสินใจที่จะเกิดขึ้นต่อไป ไม่เพียงแต่จะกำหนดชะตากรรมของชาวลาดักห์เท่านั้น แต่ยังจะส่งแรงกระเพื่อมไปยังสมการอำนาจและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียใต้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แหล่งที่มาจาก : am2con