โศกนาฏกรรมกลางลากอส ไฟไหม้มาราธอนตึกสูงในไนจีเรีย ย่างสดสิบศพ สิ้นหวังโดดหน้าต่างหนีตายอลหม่าน

ไฟไหม้ตึกไนจีเรีย

ไฟไหม้ตึกไนจีเรีย เกิดเหตุเพลิงไหม้รุนแรงและน่าสลดใจขึ้นที่อาคารพาณิชย์สูงแห่งหนึ่งใจกลางย่านธุรกิจที่พลุกพล่านของเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้วอย่างน้อย 10 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ท่ามกลางความโกลาหล พยานในที่เกิดเหตุหลายรายบันทึกภาพอันน่าสะเทือนใจขณะที่ผู้คนซึ่งติดอยู่บนชั้นสูงของอาคาร ตัดสินใจกระโดดลงมาจากหน้าต่างเพื่อหนีตายจากเปลวเพลิงและกลุ่มควันหนาทึบ โศกนาฏกรรมครั้งนี้ไม่เพียงแต่เผยให้เห็นถึงความล้มเหลวในการตอบสนองเหตุฉุกเฉิน แต่ยังจุดประกายคำถามสำคัญถึงมาตรฐานความปลอดภัยของอาคารสูงที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดในมหานครที่ใหญ่ที่สุดของทวีปแอฟริกา

หน่วยดับเพลิงและกู้ภัยแห่งรัฐลากอส (Lagos State Fire and Rescue Service) ยืนยันว่าได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เมื่อเวลาประมาณ 09:15 น. ตามเวลาท้องถิ่น (15:15 น. ตามเวลาประเทศไทย) ที่อาคาร “Mandilas Building” ซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่และเป็นที่รู้จักกันดีบนเกาะลากอส (Lagos Island) โดยต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณชั้นล่างของอาคาร ก่อนจะลุกลามขึ้นไปสู่ชั้นบนอย่างรวดเร็วผ่านช่องลิฟต์และวัสดุที่ติดไฟง่าย ทำให้ผู้ที่ทำงานและอาศัยอยู่ในอาคารหลายสิบคนติดอยู่ภายในโดยไม่มีทางหนี

เปลวไฟที่โหมกระหน่ำและกลุ่มควันดำที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสามารถมองเห็นได้จากระยะไกลหลายกิโลเมตร สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและหน่วยงานฉุกเฉินต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญในการเข้าควบคุมสถานการณ์ ทั้งจากสภาพการจราจรที่ติดขัดอย่างหนักในย่านดังกล่าว และฝูงชนที่มุงดูเหตุการณ์อย่างเนืองแน่น

เหตุการณ์ไฟไหม้ตึกไนจีเรียครั้งนี้ กลายเป็นภาพสะท้อนอันเจ็บปวดของปัญหาเชิงโครงสร้างที่กัดกร่อนความปลอดภัยของประชาชนในเมืองใหญ่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และเป็นอีกครั้งที่โศกนาฏกรรมที่สามารถป้องกันได้กลับลงเอยด้วยการสูญเสียชีวิตอย่างน่าเศร้า

10 people confirmed dead after fire sweeps through high-rise building - K24  Digital

ไฟไหม้ตึกไนจีเรีย ลำดับเหตุการณ์โกลาหล นาทีต่อนาทีที่เปลวเพลิงกลืนชีวิต

โศกนาฏกรรมที่อาคาร Mandilas Building ได้เผยให้เห็นภาพความสับสนอลหม่านและความสิ้นหวังของผู้ที่ติดอยู่ภายใน จากคำบอกเล่าของพยานและรายงานข่าวท้องถิ่น สามารถสรุปไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ได้ดังนี้

  • ประมาณ 0915 น. มีผู้พบเห็นกลุ่มควันเริ่มพวยพุ่งออกมาจากชั้นล่างของอาคาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านค้าและโกดังเก็บสินค้า ต้นเพลิงคาดว่าอาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
  • 0930 น. เพลิงเริ่มลุกลามอย่างรวดเร็วขึ้นไปตามชั้นต่างๆ ของอาคารสูง 15 ชั้น เสียงกรีดร้องและเสียงร้องขอความช่วยเหลือเริ่มดังออกมาจากภายใน
  • 0945 น. รถดับเพลิงคันแรกเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ แต่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการเข้าถึงตัวอาคารเนื่องจากถนนที่คับแคบและเต็มไปด้วยรถยนต์ที่จอดอยู่อย่างผิดกฎหมาย
  • 1000 – 1030 น. สถานการณ์เลวร้ายถึงขีดสุด เปลวไฟได้ลามไปถึงชั้นบนสุดของอาคาร ผู้ที่ติดอยู่บนชั้นสูงเริ่มปรากฏตัวที่หน้าต่าง ท่ามกลางกลุ่มควันหนาทึบ พยานหลายคนบันทึกภาพวิดีโอขณะที่บางคนตัดสินใจกระโดดลงมาด้านล่าง ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าเสียชีวิตทั้งหมด
  • 1100 น. เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถระดมกำลังและรถกระเช้าเข้ามาในพื้นที่ได้มากขึ้น และเริ่มปฏิบัติการฉีดน้ำควบคุมเพลิงจากภายนอก พร้อมทั้งส่งทีมกู้ภัยเข้าไปในอาคาร
  • ช่วงบ่าย เพลิงเริ่มสงบลง แต่โครงสร้างอาคารได้รับความเสียหายอย่างหนัก เจ้าหน้าที่เริ่มปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตและนำร่างผู้เสียชีวิตออกมา

Ibrahim Farinloye เจ้าหน้าที่ประสานงานของสำนักงานจัดการเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ (NEMA) กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “มันเป็นภาพที่น่าสลดใจอย่างยิ่ง ทีมของเรากำลังทำงานอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาผู้ที่อาจยังติดอยู่ภายใน แต่ความร้อนสูงและโครงสร้างที่ไม่มั่นคงเป็นอุปสรรคสำคัญ”

“ไม่มีทางเลือกอื่น” – ทำไมพวกเขาถึงต้องกระโดด?

ภาพของผู้คนที่กระโดดจากอาคารที่กำลังลุกไหม้กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงและสร้างความสะเทือนใจไปทั่วโลก การตัดสินใจที่น่าเศร้านี้ไม่ได้เกิดจากความตื่นตระหนกเพียงอย่างเดียว แต่สะท้อนถึงความล้มเหลวของระบบความปลอดภัยในอาคารอย่างสิ้นเชิง

ปัจจัยที่นำไปสู่การตัดสินใจอันน่าสลด

  1. ทางหนีไฟที่ใช้การไม่ได้ อาคารเก่าหลายแห่งในลากอสมักมีทางหนีไฟที่ถูกปิดตาย, ใช้เป็นที่เก็บของ, หรือไม่มีการบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน เมื่อทางออกหลักถูกไฟและควันปิดกั้น พวกเขาจึงไม่มีเส้นทางอพยพที่ปลอดภัย
  2. ไม่มีสัญญาณเตือนภัยและระบบสปริงเกอร์ อาคารดังกล่าวไม่มีการติดตั้งระบบเตือนภัยควัน (Smoke Detector) หรือระบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงอัตโนมัติ (Sprinkler System) ที่ได้มาตรฐาน ทำให้ผู้คนบนชั้นสูงไม่ทราบว่าเกิดเพลิงไหม้จนกระทั่งสายเกินไป
  3. ควันพิษที่อันตรายถึงชีวิต ในเหตุเพลิงไหม้ สาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่มักมาจากการสำลักควันพิษ ไม่ใช่การถูกไฟคลอกโดยตรง เมื่อควันพิษที่ร้อนจัดและหนาทึบเข้ามาเต็มพื้นที่ทางเดินและบันได ทำให้การหายใจเป็นไปไม่ได้และบดบังทัศนวิสัยจนหมดสิ้น
  4. ความล่าช้าในการเข้าช่วยเหลือ การรอคอยความช่วยเหลือที่ไม่มาถึง ทำให้ผู้ที่ติดอยู่ต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่เจ็บปวดระหว่างการยอมเสียชีวิตจากเปลวเพลิงและความร้อน หรือเสี่ยงชีวิตกระโดดลงไปเบื้องล่าง

โศกนาฏกรรมเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในหลายประเทศทั่วโลก และทุกครั้งมันชี้ไปที่ปัญหาเดียวกัน นั่นคือการละเลยมาตรฐานความปลอดภัยขั้นพื้นฐานของอาคาร

At least 10 dead in Lagos high-rise office building fire

ระบบที่กำลังล่มสลาย? เสียงวิจารณ์ต่อการตอบสนองเหตุฉุกเฉิน

แม้จะยกย่องความกล้าหาญของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ปฏิบัติงานอย่างสุดความสามารถ แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนและผู้เชี่ยวชาญได้มุ่งเป้าไปที่ “ความพร้อม” และ “ขีดความสามารถ” ของหน่วยงานตอบสนองเหตุฉุกเฉินของเมืองลากอส

ประเด็นที่ถูกตั้งคำถาม

  • อุปกรณ์ไม่เพียงพอ มีรายงานว่ารถกระเชาดับเพลิง (Ladder Truck) ที่สามารถฉีดน้ำได้ถึงชั้นสูงมีจำนวนจำกัดและบางครั้งอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมใช้งาน ทำให้การดับเพลิงอาคารสูงเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
  • ปัญหาการขาดแคลนน้ำ หัวจ่ายน้ำดับเพลิง (Fire Hydrant) ในพื้นที่หลายแห่งใช้การไม่ได้หรือมีแรงดันน้ำไม่เพียงพอ ทำให้รถดับเพลิงต้องเสียเวลาวิ่งไปเติมน้ำจากแหล่งอื่น
  • การขาดการประสานงาน การจัดการฝูงชนและการเคลียร์เส้นทางสำหรับรถฉุกเฉินยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้การเข้าถึงที่เกิดเหตุล่าช้าลงอย่างมาก
  • การฝึกซ้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน มีข้อสงสัยว่าทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ในอาคารต่างๆ ขาดการฝึกซ้อมการอพยพหนีไฟอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง

นักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยในเมืองชี้ว่า โศกนาฏกรรมครั้งนี้เป็น “สัญญาณเตือนครั้งสุดท้าย” สำหรับรัฐบาลท้องถิ่นในการทบทวนและลงทุนอย่างจริงจังกับระบบป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ก่อนที่เมืองจะต้องเผชิญกับหายนะที่รุนแรงกว่านี้

รากเหง้าของปัญหา มาตรฐานความปลอดภัยอาคารในมหานครที่เติบโตไม่หยุด

เมืองลากอสมีประชากรมากกว่า 20 ล้านคน และมีการก่อสร้างอาคารสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่การเติบโตนี้กลับสวนทางกับ “การบังคับใช้กฎหมาย” และ “การตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย”

ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซ่อนอยู่

  • การบังคับใช้กฎหมายที่หละหลวม แม้ไนจีเรียจะมีกฎหมายควบคุมอาคาร (Building Codes) แต่การบังคับใช้ยังขาดประสิทธิภาพ การทุจริตคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ที่รับสินบนเพื่ออนุมัติการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย
  • การใช้วัสดุก่อสร้างที่ติดไฟง่าย เพื่อลดต้นทุน ผู้รับเหมาบางรายเลือกใช้วัสดุตกแต่งภายนอกและภายในที่ไม่ได้มาตรฐานและสามารถติดไฟได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ดังที่เคยเกิดกับเหตุเพลิงไหม้ Grenfell Tower ในกรุงลอนดอน
  • การดัดแปลงอาคารอย่างผิดกฎหมาย อาคารเก่าจำนวนมากถูกดัดแปลงต่อเติมอย่างผิดกฎหมายเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย ซึ่งมักจะกระทบต่อโครงสร้างความปลอดภัยและเส้นทางหนีไฟ
  • วัฒนธรรมการละเลยความปลอดภัย การขาดความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยจากทั้งเจ้าของอาคารและผู้ใช้อาคาร ทำให้ไม่มีการติดตั้งหรือบำรุงรักษาอุปกรณ์ดับเพลิงขั้นพื้นฐาน เช่น ถังดับเพลิง หรือสัญญาณเตือนควัน

Bank staff, customers jump to escape Lagos inferno

บทสรุป คราบน้ำตาและบทเรียนที่ต้องแลกมาด้วยชีวิต

ขณะนี้ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยที่อาคาร Mandilas Building ยังคงดำเนินต่อไป และคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้นอีก รัฐบาลท้องถิ่นได้ประกาศเริ่มการสืบสวนเพื่อหาสาเหตุของเพลิงไหม้และให้คำมั่นว่าจะนำตัวผู้ที่รับผิดชอบมาลงโทษ แต่สำหรับครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิต คำสัญญาเหล่านี้อาจมาถึงช้าเกินไป

ไฟไหม้ตึกไนจีเรีย ครั้งนี้เป็นมากกว่าอุบัติเหตุ มันคือโศกนาฏกรรมที่เกิดจากความล้มเหลวเชิงระบบที่สั่งสมมานาน เป็นผลลัพธ์ที่น่าเศร้าของการเติบโตของเมืองที่ขาดการวางแผน, การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ และการให้ความสำคัญกับผลกำไรมากกว่าชีวิตมนุษย์

บทเรียนจากเปลวเพลิงกลางกรุงลากอสจะต้องไม่สูญเปล่า นี่คือโอกาสที่สังคมไนจีเรียและเมืองใหญ่ในประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกจะต้องหันมาทบทวนอย่างจริงจังถึงความสมดุลระหว่างการพัฒนาและความปลอดภัย เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครต้องตัดสินใจจบชีวิตด้วยการกระโดดจากหน้าต่างเพื่อหนีจากกองเพลิงอีกต่อไป

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *