ยูเครนประณามรัสเซียยิงขีปนาวุธ-โดรนเกือบ 600 ลูก โจมตีระลอกใหญ่ที่สุด หวังทำลายระบบพลังงานก่อนฤดูหนาว

รัสเซียโจมตียูเครนครั้งใหญ่

รัสเซียโจมตียูเครนครั้งใหญ่ ยูเครนเผชิญกับการโจมตีทางอากาศที่รุนแรงและประสานงานกันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มสงครามเต็มรูปแบบ หลังจากรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธและโดรนพลีชีพรวมกันเกือบ 600 ลูก เข้าถล่มเมืองต่างๆ ทั่วประเทศตลอดคืนที่ผ่านมาจนถึงรุ่งเช้า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บแล้วหลายสิบราย พร้อมสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สำคัญ การโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่แค่การยกระดับการสู้รบ แต่ถูกมองว่าเป็น “การประกาศเจตนา” ที่โหดร้ายของรัสเซียในการเริ่มต้นแคมเปญบ่อนทำลายยูเครนก่อนฤดูหนาวจะมาถึง บทความนี้จะวิเคราะห์ว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ยุทธศาสตร์สงครามบั่นทอน (War of Attrition) อย่างไร พร้อมเจาะลึกถึง วิกฤตด้านมนุษยธรรม ที่กำลังจะเกิดขึ้น และการแข่งขันทางเทคโนโลยีที่เข้มข้นระหว่างอาวุธโจมตีของรัสเซียกับระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนที่ได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก

Russia hits Ukraine with the largest drone-and-missile attack of the war so  far

รัสเซียโจมตียูเครนครั้งใหญ่ ‘พรมแดนแห่งไฟ’ ลำดับเหตุการณ์โจมตีระลอกแล้วระลอกเล่า

กองทัพอากาศยูเครนรายงานว่า การโจมตีเริ่มต้นขึ้นในช่วงหลังเที่ยงคืน โดยเป็นการโจมตีแบบผสมผสานและซับซ้อนที่ถูกออกแบบมาเพื่อหลบเลี่ยงและทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนให้ได้มากที่สุด

  • ระลอกแรก โดรนพลีชีพ Shahed ฝูงโดรนพลีชีพ “ชาเฮด” (Shahed) ที่ผลิตโดยอิหร่านหลายร้อยลำ ถูกส่งมาจากหลายทิศทาง ทั้งจากไครเมียและเบลารุส เพื่อทำหน้าที่สองอย่าง คือ โจมตีเป้าหมายรอง และที่สำคัญกว่านั้นคือ “ล่อเป้า” บีบให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนต้องเปิดเผยตำแหน่งและใช้กระสุนต่อสู้อากาศยานราคาถูกเข้าสกัดกั้น
  • ระลอกสอง ขีปนาวุธร่อน (Cruise Missiles) หลังจากนั้นไม่นาน ขีปนาวุธร่อนหลายชนิด เช่น คาลิเบอร์ (Kalibr) ที่ยิงจากเรือรบในทะเลดำ และ Kh-101/Kh-555 ที่ยิงจากเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ในน่านฟ้ารัสเซีย ก็ได้มุ่งหน้าเข้าสู่ยูเครน โดยบินในระดับต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับของเรดาร์
  • ระลอกสาม ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงและขีปนาวุธทิ้งตัว (Hypersonic & Ballistic Missiles) ในช่วงท้ายของการโจมตี รัสเซียได้ใช้อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงสุดและสกัดกั้นได้ยากที่สุด คือ ขีปนาวุธทิ้งตัว อิสกันเดอร์ (Iskander) และขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง คินซัล (Kinzhal) เพื่อโจมตีเป้าหมายที่มีความสำคัญสูงสุดและได้รับการป้องกันอย่างหนาแน่นที่สุด

เมืองที่ตกเป็นเป้าหมายหลักได้แก่ กรุงเคียฟ, คาร์คีฟ, ลวีฟ, โอเดสซา, และดนีโปร โดยมีรายงานการระเบิดและไฟไหม้ขนาดใหญ่เกิดขึ้นที่โรงไฟฟ้าและสถานีส่งจ่ายไฟฟ้าแรงสูงหลายแห่ง

เป้าหมายคือความมืดและความหนาว ‘ยุทธศาสตร์ทำลายล้าง’ ก่อนฤดูหนาว

การเลือกโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานอย่างหนักหน่วงในช่วงปลายเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูใบไม้ร่วง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นยุทธศาสตร์ที่รัสเซียเคยใช้มาแล้วในช่วงฤดูหนาวปี 2565-2566 และกำลังนำกลับมาใช้อีกครั้งด้วยความรุนแรงที่มากกว่าเดิม

โครงข่ายพลังงานที่เปราะบาง

แม้ว่ายูเครนจะพยายามซ่อมแซมและเสริมความแข็งแกร่งของระบบพลังงานมาตลอดทั้งปี แต่โครงข่ายดังกล่าวยังคงมีความเปราะบางอย่างยิ่ง สถานีส่งจ่ายไฟฟ้าแรงสูง (substations) ยังคงเป็นจุดอ่อนที่สำคัญ เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่นานหลายเดือน

‘Massive’ Russian attack on Ukraine’s Kyiv kills at least 21, wounds dozens

ผลกระทบด้านมนุษยธรรม ‘การก่อการร้ายพลังงาน’

การกระทำของรัสเซียถูกประณามจากรัฐบาลยูเครนและองค์กรสิทธิมนุษยชนว่าเป็น “การก่อการร้ายด้านพลังงาน” (Energy Terrorism) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างวิกฤตด้านมนุษยธรรม

  • ผลกระทบต่อพลเรือน การไม่มีไฟฟ้าหมายถึงการไม่มีเครื่องทำความร้อน, ไม่มีน้ำประปา, และการสื่อสารที่ถูกตัดขาด ซึ่งจะเป็นอันตรายถึงชีวิตเมื่ออุณหภูมิลดต่ำกว่าจุดเยือกแข็งในฤดูหนาว
  • ผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข โรงพยาบาลจะต้องพึ่งพาเครื่องปั่นไฟซึ่งมีเชื้อเพลิงจำกัด ทำให้การผ่าตัดและการดูแลผู้ป่วยวิกฤตเป็นไปได้อย่างยากลำบาก
  • เป้าหมายเพื่อบั่นทอนขวัญกำลังใจ รัสเซียหวังว่าการทำให้พลเรือนต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส จะสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลยูเครนยอมจำนนหรือเจรจาในเงื่อนไขที่รัสเซียต้องการ

สงครามบนฟากฟ้า การต่อสู้ระหว่างมิสไซล์รัสเซียและ ‘โล่ป้องกัน’ ของยูเครน

ทุกครั้งที่มีการโจมตีทางอากาศขนาดใหญ่ จะเกิด “สงครามบนฟากฟ้า” ที่มองไม่เห็น ซึ่งเป็นการต่อสู้ระหว่างเทคโนโลยีการโจมตีของรัสเซียและเทคโนโลยีการป้องกันของฝ่ายตะวันตก

  • ประสิทธิภาพของระบบป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพอากาศยูเครนรายงานว่าสามารถสกัดกั้นโดรนและขีปนาวุธร่อนได้เป็นจำนวนมาก โดยอาศัยระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ได้รับจากชาติตะวันตก เช่น Patriot (สหรัฐฯ), IRIS-T (เยอรมนี), และ NASAMS (สหรัฐฯ-นอร์เวย์)
  • ขีดจำกัดที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม ยูเครนยังคงมีระบบเหล่านี้ในจำนวนที่จำกัดและไม่สามารถครอบคลุมได้ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ นอกจากนี้ ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงอย่างคินซัลยังคงเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดและมีเพียงระบบ Patriot เท่านั้นที่มีโอกาสสกัดกั้นได้
  • สงครามบั่นทอนทรัพยากร รัสเซียกำลังเล่นเกมบั่นทอนทรัพยากร โดยหวังว่าการโจมตีอย่างต่อเนื่องจะทำให้ยูเครนใช้ “กระสุนต่อสู้อากาศยาน” (interceptor missiles) ซึ่งมีราคาแพงและมีจำนวนจำกัดจนหมดสิ้นไป

เสียงจากเคียฟและปฏิกิริยาจากทั่วโลก

หลังสิ้นสุดการโจมตี ผู้นำยูเครนและนานาชาติต่างออกมาประณามการกระทำของรัสเซียอย่างรุนแรง

คำปราศรัยของประธานาธิบดีเซเลนสกี

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ได้เผยแพร่วิดีโอจากถนนในกรุงเคียฟ โดยมีฉากหลังเป็นอาคารที่ถูกทำลาย เขากล่าวด้วยน้ำเสียงกร้าวว่า “โลกได้เห็นอีกครั้งว่าเรากำลังต่อสู้กับรัฐผู้ก่อการร้ายที่แท้จริง พวกเขาคิดว่าขีปนาวุธหลายร้อยลูกจะทำให้เรายอมแพ้ แต่พวกเขาคิดผิด สิ่งเดียวที่พวกเขาทำสำเร็จคือการทำให้เราแน่วแน่ยิ่งขึ้น แต่เราไม่สามารถสู้ด้วยมือเปล่าได้ เราต้องการระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มอีก เราต้องการกระสุนเพิ่มอีก และเราต้องการความสามัคคีจากโลกเสรีเดี๋ยวนี้”

Russia pummels Kyiv with drones and missiles : NPR

การประณามจากพันธมิตรตะวันตก

สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป, และสหราชอาณาจักร ได้ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยให้คำมั่นว่าจะเร่งส่งมอบความช่วยเหลือด้านการป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติมให้แก่ยูเครน และจะพิจารณามาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่

บทสรุป (Conclusion) รัสเซียโจมตียูเครนครั้งใหญ่ การโจมตีทางอากาศด้วยขีปนาวุธและโดรนเกือบ 600 ลูกในครั้งนี้ เป็นการเปิดฉากแคมเปญฤดูหนาวของรัสเซียอย่างเป็นทางการ และเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าสงครามกำลังเข้าสู่ช่วงของการบั่นทอนที่โหดร้ายและยาวนาน ในขณะที่ทีมกู้ภัยของยูเครนกำลังเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตใต้ซากปรักหักพังและวิศวกรกำลังพยายามกู้คืนระบบไฟฟ้าให้ได้มากที่สุด การต่อสู้ที่แท้จริงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอาจไม่ได้อยู่แค่ในสนามรบ แต่อยู่บนฟากฟ้าและในความสามารถของสังคมยูเครนที่จะยืนหยัดต่อสู้กับความมืดและความหนาวเย็นที่กำลังจะมาเยือน ซึ่งความอยู่รอดของพวกเขาขึ้นอยู่กับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและทันท่วงทีจากพันธมิตรชาติตะวันตกอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *