เมอร์ด็อกซื้อ TikTok โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้จุดกระแสความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวงการเทคโนโลยี, การเงิน, และการเมืองโลกอีกครั้ง ด้วยการเปิดเผยผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขาว่า ตระกูลเมอร์ด็อก (Murdoch) เจ้าของอาณาจักรสื่อ News Corporation และ Fox Corporation กำลังพิจารณาอย่างจริงจังที่จะเข้าร่วมวงซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐอเมริกา คำกล่าวอ้างนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังบีบให้ ByteDance บริษัทแม่สัญชาติจีน ต้องขายกิจการภายในเดือนมกราคม 2568 ไม่เช่นนั้นจะถูกแบนทั่วประเทศ ข่าวนี้ไม่ใช่เป็นเพียงข้อตกลงทางธุรกิจมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ แต่ได้จุดประกายความเป็นไปได้ที่จะเกิด “การเปลี่ยนขั้วอำนาจทางวัฒนธรรมและการเมือง” ครั้งสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อสมรภูมิภูมิรัฐศาสตร์และสงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงภูมิทัศน์สื่อที่คนรุ่นใหม่ทั่วโลกเสพในชีวิตประจำวัน
เมอร์ด็อกซื้อ TikTok ‘ระเบิดลูกใหม่’ จากทรัมป์ เบื้องหลังคำกล่าวอ้างและปฏิกิริยาเริ่มต้น
ในช่วงเช้าตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความสั้นๆ แต่ทรงพลังบน Truth Social ว่า “มีข่าวลือที่น่าสนใจมากว่า รูเพิร์ตและแลคลัน เมอร์ด็อก เพื่อนของผม กำลังมองหาพันธมิตรเพื่อเข้าซื้อ TikTok นี่อาจเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากในการนำแพลตฟอร์มนี้กลับมาเป็นของอเมริกันอย่างแท้จริง!”
โพสต์ดังกล่าวได้สร้างแรงกระเพื่อมในทันที โดยสื่อการเงินชั้นนำอย่าง Bloomberg และ The Wall Street Journal (ซึ่งเป็นสื่อในเครือของเมอร์ด็อกเอง) ได้รายงานข่าวด่วนนี้และกำลังพยายามติดต่อเพื่อขอคำยืนยันจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
- ปฏิกิริยาจากฝ่ายต่างๆ
- News Corp และ Fox Corp โฆษกของทั้งสองบริษัทได้ออกมาตอบสนองตามมาตรฐานว่า “เราไม่มีความเห็นต่อข่าวลือหรือการคาดการณ์ในตลาด”
- ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ยังคงสงวนท่าทีและไม่มีการแถลงการณ์ใดๆ ออกมา
- ทำเนียบขาว แหล่งข่าวระบุว่าทำเนียบขาวกำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการต่อผู้ที่อาจเข้ามาเป็นผู้ซื้อรายใหม่
คำกล่าวอ้างของทรัมป์ครั้งนี้มีความซับซ้อน เนื่องจากตัวเขาเองมีท่าทีที่กลับไปกลับมาต่อชะตากรรมของ TikTok โดยในสมัยที่เขาเป็นประธานาธิบดี เขาคือผู้ที่เริ่มต้นกระบวนการแบน แต่ต่อมากลับแสดงท่าทีคัดค้านการแบน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของเขากับ เจฟฟ์ ยาสส์ (Jeff Yass) มหาเศรษฐีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน ByteDance
ภูมิทัศน์ทางธุรกิจ ‘เมอร์ด็อกซื้อ TikTok’ ดีลที่เป็นไปได้จริงหรือ?
แม้จะยังเป็นเพียงข่าวลือ แต่แนวคิดที่ตระกูลเมอร์ด็อกจะเข้าซื้อ TikTok นั้นจุดประเด็นการวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้และความท้าทายในหลายมิติ
การประเมินมูลค่าและความท้าทายทางการเงิน
TikTok U.S. Operations ถูกประเมินมูลค่าไว้ในช่วงที่กว้างมาก ตั้งแต่ 5 หมื่นล้าน ถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นจำนวนเงินมหาศาลที่แม้แต่อาณาจักรสื่อของเมอร์ด็อกก็ไม่สามารถจ่ายได้โดยลำพัง นักวิเคราะห์ทางการเงินมองว่ารูปแบบที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ
- การจัดตั้งกลุ่มทุน (Consortium) ตระกูลเมอร์ด็อกจะทำหน้าที่เป็นแกนนำในการรวบรวมกลุ่มทุน ซึ่งอาจประกอบด้วยบริษัทไพรเวทอิควิตี้ (Private Equity) และนักลงทุนสถาบันอื่นๆ เพื่อระดมทุนสำหรับข้อตกลงนี้
- พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ อาจมีการร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Oracle หรือ Microsoft ซึ่งเคยแสดงความสนใจในดีลลักษณะนี้มาก่อน
อุปสรรคด้านกฎระเบียบและการต่อต้านการผูกขาด
การที่เจ้าของสื่อรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศ เข้าครอบครองแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ทรงอิทธิพลที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ จะต้องเผชิญกับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากคณะกรรมการป้องกันการผูกขาดทางการค้า (FTC) และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) อย่างแน่นอน ซึ่งจะมีการตั้งคำถามถึงการกระจุกตัวของอำนาจสื่อที่มากเกินไป
สมรภูมิภูมิรัฐศาสตร์ อาวุธชิ้นใหม่ในสงครามเทคโนโลยีสหรัฐฯ-จีน
หัวใจของวิกฤต TikTok คือประเด็นด้านความมั่นคงแห่งชาติและสงครามเทคโนโลยีระหว่างสองมหาอำนาจ การเข้ามาของตระกูลเมอร์ด็อกจะเปลี่ยนพลวัตของเกมนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
‘TikTok ที่เป็นอเมริกัน’ ความฝันของฝ่ายความมั่นคง
สำหรับกลุ่ม “เหยี่ยว” ในแวดวงความมั่นคงของสหรัฐฯ การให้บริษัทอเมริกันที่ได้รับการยอมรับ (แม้จะมีประเด็นทางการเมือง) เข้ามาเป็นเจ้าของ คือทางออกในอุดมคติ เพราะจะช่วยแก้ปัญหาหลัก 2 ประการทันที
- ความปลอดภัยของข้อมูล ข้อมูลของผู้ใช้งานชาวอเมริกันกว่า 170 ล้านคน จะถูกย้ายออกจากเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อมโยงกับ ByteDance และอยู่ภายใต้กฎหมายของสหรัฐฯ
- การบิดเบือนข้อมูล ความกังวลที่ว่ารัฐบาลจีนอาจสั่งให้ TikTok บิดเบือนเนื้อหาหรืออัลกอริทึมเพื่อผลประโยชน์ของตนจะหมดไป
ปฏิกิริยาจากปักกิ่ง ‘อัลกอริทึม’ คือหัวใจที่จีนไม่ยอมขาย
อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดยังคงมาจากฝั่งจีน รัฐบาลจีนได้แสดงจุดยืนชัดเจนมาตลอดว่าพวกเขาจะไม่ยอมอนุมัติการขาย “อัลกอริทึมแนะนำเนื้อหา” (Recommendation Algorithm) ซึ่งถือเป็นหัวใจและเทคโนโลยีล้ำค่าที่สุดของ TikTok หากไม่มีอัลกอริทึมนี้ ผู้ซื้อจะได้ไปเพียงแค่แบรนด์และฐานผู้ใช้งาน ซึ่งจะมีมูลค่าลดลงอย่างมหาศาล นี่จึงเป็นจุดชี้ขาดว่าดีลนี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่
การปะทะทางวัฒนธรรม จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ Fox News พบกับ Gen Z?
นอกเหนือจากประเด็นทางธุรกิจและการเมือง ผลกระทบที่น่าจับตามองที่สุดอาจอยู่ในมิติทางสังคมและวัฒนธรรม
การควบคุมอัลกอริทึม = การควบคุมบทสนทนา
TikTok ไม่ใช่แค่แอปพลิเคชันเต้น แต่เป็นแหล่งข่าวสารและเป็นพื้นที่สร้างบทสนทนาทางสังคมที่สำคัญที่สุดสำหรับคน Gen Z การที่เจ้าของ Fox News ซึ่งเป็นสื่อที่มีจุดยืนทางการเมืองแบบอนุรักษ์นิยมอย่างชัดเจน เข้ามาควบคุม “For You Page” ที่ทรงพลังนี้ อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเนื้อหาที่ผู้ใช้มองเห็น นักวิจารณ์แสดงความกังวลว่าอัลกอริทึมอาจถูกปรับเปลี่ยนเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อวาระทางการเมืองบางอย่าง ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อการรับรู้ข้อมูลของคนรุ่นใหม่
ความเสี่ยงที่จะเกิด ‘Exodus’ ผู้ใช้และครีเอเตอร์จะยอมรับหรือไม่?
ฐานผู้ใช้งานหลักและครีเอเตอร์บน TikTok ส่วนใหญ่มีแนวคิดที่ค่อนข้างเสรีนิยม การเปลี่ยนแปลงเจ้าของไปสู่ขั้วตรงข้ามอาจก่อให้เกิดกระแสตีกลับอย่างรุนแรง อาจเกิดการอพยพครั้งใหญ่ของผู้ใช้งาน (Exodus) ไปยังแพลตฟอร์มคู่แข่ง เช่น Instagram Reels หรือ YouTube Shorts ซึ่งจะทำให้มูลค่าของ TikTok ที่ซื้อมาลดน้อยลงไปในทันที
บทสรุป (Conclusion) คำกล่าวอ้างของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โยนหินก้อนใหญ่ลงไปในน้ำ ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องออกมาเคลื่อนไหว ไม่ว่านี่จะเป็นเพียงการปล่อยข่าวเพื่อหยั่งเชิง หรือเป็นภาพสะท้อนของการเจรจาที่เกิดขึ้นจริงเบื้องหลังก็ตาม มันได้บังคับให้โลกต้องขบคิดถึงฉากทัศน์ที่ครั้งหนึ่งเคยดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ การหลอมรวมระหว่างอาณาจักรสื่อเก่าแก่กับมหาอำนาจแห่งโลกโซเชียลยุคใหม่ ชะตากรรมของ TikTok ในสหรัฐฯ ยังคงแขวนอยู่บนเส้นด้าย โดยมีเส้นตายในเดือนมกราคม 2568 เป็นตัวกำหนด แต่การปรากฏตัวของ “ตระกูลเมอร์ด็อก” ในสมการนี้ ได้รับประกันแล้วว่าการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอนาคตของ TikTok จะเป็นมหากาพย์ที่ซับซ้อนและน่าตื่นเต้นที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์สื่อสมัยใหม่
แหล่งที่มาจาก : am2con
