ราคาสินค้าเกษตรโลก เมื่อ ‘วิกฤตนม’ นิวซีแลนด์ คือสัญญาณเตือนภัยเศรษฐกิจถึงทุกคน

ราคาสินค้าเกษตรโลก

เมื่อสำนักงานสถิตินิวซีแลนด์ (Stats NZ) เปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาอาหารล่าสุดที่พุ่งสูงขึ้นถึง 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีราคา ผลิตภัณฑ์นมนิวซีแลนด์ เป็นตัวการสำคัญที่ทะยานขึ้นกว่า 11% สำหรับชาวนิวซีแลนด์ นี่คือข่าวร้ายที่ตอกย้ำถึงวิกฤตค่าครองชีพที่หนักหน่วง แต่สำหรับประชาคมโลก นี่คือสัญญาณเตือนภัยที่ดังมาจากหนึ่งในอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญที่สุดของโลก เพราะปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นใน เศรษฐกิจนิวซีแลนด์ ไม่ใช่ปัญหาท้องถิ่น แต่เป็นภาพจำลองขนาดเล็กที่สะท้อนถึงวิกฤต เงินเฟ้อราคาอาหาร ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันคือเรื่องราวที่เชื่อมโยงกันระหว่างทุ่งหญ้าที่แห้งแล้งจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, ต้นทุนการผลิต ที่พุ่งสูง, กลไก ราคาสินค้าเกษตรโลก ที่ผันผวน และการตัดสินใจที่ยากลำบากของธนาคารกลาง

บทความนี้จะวิเคราะห์เจาะลึกถึงสาเหตุที่ทำให้ราคานมในดินแดนแห่งฟาร์มโคนมต้องพุ่งสูง และสำรวจว่าวิกฤตครั้งนี้เป็นบทเรียนและลางบอกเหตุสำคัญสำหรับความมั่นคงทางอาหารและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของโลกได้อย่างไร

Milk, butter, beef helps drive food price increase

เจาะลึกตัวเลข ทำไมราคาอาหารในนิวซีแลนด์ถึงพุ่งไม่หยุด?

ทำไมราคาอาหารในนิวซีแลนด์ถึงสูงขึ้น? ข้อมูลจาก Stats NZ ประจำเดือนสิงหาคม 2025 ชี้ให้เห็นภาพที่ชัดเจน

  • ราคาอาหารโดยรวม เพิ่มขึ้น 5.0% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2024
  • กลุ่มของชำ (Grocery Food) เพิ่มขึ้น 6.2% โดยมีสินค้าหลักอย่างชีส, ไข่ และโยเกิร์ต เป็นตัวขับเคลื่อน
  • กลุ่มผลิตภัณฑ์นม (Dairy) เป็นพระเอกของเงินเฟ้อในครั้งนี้ โดยชีส, นมสด และเนย มีราคาพุ่งขึ้นเฉลี่ยถึง 11.3%

ตัวเลขเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างแรงกดดันต่อค่าครองชีพของชาวนิวซีแลนด์โดยตรง แต่ยังเป็นข้อมูลสำคัญที่ ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) จะต้องนำไปพิจารณาในการประชุมนโยบายการเงินครั้งถัดไป ซึ่งอาจนำไปสู่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ

จากทุ่งหญ้าไวกาโตสู่ตลาดโลก ปัจจัย 3 ด้านที่ดันราคานม

เบื้องหลังราคาชีสและนมที่แพงขึ้นบนชั้นวางในซูเปอร์มาร์เก็ต คือพายุที่สมบูรณ์แบบของปัจจัย 3 ด้านที่ถาโถมเข้าใส่อุตสาหกรรมนมของนิวซีแลนด์

  • 1. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เมื่อทุ่งหญ้าไม่เป็นใจ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อการเกษตรอย่างไร? ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา (ธันวาคม 2024 – กุมภาพันธ์ 2025) พื้นที่ ไวกาโต (Waikato) ซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจของอุตสาหกรรมนม ได้เผชิญกับภาวะภัยแล้งที่รุนแรงผิดปกติ ส่งผลให้ทุ่งหญ้าซึ่งเป็นอาหารหลักของวัวเติบโตได้ไม่เต็มที่ เกษตรกรต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารเสริม (Supplementary Feed) ที่มีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้วัวผลิตน้ำนมได้น้อยลง อุปทานน้ำนมดิบโดยรวมของประเทศจึงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • 2. ต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูง (Soaring Input Costs) เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั่วโลกต่างเผชิญกับปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งราคาพลังงาน (ดีเซลสำหรับเครื่องจักร), ราคาปุ๋ยที่ยังคงสูงจากผลกระทบของความขัดแย้งในยุโรปตะวันออก และค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะขาดแคลนแรงงานในภาคเกษตร ต้นทุนเหล่านี้ถูกส่งต่อไปยังราคาหน้าฟาร์ม และท้ายที่สุดคือราคาที่ผู้บริโภคต้องจ่าย
  • 3. อุปสงค์โลกที่แข็งแกร่งและกลไกราคา (Strong Global Demand & Price Mechanism) ในฐานะผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ที่สุดของโลก นิวซีแลนด์จึงผูกติดกับราคาในตลาดโลกอย่างแยกไม่ออก แนวโน้มราคานมในตลาดโลกเป็นอย่างไร? ราคาผลิตภัณฑ์นมในตลาดโลก ซึ่งถูกกำหนดผ่านการประมูลบนแพลตฟอร์ม Global Dairy Trade (GDT) ยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากประเทศจีนและตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อราคาส่งออกสูง บริษัทแปรรูปนมยักษ์ใหญ่ของนิวซีแลนด์อย่าง Fonterra (ฟอนเทอร์ร่า) ก็มีแรงจูงใจที่จะส่งออกสินค้าไปต่างประเทศมากกว่าขายในประเทศ ทำให้สินค้าสำหรับตลาดในประเทศมีน้อยลงและมีราคาสูงขึ้นตามกลไกตลาด

Milking it: Retailers increase their margins on soaring food prices

ภารกิจที่ยากลำบากของธนาคารกลาง สู้เงินเฟ้อหรือเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย?

สถานการณ์เงินเฟ้อราคาอาหารได้สร้างโจทย์ที่ยากอย่างยิ่งให้กับธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ซึ่งเป็นสถานการณ์เดียวกับที่ธนาคารกลางชั้นนำของโลกกำลังเผชิญ

  • เครื่องมือที่มีจำกัด RBNZ สามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจและลดอุปสงค์โดยรวมได้ แต่นโยบายการเงินไม่สามารถ “เสก” ให้ฝนตกลงบนทุ่งหญ้า หรือลดราคาปุ๋ยในตลาดโลกได้
  • ความเสี่ยงสองทาง (Two-sided Risk)
    • หากขึ้นดอกเบี้ย จะช่วยสกัดเงินเฟ้อได้ แต่ก็จะซ้ำเติมภาระของประชาชนที่มีหนี้สินจำนองบ้าน และอาจผลักดันให้เศรษฐกิจที่เปราะบางอยู่แล้วเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างเต็มตัว
    • หากไม่ขึ้นดอกเบี้ย อาจปล่อยให้เงินเฟ้อฝังรากลึก (Entrenched Inflation) และทำให้การควบคุมในอนาคตทำได้ยากและเจ็บปวดยิ่งขึ้น

“RBNZ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดอย่างยิ่ง” ชารอน โซลล์เนอร์, หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก ANZ Bank New Zealand กล่าว “พวกเขาต้องเลือกระหว่างการทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง หรือยอมรับความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะอยู่กับเราไปนานกว่าที่คาดไว้”

ผลกระทบต่อไทยและอาเซียน บทเรียนจากนิวซีแลนด์

เงินเฟ้ออาหารส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพอย่างไร? คำตอบที่เกิดขึ้นในนิวซีแลนด์เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน

  • ความเปราะบางต่อสภาพอากาศ ประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่เช่นกัน กำลังเผชิญกับความท้าทายจากปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญาที่รุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลผลิตทางการเกษตร
  • การพึ่งพิงตลาดโลก ไทยนำเข้าสินค้าเกษตรบางประเภท เช่น นมผงและผลิตภัณฑ์นมจากนิวซีแลนด์และออสเตรเลียโดยตรง ดังนั้นความผันผวนของราคาในประเทศเหล่านั้นจึงส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ผลิตอาหารและผู้บริโภคชาวไทย
  • ความท้าทายเชิงนโยบาย ธนาคารแห่งประเทศไทยก็เผชิญกับโจทย์ที่คล้ายคลึงกับ RBNZ ในการสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมเงินเฟ้อและการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ

Supermarkets aren't moving fast enough to lower dairy prices, says  Federated Farmers dairy chair | RNZ News

บทสรุป วิกฤตค่าครองชีพที่เชื่อมโยงถึงกัน

เรื่องราวของราคานมที่พุ่งสูงขึ้นในนิวซีแลนด์เป็นมากกว่าข่าวเศรษฐกิจในประเทศ แต่เป็นเครื่องยืนยันว่าโลกของเราเชื่อมโยงถึงกันอย่างลึกซึ้ง ภัยแล้งในไวกาโตสามารถส่งผลกระทบต่อราคาลาเต้ในกรุงเทพฯ และการตัดสินใจของธนาคารกลางในเวลลิงตันก็สะท้อนถึงความท้าทายที่เพื่อนร่วมอาชีพในวอชิงตันหรือแฟรงก์เฟิร์ตกำลังเผชิญ

วิกฤตครั้งนี้ตอกย้ำว่า ความมั่นคงทางอาหารในศตวรรษที่ 21 นั้นถูกคุกคามจากปัจจัยที่ซับซ้อนและอยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง การหาทางออกจึงต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสร้างระบบอาหารโลกที่ยืดหยุ่นและยั่งยืนมากขึ้น

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *