ไต้ฝุ่นแมตโมขึ้นฝั่ง ในที่สุด ซูเปอร์ไต้ฝุ่น “แมตโม” หนึ่งในพายุที่รุนแรงที่สุดของฤดูกาล ได้พัดขึ้นฝั่งอย่างเป็นทางการแล้วที่เมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง ทางภาคใต้ของจีน ด้วยความเร็วลมมหาศาลและปริมาณฝนที่ตกกระหน่ำอย่างหนักหน่วง ท่ามกลางปฏิบัติการอพยพประชาชนครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของภูมิภาคซึ่งมีจำนวนมากกว่า 400,000 คน ขณะนี้ การขึ้นฝั่งของพายุไม่ได้เป็นเพียงจุดสิ้นสุดของเส้นทางพายุที่น่าสะพรึงกลัวเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการประเมินผลครั้งสำคัญ ว่าระบบป้องกันภัยพิบัติที่จีนทุ่มเทสร้างมานานหลายปี และนวัตกรรมทางวิศวกรรมอย่าง “เมืองฟองน้ำ” นั้นแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับ “ความปกติใหม่” ของสภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้จริงหรือไม่ ในขณะเดียวกัน สายตาจากทั่วโลกกำลังจับจ้องไปยัง ผลกระทบไต้ฝุ่นแมตโม ที่จะเกิดขึ้นกับมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจของ ห่วงโซ่อุปทานโลก
ไต้ฝุ่นแมตโมขึ้นฝั่ง “แมตโม” แผลงฤทธิ์ ภาพแรกของความเสียหายและความโกลาหลหลังพายุขึ้นฝั่ง
ไต้ฝุ่นแมตโมขึ้นฝั่ง บริเวณชายฝั่งเมืองจูไห่เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ของคืนวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ตามเวลาท้องถิ่น กรมอุตุนิยมวิทยาจีน (CMA) รายงานว่าพายุมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางขณะขึ้นฝั่งสูงถึง 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจัดเป็น ซูเปอร์ไต้ฝุ่น ที่มีความรุนแรงสูงมาก แรงลมมหาศาลได้พัดทำลายป้ายโฆษณา กระชากต้นไม้ถอนรากถอนโคน และทำให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างในหลายเมือง รวมถึง เมืองจูไห่ และ เมืองเซินเจิ้น
ภาพข่าวจากสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนแสดงให้เห็นถนนหลายสายที่แปรสภาพเป็นคลองจากภาวะ น้ำท่วมมณฑลกวางตุ้ง คลื่นพายุซัดฝั่ง (Storm Surge) ที่สูงหลายเมตรได้โถมเข้าใส่แนวป้องกันชายฝั่ง ทำให้ระดับน้ำทะเลหนุนสูงและทะลักเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำอย่างรวดเร็ว
- การคมนาคมเป็นอัมพาต สนามบินนานาชาติกว่างโจวไป๋-ยฺหวิน และสนามบินนานาชาติเซินเจิ้นเป่าอัน ได้ยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมด สะพานข้ามทะเลยาวที่สุดในโลกอย่างสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า ถูกสั่งปิดการจราจร และบริการรถไฟความเร็วสูงทั้งหมดในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล (Pearl River Delta) ถูกระงับให้บริการ
- ปฏิบัติการกู้ภัยเริ่มต้น ทีมกู้ภัยฉุกเฉินหลายพันนายที่เตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า ได้เริ่มออกปฏิบัติการทันทีหลังตาพายุเคลื่อนผ่าน เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนที่อาจติดค้างและประเมิน ความเสียหายจากพายุ ในเบื้องต้น
“เสียงลมมันน่ากลัวมาก เหมือนเสียงรถไฟวิ่งผ่านหน้าต่างตลอดเวลา ไฟดับตั้งแต่หัวค่ำ” นางสาวเฉิน, ผู้อยู่อาศัยในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเมืองจูไห่ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าว “เราได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้เช้าทุกอย่างจะสงบลง”
บทพิสูจน์ “เมืองฟองน้ำ” นวัตกรรมต้านน้ำท่วมทำงานได้จริงหรือเป็นเพียงแนวคิด?
หนึ่งในประเด็นที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือ ประสิทธิภาพของโครงการ “เมืองฟองน้ำ” (Sponge City) ซึ่งรัฐบาลจีนได้ลงทุนไปหลายแสนล้านหยวนในหลายเมืองนำร่อง รวมถึงเซินเจิ้นและจูไห่ เพื่อรับมือกับปัญหาน้ำท่วมจากฝนตกหนัก ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การมาถึงของไต้ฝุ่นแมตโมเปรียบเสมือนบททดสอบภาคสนามครั้งใหญ่ที่สุดของนวัตกรรมนี้ และผลลัพธ์เบื้องต้นที่ออกมานั้นน่าสนใจอย่างยิ่ง
- พื้นที่นำร่องทำงานได้ผล รายงานเบื้องต้นจากสื่อท้องถิ่นระบุว่า ในเขตเมืองใหม่และสวนสาธารณะที่ถูกออกแบบตามหลักการเมืองฟองน้ำ เช่น การใช้ทางเท้าที่น้ำซึมผ่านได้ และการมีพื้นที่ชุ่มน้ำสำหรับหน่วงน้ำ พบว่าสามารถระบายน้ำฝนปริมาณมหาศาลในช่วงแรกของการเกิดพายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาน้ำท่วมขังบนพื้นผิวการจราจรได้อย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับเขตเมืองเก่า
- เผชิญขีดจำกัด อย่างไรก็ตาม เมื่อปริมาณฝนที่ตกลงมามีมากเกิน 300 มิลลิเมตรภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แม้แต่ระบบเมืองฟองน้ำก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงขีดจำกัดของมัน โดยยังคงมีรายงานน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ แต่ระดับน้ำก็ลดลงเร็วกว่าพื้นที่ที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญ
โครงการเมืองฟองน้ำช่วยลดน้ำท่วมได้จริงหรือไม่? คำตอบเบื้องต้นคือ “จริง แต่มีขีดจำกัด” มันแสดงให้เห็นว่าแนวทางการแก้ปัญหาเชิงวิศวกรรมที่สอดคล้องกับธรรมชาติสามารถลดทอนความรุนแรงของปัญหาได้ แต่ไม่อาจเอาชนะพลังของธรรมชาติที่ถูกซูเปอร์ชาร์จโดยภาวะโลกร้อนได้อย่างสมบูรณ์
ผลกระทบระลอกคลื่น เมื่อ “โรงงานของโลก” ต้องหยุดชะงัก
ผลกระทบของไต้ฝุ่นแมตโมต่อเศรษฐกิจจีนคืออะไร? คำถามนี้ไม่ได้มีความสำคัญแค่กับจีน แต่กับทั้งโลก มณฑลกวางตุ้งคือศูนย์กลางการผลิตและส่งออกที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, สิ่งทอ และเป็นที่ตั้งของท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดในโลกหลายแห่ง เช่น ท่าเรือเซินเจิ้นและกว่างโจว
- ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก การปิดโรงงานและท่าเรือเป็นเวลาอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง จะสร้างผลกระทบระลอกคลื่นไปทั่วโลก บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Apple, Huawei และ Tencent ซึ่งมีฐานการผลิตหรือสำนักงานใหญ่ในภูมิภาคนี้ ต่างได้รับผลกระทบ นักวิเคราะห์จาก Bloomberg คาดการณ์ว่าการหยุดชะงักนี้อาจทำให้การส่งมอบสินค้าบางประเภทล่าช้าออกไปหลายสัปดาห์
- ความเสียหายทางเศรษฐกิจโดยตรง รัฐบาลจีนยังไม่ได้ประเมินมูลค่าความเสียหาย แต่คาดว่าจะสูงถึงหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพื้นที่เกษตรกรรม, โครงสร้างพื้นฐาน และภาคอุตสาหกรรม
เบื้องหลังตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ต่ำ ชัยชนะของระบบเตือนภัยและการอพยพ
ท่ามกลางภาพความเสียหายทางทรัพย์สิน สิ่งที่สื่อของรัฐบาลจีนเน้นย้ำและเป็นที่น่าชื่นชมในสายตาของผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการภัยพิบัติคือ รายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในเบื้องต้นที่อยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับความรุนแรงของพายุ
ความสำเร็จนี้เป็นผลโดยตรงจาก
- ระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่แม่นยำ กรมอุตุนิยมวิทยาจีนสามารถพยากรณ์เส้นทางและความรุนแรงของพายุได้อย่างแม่นยำ ทำให้มีเวลาเตรียมการล่วงหน้าหลายวัน
- การอพยพเชิงรุกและเด็ดขาด ระบบการปกครองแบบรวมศูนย์ทำให้รัฐบาลสามารถสั่งอพยพประชาชนกว่า 400,000 คน ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นมาตรการที่ช่วยรักษาชีวิตผู้คนได้มากที่สุด
- การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ มีการส่งข้อความเตือนภัยผ่านโทรศัพท์มือถือ, ประกาศผ่านสื่อทุกช่องทาง และการแจ้งเตือนแบบเข้าถึงตัวโดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ทำให้ข่าวสารไปถึงประชาชนในพื้นที่เสี่ยงได้อย่างทั่วถึง
v
บทสรุป เผชิญหน้ากับความจริงของโลกที่ร้อนขึ้นและบทเรียนจากกวางตุ้ง
ไต้ฝุ่นแมตโมขึ้นฝั่ง สถานการณ์ล่าสุดในมณฑลกวางตุ้ง คือพายุกำลังอ่อนกำลังลงขณะเคลื่อนตัวลึกเข้าไปในแผ่นดิน แต่ภัยจากฝนตกหนักและดินถล่มยังคงมีอยู่ ปฏิบัติการฟื้นฟูและประเมินความเสียหายครั้งใหญ่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
การขึ้นฝั่งของไต้ฝุ่นแมตโมได้มอบบทเรียนที่สำคัญหลายประการให้แก่จีนและทั่วโลก มันแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอันน่าทึ่งในการปกป้องชีวิตมนุษย์ผ่านการเตรียมพร้อมที่ดีเยี่ยม และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนวัตกรรมอย่าง “เมืองฟองน้ำ” ในการรับมือกับภัยพิบัติ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ตอกย้ำถึงความเปราะบางของระบบเศรษฐกิจโลกที่พึ่งพาศูนย์กลางการผลิตเพียงไม่กี่แห่ง และที่สำคัญที่สุด มันคือการเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า ไม่ว่ามนุษย์จะเตรียมตัวดีแค่ไหน พลังของธรรมชาติในยุคที่โลกร้อนขึ้นนั้นรุนแรงและสร้างความเสียหายได้อย่างมหาศาลเสมอ ประสบการณ์ของกวางตุ้งในครั้งนี้จึงเป็นกรณีศึกษาที่ทุกเมืองใหญ่ชายฝั่งทั่วโลกต้องนำไปปรับใช้ เพื่อเตรียมรับมือกับอนาคตที่ “ความปกติใหม่” ของสภาพอากาศสุดขั้วไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
แหล่งที่มาจาก : am2con