สงครามคำศัพท์ท่ามกลางสงครามจริง ถอดรหัส “หยุดโจมตีชั่วคราว” ที่ไม่ใช่การ หยุดยิงในกาซา เดิมพันการเมืองอิสราเอลและชีวิตพลเรือน

หยุดยิงในกาซา

หยุดยิงในกาซา ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากทั่วโลกให้ยุติการนองเลือดในฉนวนกาซา ความหวังได้ถูกจุดขึ้นมาชั่วขณะ เมื่อกองทัพอิสราเอล (IDF) ประกาศ “หยุดปฏิบัติการทางทหารเพื่อมนุษยธรรมเป็นการชั่วคราว” ในพื้นที่ตอนใต้ของกาซา แต่ความหวังนั้นก็ดับวูบลงอย่างรวดเร็ว เมื่อนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ออกมาปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวว่านี่ “ไม่ใช่การหยุดยิง” และสงครามเพื่อทำลายล้างกลุ่มฮามาสยังคงดำเนินต่อไปอย่างเต็มรูปแบบ ปรากฏการณ์ “สงครามคำศัพท์” ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่เพียงความสับสนทางการสื่อสาร แต่เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนของแรงกดดันทางการเมืองระหว่างประเทศที่กำลังปะทะเข้ากับสมการการเมืองภายในที่เปราะบางของอิสราเอล ความแตกต่างระหว่างคำว่า “หยุดชั่วคราว” (Pause) กับ “หยุดยิง” (Ceasefire) ได้เปิดเปลือยให้เห็นถึงช่องว่างขนาดมหึมา ระหว่างเป้าหมายทางทหารสูงสุดของอิสราเอล แรงบีบคั้นจากพันธมิตรชาติตะวันตก และความเป็นจริงอันเลวร้ายในสนามรบแห่งมนุษยธรรมที่พลเรือนชาวปาเลสไตน์กว่าสองล้านคนต้องเผชิญ

Israel strikes that shattered ceasefire 'just the beginning', Netanyahu says,  after deadliest 24 hours in Gaza since 2023 – as it happened | Israel-Gaza  war | The Guardian

หยุดยิงในกาซา ถอดรหัส “การหยุดเพื่อยุทธวิธี” มันคืออะไร และที่สำคัญกว่าคือมันไม่ใช่อะไร

เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์อย่างถ่องแท้ จำเป็นต้องแยกแยะรายละเอียดของการประกาศจาก กองทัพอิสราเอล (IDF) ให้ชัดเจน

  • มันคืออะไร? การประกาศดังกล่าวระบุถึง “การหยุดในพื้นที่เฉพาะที่เพื่อวัตถุประสงค์ทางยุทธวิธีและมนุษยธรรม” (local, tactical pause of military activity for humanitarian purposes) โดยจะมีผลบังคับใช้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 น. ถึง 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (รวม 11 ชั่วโมง) บนเส้นทางถนนที่เฉพาะเจาะจงเส้นหนึ่ง ซึ่งทอดยาวจากด่านเคเรม ชาลอม (Kerem Shalom) ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนหลักสำหรับความช่วยเหลือ ไปยังโรงพยาบาลยุโรปในเมืองข่าน ยูนิส และต่อไปยังพื้นที่ตอนกลางของกาซา โดยมีเป้าหมายที่ระบุไว้คือ “เพื่อเปิดทางให้รถบรรทุกช่วยเหลือสามารถเข้าถึงและกระจายสิ่งของบรรเทาทุกข์ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น”
  • มันไม่ใช่อะไร? สิ่งนี้ ไม่ใช่ การ หยุดยิงในกาซา อย่างที่หลายฝ่ายคาดหวัง การสู้รบในพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะปฏิบัติการทางทหารที่ดำเนินอยู่อย่างหนักหน่วงใน เมืองราฟาห์ (Rafah) ซึ่งเป็นที่หลบภัยสุดท้ายของพลเรือนจำนวนมาก จะยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง การประกาศนี้ไม่ได้หมายถึงการยุติ สงครามอิสราเอล-ฮามาส และไม่มีการเจรจาหรือข้อตกลงใดๆ กับ กลุ่มฮามาส เกิดขึ้น

พูดง่ายๆ ก็คือ มันเป็นการเปิด “ช่องทางมนุษยธรรม” ที่จำกัดทั้งในเชิงพื้นที่และเวลา ไม่ใช่การยุติความเป็นปรปักษ์ในภาพรวมแม้แต่น้อย

เบื้องหลังความสับสน แรงกดดันจากวอชิงตันปะทะการเมืองขวาจัดในเทลอาวีฟ

ความสับสนที่เกิดขึ้นจากการประกาศของกองทัพและการออกมาปฏิเสธของนายกรัฐมนตรี เผยให้เห็นถึงรอยร้าวและการต่อสู้ทางการเมืองที่ซับซ้อนซึ่งกำลังเกิดขึ้นเบื้องหลังฉาก

  1. แรงกดดันจากพันธมิตรระหว่างประเทศ รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของอิสราเอล ได้แสดงความกังวลและกดดันรัฐบาลของ เบนจามิน เนทันยาฮู มากขึ้นเรื่อยๆ ให้ดำเนินการมากขึ้นเพื่อปกป้องพลเรือนและอำนวยความสะดวกในการจัดส่ง การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกาซา การประกาศ “หยุดชั่วคราว” นี้ ถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการตอบสนองต่อแรงกดดันดังกล่าว เพื่อแสดงให้เห็นว่าอิสราเอลกำลังดำเนินการบางอย่างเพื่อบรรเทาวิกฤต
  2. การเมืองภายในที่เปราะบางของอิสราเอล รัฐบาลผสมของเนทันยาฮูต้องพึ่งพาเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมืองขวาจัดและกลุ่มชาตินิยมสุดโต่ง ซึ่งนำโดยรัฐมนตรีอย่าง อิตามาร์ เบน-กวีร์ และ เบซาเลล สโมตริช ทั้งสองคนนี้ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าการ “หยุดยิง” ใดๆ ก่อนที่จะบรรลุเป้าหมายในการทำลายล้างกลุ่มฮามาสโดยสมบูรณ์ ถือเป็นการยอมจำนนและเป็นชัยชนะของการก่อการร้าย พวกเขาได้ขู่ว่าจะถอนตัวออกจากรัฐบาลผสม ซึ่งจะทำให้รัฐบาลล่มสลายทันทีหากมีการหยุดยิงเกิดขึ้น

ดังนั้น การที่เนทันยาฮูรีบออกมาปฏิเสธข่าวการหยุดยิงอย่างแข็งกร้าว จึงเป็นการส่งสารถึงฐานเสียงและพันธมิตรขวาจัดของเขาโดยตรง เพื่อสร้างความมั่นใจว่านโยบายหลักของสงครามยังไม่เปลี่ยนแปลง

“เมื่อท่านนายกฯ ได้ยินรายงานข่าวเรื่องการหยุดเพื่อมนุษยธรรม 11 ชั่วโมงในตอนเช้า เขาได้หันไปหานายทหารคนสนิทและพูดอย่างชัดเจนว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้สำหรับเขา” แถลงการณ์จากสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลระบุ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งในการสื่อสาร (หรืออาจจะเป็นนโยบาย) ระหว่างฝ่ายการเมืองและฝ่ายการทหาร

Israel has resumed the war in Gaza. Why now? | CNN

เสียงสะท้อนจากกาซา “หยดน้ำในทะเลทราย” หรือ “ละครตบตาชาวโลก”?

สำหรับหน่วยงานช่วยเหลือและชาวปาเลสไตน์ในกาซา การประกาศนี้ถูกมองด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

  • มุมมองของหน่วยงานช่วยเหลือ องค์กรต่างๆ เช่น UNRWA (หน่วยงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์) และโครงการอาหารโลก (WFP) ได้ออกมาแสดงความยินดีต่อ “มาตรการใดๆ ก็ตาม” ที่จะช่วยให้พวกเขาสามารถส่งมอบความช่วยเหลือที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ย้ำว่านี่เป็นเพียง “หยดน้ำในทะเลทราย” และ “ไม่เพียงพออย่างสิ้นเชิง” ที่จะรับมือกับวิกฤตมนุษยธรรมที่เข้าขั้นหายนะได้
    “เราต้องการการหยุดยิงที่แท้จริง เราต้องการการเปิดจุดผ่านแดนทุกจุดอย่างสมบูรณ์ และเราต้องการความปลอดภัยสำหรับเจ้าหน้าที่ของเราในการเดินทางไปยังทุกพื้นที่ของกาซา การหยุดยิงบนถนนเส้นเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาการอดอยากที่กำลังจะเกิดขึ้นได้” โฆษกของ WFP กล่าว
  • มุมมองของกลุ่มฮามาสและชาวปาเลสไตน์ กลุ่มฮามาสได้ออกมาปฏิเสธมาตรการดังกล่าว โดยมองว่าเป็น “ละครฉากหนึ่ง” ที่ไม่มีความหมายและเป็นการพยายาม “หลอกลวงประชาคมโลก” พวกเขายืนยันข้อเรียกร้องเดิม คือการหยุดยิงถาวรและการถอนทหารอิสราเอลทั้งหมดออกจากฉนวนกาซา สำหรับชาวบ้านในกาซา แม้ความช่วยเหลือจะเข้ามาได้มากขึ้น แต่ตราบใดที่การทิ้งระเบิดและการสู้รบยังคงดำเนินต่อไปในพื้นที่อื่นๆ ความรู้สึกปลอดภัยก็ยังคงเป็นสิ่งที่อยู่ห่างไกล

วิกฤตมนุษยธรรมที่รอไม่ได้ ความจริงในสนามรบแห่งความอดอยาก

เบื้องหลังสงครามคำศัพท์นี้คือ ความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ที่กำลังสร้างวิกฤตมนุษยธรรมที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยใหม่

  • ภาวะอดอยาก องค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่งเตือนว่าประชากรมากกว่า 1 ล้านคนในกาซากำลังเผชิญกับ “ความอดอยากระดับหายนะ”
  • ระบบสาธารณสุขล่มสลาย โรงพยาบาลส่วนใหญ่ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป เนื่องจากขาดแคลนยา เวชภัณฑ์ เชื้อเพลิง และถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า
  • การพลัดถิ่น ประชากรเกือบ 90% ของกาซา (ราว 1.9 ล้านคน) ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในและอาศัยอยู่ในสภาพที่แออัดยัดเยียดและขาดสุขอนามัยในที่พักพิงชั่วคราว

การจัดส่งความช่วยเหลือผ่านด่านเคเรม ชาลอม ที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง เนื่องจากปัญหาคอขวดด้านโลจิสติกส์ การสู้รบที่ดำเนินอยู่ และการล่มสลายของกฎระเบียบและความปลอดภัยภายในกาซา ซึ่งทำให้รถบรรทุกมักถูกปล้นโดยกลุ่มคนที่สิ้นหวัง การหยุดโจมตีบนเส้นทางเดียวอาจช่วยลดความเสี่ยงได้บ้าง แต่ไม่ได้แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเหล่านี้

Understanding the Israel-Hamas Truce | International Crisis Group

บทสรุป อนาคตที่มืดมนของการหยุดยิงถาวร

หยุดยิงในกาซา เหตุการณ์ความสับสนเรื่อง “การหยุดชั่วคราว” กับ “การหยุดยิง” เป็นมากกว่าเรื่องเล็กน้อย แต่มันคือตัวชี้วัดที่สำคัญถึงสถานะของ สงครามอิสราเอล-ฮามาส ในปัจจุบัน มันแสดงให้เห็นว่า แม้แต่มาตรการด้านมนุษยธรรมที่จำกัดขอบเขตที่สุด ก็ยังกลายเป็นประเด็นทางการเมืองที่อ่อนไหวอย่างยิ่งยวดสำหรับรัฐบาลอิสราเอล

โศกนาฏกรรมครั้งนี้ตอกย้ำว่าอิสราเอลกำลังติดอยู่ระหว่างค้อนกับทั่ง ด้านหนึ่งคือเป้าหมายทางทหารที่ไม่เปลี่ยนแปลงในการกวาดล้างกลุ่มฮามาสและความจำเป็นในการรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลผสมขวาจัด อีกด้านหนึ่งคือแรงกดดันจากพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดและประชาคมโลก ที่ไม่อาจทนเห็นภาพความหายนะทางมนุษยธรรมที่เลวร้ายลงทุกวันได้อีกต่อไป

ตราบใดที่สมการทางการเมืองภายในของอิสราเอลยังคงเป็นเช่นนี้ ความหวังที่จะได้เห็นการ หยุดยิงในกาซา อย่างถาวรและมีความหมาย ก็ยังคงเป็นสิ่งที่เลือนราง และสงครามทั้งในสนามรบจริงและในสนามรบแห่งคำศัพท์ก็จะยังคงดำเนินต่อไป พร้อมกับชีวิตของพลเรือนที่ต้องสูญสิ้นไปในทุกๆ วัน

 

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *