ปักกิ่ง, จีน – สถานการณ์น้ำท่วมจีนทวีความรุนแรงสู่ระดับวิกฤตครั้งประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะในมณฑลกวางตุ้ง ศูนย์กลางเศรษฐกิจและ “โรงงานโลก” ที่กำลังเผชิญกับอุทกภัยที่สื่อของรัฐและผู้เชี่ยวชาญขนานนามว่า “รุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษ” หลังพายุฝนถล่มหนักต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำจูเจียงและสาขาเอ่อล้นทะลักเข้าท่วมเมืองสำคัญหลายแห่ง รัฐบาลจีนประกาศภาวะฉุกเฉินขั้นสูงสุด อพยพประชาชนกว่าล้านคน ขณะที่ผลกระทบระลอกใหม่กำลังก่อตัวเป็นคลื่นสึนามิทางเศรษฐกิจที่อาจซัดเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่ต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
บทความนี้จะเจาะลึกถึงความรุนแรงของ ภัยพิบัติจีน ครั้งล่าสุด วิเคราะห์สาเหตุเชิงโครงสร้าง ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทย และมาตรการรับมือของรัฐบาลจีนที่กำลังถูกทดสอบอย่างหนักหน่วงที่สุดครั้งหนึ่ง
สถานการณ์วิกฤต เมื่อ “แม่น้ำจูเจียง” พลิกแผ่นดินมังกร
สถานการณ์ น้ำท่วมจีน ในเดือนสิงหาคม 2568 มีศูนย์กลางอยู่ที่ลุ่มแม่น้ำจูเจียง (Pearl River Basin) ซึ่งเป็นระบบแม่น้ำที่ใหญ่เป็นอันดับสามของจีน ครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ รายงานจากกระทรวงการจัดการเหตุฉุกเฉินของจีนระบุว่า ปริมาณฝนที่ตกสะสมในมณฑลกวางตุ้ง ฝูเจี้ยน และเจียงซี มีระดับสูงเป็นประวัติการณ์
- ปริมาณน้ำฝนทำลายสถิติ ในหลายพื้นที่ของเมืองเสากวน (Shaoguan) และเมืองชิงหยวน (Qingyuan) ในมณฑลกวางตุ้ง มีปริมาณน้ำฝนวัดได้สูงกว่า 600 มิลลิเมตรภายใน 48 ชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณน้ำฝนเกือบครึ่งปีในสภาวะปกติ
- ระดับน้ำเกินขีดจำกัด สถานีวัดระดับน้ำอย่างน้อย 32 แห่งตลอดลุ่มแม่น้ำจูเจียง รายงานระดับน้ำที่สูงเกินขีดเตือนภัย โดยสถานีบางแห่งมีระดับน้ำสูงกว่าระดับเตือนภัยถึง 5.8 เมตร
- การอพยพครั้งใหญ่ ทางการจีนได้สั่งอพยพประชาชนแล้วอย่างน้อย 1.1 ล้านคนออกจากบ้านเรือนไปยังพื้นที่ปลอดภัย ถือเป็นการเคลื่อนย้ายประชากรครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งจากเหตุ อุทกภัยจีน
ภาพจากสื่อสังคมออนไลน์และสำนักข่าวต่างๆ เผยให้เห็นสภาพบ้านเรือน อาคารพาณิชย์ และพื้นที่เกษตรกรรมจมอยู่ใต้น้ำ ถนนหลายสายกลายเป็นคลอง กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) และหน่วยกู้ภัยถูกส่งลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างและเสริมความแข็งแรงของเขื่อนและแนวป้องกันน้ำท่วมอย่างเร่งด่วน
ผลกระทบระลอกใหม่ จาก “โรงงานโลก” สู่ห่วงโซ่อุปทานไทย
สิ่งที่ทำให้สถานการณ์ น้ำท่วมจีน ครั้งนี้น่ากังวลในระดับโลก คือการที่มันเกิดขึ้นใจกลาง มณฑลกวางตุ้ง ซึ่งมีฉายาว่า “โรงงานของโลก” (The World’s Factory) ด้วยมูลค่า GDP ที่สูงกว่า 12.9 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 65 ล้านล้านบาท) และเป็นที่ตั้งของคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง, อิเล็กทรอนิกส์, ยานยนต์, สิ่งทอ และของเล่น
ผลกระทบโดยตรงต่อการผลิต โรงงานหลายพันแห่งในเมืองกว่างโจว, เสิ่นเจิ้น, ตงก่วน และฝอซาน จำเป็นต้องหยุดการผลิตชั่วคราวเนื่องจากปัญหาน้ำท่วมและการตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย การหยุดชะงักนี้ส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่ชิ้นส่วนสมาร์ทโฟนไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ส่งออกไปทั่วโลก
ผลกระทบต่อโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ท่าเรือสำคัญอย่างท่าเรือกว่างโจวและท่าเรือเสิ่นเจิ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าเรือคอนเทนเนอร์ที่คึกคักที่สุดในโลก กำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก ถนนและทางรถไฟที่เชื่อมต่อไปยังท่าเรือถูกตัดขาด ทำให้การขนส่งวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปเป็นไปอย่างยากลำบาก
นักวิเคราะห์จากสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยได้แสดงความกังวลว่า “หากสถานการณ์ยืดเยื้อเกิน 1-2 สัปดาห์ จะเริ่มเห็นผลกระทบต่อตารางการเดินเรือและต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน สินค้าบางประเภทที่ไทยนำเข้าจากจีนตอนใต้เพื่อใช้ในการผลิตอาจเกิดภาวะขาดแคลนชั่วคราวได้”
สินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบต่อไทย
- ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ อาจกระทบต่ออุตสาหกรรมประกอบคอมพิวเตอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย
- สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม วัตถุดิบและเสื้อผ้าสำเร็จรูปอาจมีความล่าช้าในการจัดส่ง
- ของเล่นและสินค้าอุปโภคบริโภค อาจส่งผลให้ราคาสินค้าบางรายการปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปลายปี
- แบตเตอรี่และชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) กวางตุ้งเป็นฐานการผลิต EV ที่สำคัญ ซึ่งอาจส่งผลต่อซัพพลายเชนของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยที่กำลังเติบโต
เสียงจากผู้นำและผู้เชี่ยวชาญ ปักกิ่งสั่งระดมสรรพกำลังเต็มที่
รัฐบาลจีนตระหนักถึงความรุนแรงของ ภัยพิบัติจีน ครั้งนี้เป็นอย่างดี ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ออกมาแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CCTV) โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการ “ทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมดเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน” และสั่งการให้ กระทรวงการจัดการเหตุฉุกเฉิน ประสานงานกับกองทัพและรัฐบาลท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิอากาศและอุทกวิทยาได้ออกมาให้ความเห็นถึง สาเหตุน้ำท่วมจีนล่าสุด ซึ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ดร. หวัง เว่ย นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์ภูมิอากาศแห่งชาติจีน กล่าวว่า “ความถี่และความรุนแรงของสภาพอากาศสุดขั้วที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกมีความเชื่อมโยงอย่างชัดเจนกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้อากาศกักเก็บความชื้นได้มากขึ้น นำไปสู่ปริมาณฝนที่ตกหนักอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน การ ฝนตกหนักในจีน ครั้งนี้เป็นเครื่องย้ำเตือนว่าเราต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความปกติใหม่ (New Normal) ของสภาพอากาศ”
บทเรียนจากอดีตและบททดสอบโครงสร้างพื้นฐาน
จีนได้ลงทุนมหาศาลในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาในโครงการป้องกันน้ำท่วมขนาดใหญ่ รวมถึงเขื่อนสามผา (Three Gorges Dam) และแนวคิด “เมืองฟองน้ำ” (Sponge City) ที่ออกแบบมาเพื่อดูดซับน้ำฝนส่วนเกิน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ น้ำท่วมจีน ในปี 2568 นี้ ได้แสดงให้เห็นว่า แม้แต่โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังมีขีดจำกัดในการรับมือกับภัยธรรมชาติที่รุนแรงเกินกว่าค่าเฉลี่ยทางสถิติ
วิกฤตครั้งนี้จึงเป็นบททดสอบสำคัญต่อประสิทธิภาพของโครงการเหล่านี้ และเป็นข้อมูลสำคัญให้รัฐบาลจีนต้องทบทวนและยกระดับมาตรการป้องกันภัยพิบัติในอนาคตให้สามารถรับมือกับความท้าทายจากสภาพอากาศที่คาดเดาได้ยากขึ้น
คนไทยในจีน คำแนะนำและช่องทางช่วยเหลือ
สำหรับ คนไทยในกวางโจว และเมืองใกล้เคียง สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ได้ออกประกาศเตือนให้คนไทยติดตามข่าวสารจากทางการจีนอย่างใกล้ชิด หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมสูง และเตรียมสิ่งของจำเป็นให้พร้อม
- ข้อควรปฏิบัติ
- ตรวจสอบพยากรณ์อากาศและคำเตือนภัยจากทางการท้องถิ่น
- สำรองน้ำดื่ม อาหารแห้ง และยาที่จำเป็น
- ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์และพาวเวอร์แบงก์ให้เต็มอยู่เสมอ
- หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูง ควรพิจารณาอพยพไปยังที่ปลอดภัยชั่วคราว
- ติดตามประกาศจาก Facebook Page ของสถานกงสุลใหญ่ฯ
สำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉิน สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ซึ่งได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ แล้ว
(บทสรุป)
สถานการณ์น้ำท่วมจีน ครั้งประวัติศาสตร์ในลุ่มแม่น้ำจูเจียงยังคงอยู่ในภาวะวิกฤตและน่าเป็นห่วง แม้ว่าทางการจีนจะระดมสรรพกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างเต็มความสามารถ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วทั้งในมิติของชีวิตความเป็นอยู่และเศรษฐกิจนั้นใหญ่หลวงนัก วิกฤตครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียง ภัยพิบัติจีน ที่เกิดขึ้นภายในประเทศ แต่เป็นสัญญาณเตือนที่ดังไปทั่วโลกว่าความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศคือภัยคุกคามที่แท้จริงและใกล้ตัวกว่าที่คิด
สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจาก อุทกภัยจีน 2568 อาจยังไม่ปรากฏชัดเจนในทันที แต่จะค่อยๆ ซึมลึกเข้ามาในระบบเศรษฐกิจผ่านห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก ภาคธุรกิจและผู้บริโภคจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความล่าช้าของสินค้าและราคาที่อาจปรับตัวสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า วิกฤตครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า ในโลกยุคใหม่ที่เชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นห่างออกไปครึ่งค่อนทวีป สามารถส่งแรงกระเพื่อมมาถึงหน้าประตูบ้านของเราได้เสมอ
แหล่งที่มาจาก : am2con