ท่ามกลางมรสุมความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจเกาหลีใต้กลับส่งสัญญาณชีพจรที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนกรกฎาคม 2568 จากรายงานล่าสุดของสำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลี (Statistics Korea) ที่เปิดเผยว่าดัชนีชี้วัดสำคัญทั้งผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกต่างปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตัวเลขดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิเคราะห์ แต่ยังจุดประกายความหวังถึงการฟื้นตัวของมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 4 ของเอเชีย อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังตัวเลขสีเขียวที่สวยงาม ยังคงแฝงไปด้วยความท้าทายและความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้างมาถึงประเทศไทย
บทวิเคราะห์ข่าวเชิงลึกฉบับนี้ จะพาไปสำรวจทุกมิติของตัวเลข ดัชนีเศรษฐกิจเกาหลีใต้ ล่าสุด เจาะลึกถึงภาคส่วนที่เป็น “พระเอก” ขับเคลื่อนการเติบโตในครั้งนี้ พร้อมประเมินปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงอยู่ ทั้งจากแรงกดดันด้าน อัตราเงินเฟ้อ และทิศทางนโยบายการเงินของ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) และที่สำคัญที่สุดคือ การวิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้ส่งผลต่อไทยอย่างไร ทั้งในมิติของโอกาสและความท้าทายที่ผู้ประกอบการและนักลงทุนไทยไม่อาจละสายตาได้
เจาะลึกตัวเลข เมื่ออุตสาหกรรมและค้าปลีกกลับมาคึกคัก
ข้อมูลที่เปิดเผยโดย สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลี เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 29 สิงหาคม 2568 สร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดในทันที โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเกาหลีใต้ (Industrial Production) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 6 เดือน และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1.2% อย่างมาก
- ยอดค้าปลีกเกาหลีใต้ (Retail Sales) ซึ่งเป็นมาตรวัดการบริโภคภายในประเทศ ขยายตัว 1.8% จากเดือนมิถุนายน นับเป็นการฟื้นตัวครั้งสำคัญหลังจากที่หดตัวในเดือนก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เริ่มกลับคืนมา
การฟื้นตัวของทั้งสองดัชนีหลักพร้อมกันเป็นสัญญาณบวกที่หาได้ยากในช่วงที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้ อาจกำลังผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว
‘เซมิคอนดักเตอร์’ พระเอกตัวจริงของการฟื้นตัว
เมื่อมองลึกลงไปในรายละเอียดของ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเกาหลีใต้ จะพบว่าปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการกลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดของภาคการผลิตชิปและ การส่งออกเซมิคอนดักเตอร์
- การผลิตชิปพุ่งสูง ผลผลิตในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นถึง 15.1% ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการในตลาดโลกที่เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะในกลุ่มชิปหน่วยความจำ (Memory Chips) ที่ใช้ใน Data Center และอุปกรณ์ AI
- อุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัว การผลิตรถยนต์ก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน หลังจากที่ปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนเริ่มคลี่คลายลง
การพึ่งพิงอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อย่างสูงนี้ถือเป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของเกาหลีใต้ ในยามที่ตลาดโลกเฟื่องฟู อุตสาหกรรมนี้จะเป็นหัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อน การเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ในทางกลับกัน หากความต้องการในตลาดโลกสะดุดลง ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมอย่างรุนแรงเช่นกัน
กำลังซื้อในประเทศ สัญญาณบวกที่ยังเปราะบาง
ในฝั่งของ ยอดค้าปลีกเกาหลีใต้ การขยายตัวที่ 1.8% ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายในสินค้าคงทน เช่น ยานยนต์ และสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าการฟื้นตัวนี้ยังคงมีความเปราะบาง เนื่องจากภาระหนี้ครัวเรือนของเกาหลีใต้ยังอยู่ในระดับที่สูงมาก ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ยังทรงตัวในระดับสูงเพื่อควบคุม อัตราเงินเฟ้อ อาจเป็นปัจจัยกดดันกำลังซื้อในระยะต่อไป
ภาพรวมเศรษฐกิจมหภาค ปัจจัยบวกและลบท้าทายการเติบโต
แม้ตัวเลขเดือนกรกฎาคมจะออกมาสดใส แต่การประเมิน แนวโน้มเศรษฐกิจเกาหลีใต้ 2568 จำเป็นต้องพิจารณา ปัจจัยที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้ อย่างรอบด้าน
ปัจจัยบวก
- วัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมชิป แนวโน้มความต้องการชิปสำหรับเทคโนโลยี AI และยานยนต์ไฟฟ้ายังคงแข็งแกร่ง
- การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน จีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ หากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้ดี จะส่งผลบวกโดยตรงต่อการส่งออกของเกาหลีใต้
- ภาคบริการและการท่องเที่ยว การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบช่วยให้ภาคบริการและการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยลบและความท้าทาย
- อัตราดอกเบี้ยสูง ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่าทศวรรษ เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนการกู้ยืมของทั้งภาคธุรกิจและครัวเรือน
- หนี้ครัวเรือน เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP สูงที่สุดในโลก ซึ่งเป็นระเบิดเวลาที่อาจบั่นทอนการบริโภคในประเทศได้ทุกเมื่อ
- ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก การชะลอตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาและยุโรปยังคงเป็นความเสี่ยงหลักต่อภาคการส่งออก
- ค่าเงินวอนผันผวน ค่าเงินวอน ที่อ่อนค่าลงอาจช่วยหนุนการส่งออก แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ต้นทุนการนำเข้าพลังงานและวัตถุดิบสูงขึ้น ซ้ำเติมปัญหาเงินเฟ้อ
ผลกระทบต่อประเทศไทย โอกาสและความเสี่ยงที่ต้องจับตา
การฟื้นตัวของ เศรษฐกิจเกาหลีใต้ มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจไทยในหลายมิติ
- ด้านการส่งออกและห่วงโซ่อุปทาน
- โอกาส เมื่อภาคการผลิตของเกาหลีใต้ขยายตัว ความต้องการวัตถุดิบและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ชิ้นส่วนยานยนต์, ยางพารา และสินค้าเกษตรแปรรูปจากไทยย่อมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ผู้ส่งออกไทยควรจับตาทิศทางความต้องการในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้อย่างใกล้ชิด
- ความเสี่ยง หากการฟื้นตัวของเกาหลีใต้สะดุดลง อาจส่งผลกระทบต่อคำสั่งซื้อจากผู้ผลิตไทยได้เช่นกัน
- ด้านการลงทุน
- โอกาส สำหรับผู้ที่สนใจ การลงทุนในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (ดัชนี KOSPI) สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นปัจจัยบวกที่อาจดึงดูดกระแสเงินทุนไหลเข้า อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องประเมินความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและนโยบายการเงินควบคู่ไปด้วย
- การลงทุนโดยตรง (FDI) บริษัทสัญชาติเกาหลีเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและยานยนต์ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในประเทศแม่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการขยายการลงทุนในต่างประเทศ รวมถึงในไทย
- ด้านการท่องเที่ยว
- กำลังซื้อของชาวเกาหลีใต้ที่เพิ่มขึ้นย่อมส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ถือเป็นตลาดสำคัญอันดับต้นๆ ของไทย
บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต ก้าวต่อไปของเสือเศรษฐกิจแห่งเอเชีย
ข้อมูล เศรษฐกิจเกาหลีใต้ เดือนกรกฎาคม 2568 เปรียบเสมือนแสงสว่างที่ส่องประกายท่ามกลางความมืดมัว มันได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและความแข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรมหลักอย่างเซมิคอนดักเตอร์ อย่างไรก็ตาม การจะประกาศว่านี่คือการฟื้นตัวที่ยั่งยืนอาจยังเร็วเกินไป
แนวโน้มเศรษฐกิจเกาหลีใต้ 2568 ในช่วงที่เหลือของปีจะขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญ 3 ประการ คือ (1) ทิศทางความต้องการในตลาดเทคโนโลยีโลก (2) การตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเกาหลีใต้ และ (3) เสถียรภาพของกำลังซื้อภายในประเทศ
สำหรับประเทศไทย สัญญาณบวกจากเกาหลีใต้ถือเป็นข่าวดีที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์ให้พร้อมรับมือกับทั้งโอกาสที่จะเข้ามาและความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ
แหล่งที่มาจาก : am2con