สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา สันติภาพหน้าด่าน ซ่อนภัยอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

ณ ด่านพรมแดนอรัญประเทศ-ปอยเปต ภาพของรถบรรทุกสินค้าที่วิ่งขวักไขว่และนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าออกอย่างคึกคัก อาจทำให้เชื่อได้ว่านี่คือสัญลักษณ์ของสันติภาพและความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ แต่เบื้องหลังฉากหน้าอันสงบสุขนี้ คือความจริงที่ซับซ้อนและอันตรายของ “สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา” ในยุคปัจจุบัน ที่นี่คือสมรภูมิรบรูปแบบใหม่ที่ไม่มีเสียงปืน แต่สร้างความเสียหายให้คนไทยปีละหลายหมื่นล้านบาท เพราะมันได้กลายเป็น “เมืองหลวง” ของเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเว็บพนันออนไลน์ บทความนี้จะเจาะลึกถึง “สันติภาพที่ซ่อนอันตราย” นี้ เพื่อสำรวจว่าเหตุใดชายแดนจึงกลายเป็นสวรรค์ของอาชญากร, ความท้าทายที่หน่วยงานรัฐของไทยต้องเผชิญในการไล่ล่าผู้ร้ายที่อยู่นอกเขตอำนาจ และอนาคตของความร่วมมือระหว่างประเทศที่คือเดิมพันสำคัญในการทลายขุมนรกไซเบอร์แห่งนี้

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุด ทหารไทยคุมพื้นที่ได้ 11 จุด

ภาพสองด้านของชายแดน การค้าที่รุ่งเรืองและอาชญากรรมที่ซ่อนเร้น

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในวันนี้ต้องมองผ่านเลนส์สองด้านที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว

  • ด้านสว่าง – เศรษฐกิจที่พึ่งพากัน
  • การค้าชายแดน มีมูลค่าหลายแสนล้านบาทต่อปี โดยมีด่านอรัญประเทศ-ปอยเปต เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่สุด สินค้าอุปโภคบริโภคและวัสดุก่อสร้างจากไทยหลั่งไหลเข้าสู่กัมพูชา ขณะที่สินค้าเกษตรจากกัมพูชาก็เข้ามาในไทย
  • แรงงานข้ามชาติ ชาวกัมพูชาจำนวนมากเดินทางเข้ามาทำงานในภาคเกษตรและอุตสาหกรรมของไทยอย่างถูกกฎหมาย เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
  • การท่องเที่ยว กาสิโนในฝั่งปอยเปตและเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ดึงดูดคนไทยให้ข้ามไปใช้จ่าย สร้างรายได้มหาศาลให้กับฝั่งกัมพูชา
  • ด้านมืด – ศูนย์กลางอาชญากรรมยุคใหม่
  • แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตึกสูงหลายแห่งในปอยเปตและเมืองชายแดนอื่นๆ ถูกใช้เป็นที่ตั้งของ “ออฟฟิศ” ขนาดใหญ่ที่หลอกลวงคนไทยโดยเฉพาะ
  • เว็บพนันออนไลน์ เป็นที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์และทีมงานดูแลเว็บพนันที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย
  • การค้ามนุษย์ มีการหลอกลวงคนไทยและคนชาติอื่นๆ ไปบังคับใช้แรงงานในเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้

ภาพทั้งสองด้านนี้ดำรงอยู่คู่ขนานกัน สร้างความซับซ้อนและท้าทายในการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เจาะ “เมืองหลวงแก๊งคอลเซ็นเตอร์” ทำไมต้องเป็น “ปอยเปต”?

การที่เมืองชายแดนอย่าง ปอยเปต กลายเป็นศูนย์กลางของเครือข่าย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มาจากปัจจัยหลายอย่างที่เอื้ออำนวย

  • ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ อยู่ติดกับประเทศไทย ทำให้ง่ายต่อการหลอกลวงคนไทยข้ามไปทำงาน และง่ายต่อการสังเกตการณ์พฤติกรรมของคนไทยเพื่อนำมาใช้ในการหลอกลวง
  • โครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและระบบโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่ทันสมัย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับปฏิบัติการ
  • ช่องว่างทางกฎหมายและเขตอำนาจศาล การที่ปฏิบัติการตั้งอยู่นอกราชอาณาจักรไทย ทำให้ตำรวจไทยไม่สามารถเข้าไปจับกุมได้โดยตรง การดำเนินการใดๆ ต้องอาศัย ความร่วมมือไทย-กัมพูชา ซึ่งมีขั้นตอนที่ซับซ้อน
  • เขตเศรษฐกิจพิเศษและอิทธิพลมืด พื้นที่บางแห่งมีลักษณะเป็น เขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่มีกฎระเบียบผ่อนปรน และมีรายงานว่าเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้มักได้รับการคุ้มครองจากผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ทำให้การเข้าทลายของทางการกัมพูชาเองก็ทำได้ไม่ง่ายนัก

สถานการณ์ชายแดน “ไทย-กัมพูชา” ยังปกติ วันนี้ ทูต-ผู้ช่วยทูตทหาร รวม 24  ประเทศ-สื่อต่างประเทศลงพื้นที่ชายแดน

ความท้าทายของกฎหมาย เมื่อผู้ร้ายอยู่นอกเขตอำนาจไทย

สำหรับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ของไทย การต่อสู้กับภัยคุกคามนี้เปรียบเสมือน “การชกกับเงา”

  • การสืบสวนที่ซับซ้อน แม้จะรู้ว่าเงินถูกโอนไปที่ไหนและเบอร์โทรศัพท์มาจากที่ใด แต่การจะสาวไปถึงตัวการใหญ่ที่อยู่ในกัมพูชาเป็นเรื่องที่ยากมาก
  • ปัญหาการส่งผู้ร้ายข้ามแดน กระบวนการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนมีความล่าช้าและซับซ้อนทางกฎหมาย หลายครั้งเมื่อประสานงานไป ผู้กระทำผิดก็ไหวตัวและย้ายสถานที่ไปก่อน
  • การอายัดบัญชีม้า แม้จะมีการอายัดบัญชีม้าในประเทศไทย แต่เครือข่ายเหล่านี้ก็สามารถเปิดบัญชีใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

“เราเห็นเส้นทางการเงิน เราเห็นเครือข่าย แต่เราไม่สามารถข้ามไปจับเขาได้ นี่คือความอึดอัดที่สุดของคนทำงาน เราทำได้แค่ประสานงานและหวังว่าทางการเพื่อนบ้านจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่และทันท่วงที” – นายตำรวจระดับสูงจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)

ปฏิบัติการร่วมไทย-กัมพูชา ความหวังและความจริง

ในช่วงที่ผ่านมา ได้มีความพยายามในการยกระดับ ความร่วมมือไทย-กัมพูชา เพื่อปราบปราม อาชญากรรมข้ามชาติ เหล่านี้ มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วม, การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรอง และการเข้าทลายออฟฟิศแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งกัมพูชาหลายครั้ง ซึ่งสามารถช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานกลับมาได้จำนวนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้ยังคงเป็นเพียง “ยอดของภูเขาน้ำแข็ง” เครือข่ายเหล่านี้มีความยืดหยุ่นสูง เมื่อจุดหนึ่งถูกทลาย ก็สามารถย้ายไปตั้งที่ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การแก้ปัญหายังไม่สามารถถอนรากถอนโคนได้

สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา 26 ก.ค. 68 ปะทะต่อเนื่อง อพยพทะลุ 8.8 หมื่น

บทวิเคราะห์ ทางออกที่ยั่งยืนต้องการมากกว่าการจับกุม

การแก้ไข สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องอาศัยแนวทางที่มากกว่าแค่การประสานงานเพื่อจับกุมเป็นครั้งคราว

  • ยกระดับความร่วมมือระดับนโยบาย รัฐบาลทั้งสองประเทศ นำโดยนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต และผู้นำไทย ต้องแสดงเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจนและจริงจังในการปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้ให้สิ้นซาก เพราะมันบ่อนทำลายภาพลักษณ์และบรรยากาศการลงทุนของทั้งสองประเทศ
  • ทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเรียลไทม์ จัดทำช่องทางด่วน (Hotline) สำหรับตำรวจไซเบอร์ของทั้งสองประเทศในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและขออายัดบัญชีได้ทันที
  • กดดันทางเศรษฐกิจ ภาครัฐและเอกชนไทยอาจต้องพิจารณาใช้มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจต่อธุรกิจในฝั่งกัมพูชาที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายผิดกฎหมาย
  • สร้างภูมิคุ้มกันให้คนไทย การให้ความรู้และสร้างความตระหนักรู้ถึงกลโกงรูปแบบต่างๆ คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับประชาชน

สันติภาพตามแนวชายแดนในวันนี้คือโอกาสอันดีในการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองฝั่ง แต่ตราบใดที่ “เนื้อร้าย” อย่างอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติยังคงเติบโตอยู่ สันติภาพนั้นก็จะยังคงเป็นเพียงสันติภาพที่เปราะบางและซ่อนเร้นอันตรายไว้เสมอ

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *