ในห้องประชุมที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดของกระทรวงพาณิชย์ ตัวแทนสมาคมผู้ประกอบการ SME ทั่วประเทศได้ยื่นข้อเรียกร้องฉุกเฉินต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งอาจเป็นเดิมพันสุดท้ายเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจรายย่อยนับล้านราย การประชุม “พาณิชย์ หารือ SME” ครั้งนี้ ไม่ใช่การหารือตามวาระปกติ แต่คือการหาทางออกจาก “พายุเศรษฐกิจสมบูรณ์แบบ” (Perfect Storm) 3 ลูก ที่กำลังพัดถล่มเศรษฐกิจฐานรากของไทยอย่างรุนแรง การรุกคืบของสินค้าจีนราคาถูกผ่านสงครามราคา E-commerce, วิกฤตต้นทุนการผลิตในประเทศที่พุ่งทะยาน และความผันผวนของเศรษฐกิจโลกจากสงครามการค้ารอบใหม่ บทวิเคราะห์ชิ้นนี้จะเจาะลึกทุกข้อเรียกร้องจากผู้ประกอบการ, มาตรการที่รัฐบาลให้คำมั่น และประเมินว่ายาขนานใหม่นี้จะแรงพอที่จะช่วยพยุงลมหายใจของ SME ไทยให้ผ่านพ้นมรสุมครั้งนี้ไปได้หรือไม่
SME บนปากเหว เปิด 3 สมรภูมิใหญ่ที่ผู้ประกอบการกำลังเผชิญ
ผู้ประกอบการ SME ซึ่งเป็นหัวใจของระบบเศรษฐกิจและเป็นแหล่งจ้างงานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ กำลังต่อสู้อย่างยากลำบากใน 3 สมรภูมิใหญ่พร้อมๆ กัน
สมรภูมิที่ 1 “มังกรดิจิทัล” การรุกคืบของสินค้าจีนผ่าน E-commerce
นี่คือปัญหาที่รุนแรงและสร้างผลกระทบในวงกว้างที่สุด แพลตฟอร์ม E-commerce ข้ามชาติได้เปิดประตูให้ สินค้าจีน ราคาถูกอย่างมหาศาลทะลักเข้ามาขายตรงถึงผู้บริโภคชาวไทย โดยมีข้อได้เปรียบที่ SME ไทยไม่สามารถต่อกรได้
- สงครามราคา ด้วยต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าและการผลิตในปริมาณมหาศาล ทำให้สามารถตั้งราคาขายได้ถูกกว่าสินค้าที่ผลิตโดย SME ไทย 30-50%
- ช่องว่างทางภาษี สินค้าจำนวนมากถูกส่งมาในรูปแบบพัสดุมูลค่าต่ำ ทำให้ได้รับการยกเว้นหรือเสียภาษีนำเข้าในอัตราที่น้อยมากเมื่อเทียบกับผู้นำเข้าแบบปกติ
- การตลาดที่เหนือกว่า แพลตฟอร์มเหล่านี้ทุ่มงบประมาณมหาศาลในการทำโปรโมชัน, แจกคูปองส่วนลด และยิงโฆษณา ทำให้สินค้าไทยถูกเบียดจนตกขอบ
ผลลัพธ์คือ SME ในกลุ่มเสื้อผ้า, ของใช้ในบ้าน, เครื่องประดับ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก ต่างยอดขายตกฮวบและต้องปิดกิจการไปแล้วจำนวนมาก
สมรภูมิที่ 2 “ต้นทุนท่วมตัว” ศึกในบ้านที่แสนสาหัส
ในขณะที่รายรับลดลง รายจ่ายกลับพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- ต้นทุนพลังงาน ราคาไฟฟ้าที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและราคาน้ำมันดีเซลที่ผันผวน ส่งผลโดยตรงต่อค่าใช้จ่ายในการผลิตและค่าขนส่ง
- ค่าแรงที่สูงขึ้น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ แม้จะเป็นสิ่งที่ดีต่อลูกจ้าง แต่ก็เป็นการเพิ่มภาระต้นทุนให้กับผู้ประกอบการอย่างมีนัยสำคัญ
- อัตราดอกเบี้ย ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นทำให้ SME ที่มีหนี้สินอยู่แล้วต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้น กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง
สมรภูมิที่ 3 “สงครามการค้าโลก” ความไม่แน่นอนที่ควบคุมไม่ได้
นโยบายตั้งกำแพงภาษีระลอกใหม่ของสหรัฐอเมริกาที่มุ่งเป้าไปที่จีน ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก แม้ไทยจะไม่ได้เป็นเป้าหมายโดยตรง แต่ SME ที่ทำการส่งออกหรือเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนที่ควบคุมไม่ได้ ทั้งออเดอร์ที่ลดลงจากคู่ค้าในจีน และความต้องการในตลาดโลกที่ชะลอตัว
เปิดข้อเสนอ SME ถึง “กระทรวงพาณิชย์” จากตั้งรับสู่การ “ขออาวุธ”
ในการประชุม พาณิชย์ หารือ SME ครั้งนี้ ตัวแทนผู้ประกอบการได้ยื่นข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม 5 ข้อ เพื่อขอ “อาวุธ” จากรัฐบาลในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด
- ปฏิรูปการจัดเก็บภาษี E-commerce ข้ามชาติ เรียกร้องให้กรมศุลกากรและกรมสรรพากรมีมาตรการจัดเก็บภาษี (VAT และภาษีนำเข้า) กับสินค้าที่มาจากแพลตฟอร์มต่างชาติทุกชิ้นอย่างเท่าเทียมกับผู้ประกอบการในประเทศ
- มาตรการช่วยเหลือด้านพลังงาน ขอให้รัฐบาลพิจารณาอุดหนุนราคาค่าไฟฟ้าและน้ำมันดีเซลสำหรับกลุ่ม SME เป็นการเฉพาะ
- โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เสนอให้ธนาคารของรัฐออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงินฉุกเฉิน เพื่อเสริมสภาพคล่องและช่วยประคองธุรกิจ
- ส่งเสริมการเข้าถึงตลาดภาครัฐ ผลักดันนโยบาย “Made in Thailand” อย่างจริงจัง โดยกำหนดให้หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจต้องจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการจาก SME ในสัดส่วนที่สูงขึ้น
- เร่งเจรจา FTA และหาตลาดใหม่ ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น ตะวันออกกลางและแอฟริกา เพื่อลดการพึ่งพิงตลาดหลักที่ผันผวน
คำตอบจากรัฐบาล มาตรการเยียวยาระยะสั้นและแผนระยะยาว
ภายหลังการประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้แถลงข่าวถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือ โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ
- มาตรการเร่งด่วน
- รับเรื่องการปฏิรูปภาษี E-commerce ไปหารือกับกระทรวงการคลังโดยด่วน
- เตรียมเสนอ ครม. พิจารณามาตรการช่วยเหลือด้านพลังงานและสินเชื่อฉุกเฉิน
- จัดงานแสดงสินค้าและจับคู่ธุรกิจเพื่อช่วย SME หาตลาดใหม่ทั้งในและต่างประเทศ
- มาตรการระยะยาว
- ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อยกระดับขีดความสามารถของ SME ไทย
- ผลักดันการทำ “National Branding” ให้กับสินค้า SME ไทยเพื่อให้สามารถแข่งขันในด้านคุณภาพและนวัตกรรม แทนการแข่งขันด้านราคา
- ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและ AI ในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
บทวิเคราะห์ ทางรอดของ SME ไทยในวันที่โลกไม่เหมือนเดิม
การประชุม พาณิชย์ หารือ SME ครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น มาตรการที่รัฐบาลนำเสนอแม้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ในระยะสั้น แต่การอยู่รอดในระยะยาวของผู้ประกอบการไทยขึ้นอยู่กับ “การปรับตัว” ครั้งใหญ่
- เปลี่ยนจากการแข่งขันด้านราคาไปสู่ด้านคุณภาพและนวัตกรรม สร้างแบรนด์, สร้างเรื่องราว และสร้างเอกลักษณ์ที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้
- ผสมผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ (Omni-channel) ใช้ประโยชน์จาก E-commerce เพื่อเข้าถึงลูกค้าในวงกว้าง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างประสบการณ์ที่ดีที่หน้าร้าน
- รวมกลุ่มสร้างเครือข่าย SME ต้องหันมารวมกลุ่มกันเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง, ลดต้นทุนจากการสั่งซื้อวัตถุดิบร่วมกัน และแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน
อนาคตของ เศรษฐกิจไทย 2568 และปีต่อๆ ไป ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจฐานรากอย่าง SME การช่วยเหลือจากภาครัฐเป็นสิ่งจำเป็น แต่สุดท้ายแล้ว การอยู่รอดและเติบโตในสมรภูมิที่เปลี่ยนไปนี้ต้องมาจากความสามารถในการปรับตัวและพัฒนาตัวเองของผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทายที่สุดของประเทศไทยในทศวรรษนี้
แหล่งที่มาจาก : am2con