ณ ที่ราบสูงโคราชอันกว้างใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 สมรภูมิรบของผู้ดำรงตำแหน่ง “แม่ทัพภาคที่ 2” ในปัจจุบัน ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยเส้นเขตแดนหรือการเผชิญหน้ากับกองทัพของศัตรูอีกต่อไป แต่เป็น “สงครามหลายมิติ” ที่ซับซ้อนและส่งผลกระทบถึงรากฐานของสังคมไทย ศัตรูในวันนี้คือขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติที่ใช้แม่น้ำโขงเป็นเส้นทาง, ความแปรปรวนของธรรมชาติที่ก่อเกิดวิกฤตภัยแล้งซ้ำซาก และความเปราะบางตามแนวชายแดนที่ต้องบริหารจัดการอย่างมีศิลปะ บทความนี้จะพาไปเจาะลึกภารกิจอันหนักหน่วงของ พลโท สุรศักดิ์ เกรียงไกร (นามสมมติ) แม่ทัพภาคที่ 2 คนปัจจุบัน ผู้นำทัพในสมรภูมิที่ไม่มีเสียงปืน แต่เดิมพันด้วยความมั่นคงและอนาคตของคนอีสานทั้งมวล
กองทัพภาคที่ 2 ผู้พิทักษ์แห่งที่ราบสูงและประตูสู่เพื่อนบ้าน
กองทัพภาคที่ 2 คือหนึ่งในกองกำลังหลักของกองทัพบกไทย มีพื้นที่รับผิดชอบกว้างใหญ่ที่สุด ครอบคลุม 20 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ “ภาคอีสาน” ทั้งหมด ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านถึง 2 ประเทศ คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และราชอาณาจักรกัมพูชา ทำให้ภารกิจของหน่วยไม่ได้มีแค่การป้องกันประเทศ แต่ยังรวมถึงการรักษาความมั่นคงภายใน และการสนับสนุนการพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ในอดีต ภารกิจหลักเน้นไปที่การป้องกันการแทรกซึมของลัทธิคอมมิวนิสต์และการเผชิญหน้าตามแนวชายแดน แต่ในปัจจุบัน ภัยคุกคามได้เปลี่ยนรูปแบบไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้บทบาทของ แม่ทัพภาคที่ 2 ต้องปรับเปลี่ยนตามไปด้วย
สมรภูมิที่ 1 สงครามยาเสพติดบนเส้นทางลำเลียงสายใหม่
นี่คือสงครามที่ดุเดือดและสร้างความเสียหายให้กับสังคมไทยมากที่สุด ภาคอีสานได้กลายเป็น “พื้นที่ลำเลียง” ยาเสพติดล็อตใหญ่มหาศาลจากแหล่งผลิตในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ เพื่อส่งต่อไปยังพื้นที่ตอนในของประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศ
แม่น้ำโขง จาก “แม่น้ำแห่งชีวิต” สู่ “ทางด่วนยาบ้า”
แม่น้ำโขงซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงชีวิตคนในภูมิภาค ได้กลายเป็นช่องทางหลักที่ขบวนการค้ายาเสพติดใช้ในการลักลอบขนยาบ้าและไอซ์เข้ามายังฝั่งไทย โดยอาศัยความยาวของลำน้ำและช่องทางธรรมชาติที่มีอยู่มากมาย
- การปฏิบัติการของกองกำลังสุรนารี หน่วยเฉพาะกิจหลักของ กองทัพภาคที่ 2 ที่รับผิดชอบพื้นที่ชายแดน ต้องทำงานร่วมกับหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) และตำรวจ ในการลาดตระเวนทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติด
- ความท้าทาย ขบวนการค้ายาเสพติดมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบตลอดเวลา ทั้งการใช้เรือหาปลาบังหน้า, การซุกซ่อนมากับสินค้าเกษตร และการใช้เครือข่ายคนในพื้นที่เป็นผู้ลำเลียง ทำให้การจับกุมเป็นไปด้วยความยากลำบาก
สถิติการจับกุมยาเสพติดได้ครั้งละหลายสิบล้านเม็ดในพื้นที่ภาคอีสาน คือเครื่องยืนยันถึงความรุนแรงของปัญหานี้ ซึ่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ต้องบัญชาการและประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ป.ป.ส., ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เพื่อทำสงครามกับเครือข่ายยานรกนี้
สมรภูมิที่ 2 สงครามกับฟ้าฝน การต่อสู้กับภัยแล้งซ้ำซาก
อีกหนึ่งศัตรูตัวฉกาจที่ไม่ได้มาจากน้ำมือมนุษย์คือ “ภัยแล้ง” ภาคอีสานเป็นพื้นที่ที่ต้องเผชิญกับภาวะฝนทิ้งช่วงและความแห้งแล้งรุนแรงเกือบทุกปี ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคเกษตรกรรมซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนส่วนใหญ่ในภูมิภาค
จากรถถังสู่รถน้ำ ภารกิจ “ทหารของประชาชน”
ในยามวิกฤต กองทัพภาคที่ 2 คือหน่วยงานหลักที่มีศักยภาพและความพร้อมในการเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว
- การแจกจ่ายน้ำ กองทัพนำรถบรรทุกน้ำทหารขนาดใหญ่เข้าไปแจกจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในหมู่บ้านที่ขาดแคลนแสนสาหัส
- การขุดลอกแหล่งน้ำ หน่วยทหารช่างเข้าดำเนินการขุดลอกคูคลอง หนองบึงที่ตื้นเขิน เพื่อเพิ่มปริมาณการกักเก็บน้ำให้ได้มากที่สุดก่อนถึงฤดูฝน
- โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ จัดทำโครงการ “โคก หนอง นา โมเดล” และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กในค่ายทหารและพื้นที่โดยรอบ เพื่อเป็นต้นแบบและแหล่งน้ำสำรองให้กับชุมชน
ภารกิจเหล่านี้คือการ “รบเพื่อชนะใจประชาชน” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญของทหารในยุคปัจจุบัน ที่ต้องเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนในทุกโอกาส
“เมื่อประชาชนเดือดร้อน ทหารต้องเป็นคนกลุ่มแรกที่เข้าไปถึง การแก้ปัญหาภัยแล้งไม่ใช่แค่นโยบาย แต่คือหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงของเราในฐานะกองทัพของประชาชน” – ส่วนหนึ่งจากคำกล่าวของ พลโท สุรศักดิ์ เกรียงไกร (นามสมมติ) ในโอกาสลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
สมรภูมิที่ 3 การทูตนำการทหาร รักษาเสถียรภาพชายแดน
แม้ชายแดนด้านลาวและกัมพูชาจะไม่มีการสู้รบที่รุนแรง แต่ก็มีความเปราะบางในมิติอื่นๆ ทั้งปัญหาการลักลอบตัดไม้, การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และปัญหาเส้นเขตแดนที่ยังตกลงกันไม่ได้ในบางจุด
บทบาทของ แม่ทัพภาคที่ 2 ในสมรภูมินี้ คือการเป็น “นักการทูตในเครื่องแบบ”
- คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) แม่ทัพภาคที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการ RBC ฝ่ายไทย ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการพูดคุยและแก้ไขปัญหาร่วมกับผู้บัญชาการทหารในพื้นที่ชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและป้องกันไม่ให้ปัญหาเล็กน้อยบานปลายเป็นความขัดแย้งระดับประเทศ
- การลาดตระเวนร่วม จัดให้มีการลาดตระเวนร่วมกันระหว่างทหารไทยกับทหารลาวและกัมพูชาในบางพื้นที่ เพื่อแสดงถึงความร่วมมือและป้องปรามปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติ
ภายใต้การนำทัพของ พลโท สุรศักดิ์ เกรียงไกร วิสัยทัศน์และแนวทางการทำงาน
พลโท สุรศักดิ์ เกรียงไกร (นามสมมติ) แม่ทัพภาคที่ 2 คนปัจจุบัน ได้วางแนวทางการทำงานโดยเน้นการบูรณาการความร่วมมือและการเข้าถึงปัญหาในระดับพื้นที่ ท่านมักจะลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาจากประชาชนและผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรง และให้นโยบายที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหา 3 ด้านหลักคือ
- ปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง เน้นการทำลายเครือข่ายและตัดเส้นทางการเงิน ไม่ใช่แค่การจับกุมรายย่อย
- บรรเทาภัยแล้งเชิงรุก สั่งการให้หน่วยทหารเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนล่วงหน้า และผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน
- เสริมสร้างความสัมพันธ์ชายแดน ใช้กลไก RBC และการทหารสัมพันธ์ในการสร้างบรรยากาศที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน
บทสรุป ความท้าทายของขุนพลแห่งที่ราบสูง
ตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ในวันนี้ ไม่ได้ต้องการเพียงนายทหารที่มีความสามารถในการรบ แต่ต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล สามารถเข้าใจปัญหาที่ซับซ้อนและหลากหลายของภาคอีสาน ทั้งในมิติความมั่นคง, เศรษฐกิจ, สังคม และสิ่งแวดล้อม
การบัญชาการรบใน “สงครามหลายมิติ” นี้ คือภารกิจที่หนักหน่วงและท้าทายอย่างยิ่ง แต่ความสำเร็จในการรบครั้งนี้ไม่ได้วัดกันที่จำนวนข้าศึกที่เสียชีวิต แต่วัดจากปริมาณยาเสพติดที่ลดลง, ปริมาณน้ำในเขื่อนที่เพิ่มขึ้น และรอยยิ้มของประชาชนที่กลับมามีความสุขและปลอดภัยในแผ่นดินเกิดของตนเอง ซึ่งนี่คือชัยชนะที่แท้จริงของกองทัพภาคที่ 2 และประเทศไทย
แหล่งที่มาจาก : am2con