จุดเดือดชายแดน! ไทยจ่อยื่นหลักฐานฟ้องบอร์ดออตตาวา แฉกัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่

ทุ่นระเบิดไทยกัมพูชา

กรุงเทพมหานคร – ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาที่ดูเหมือนจะราบรื่นในช่วงที่ผ่านมา กำลังเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนที่ตึงเครียดที่สุดในรอบหลายปี เมื่อรัฐบาลไทยประกาศเตรียมยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการต่อคณะกรรมการบริหาร สนธิสัญญาออตตาวา พร้อมหลักฐานชิ้นสำคัญที่บ่งชี้ว่าฝ่ายกัมพูชาได้ลักลอบนำ ทุ่นระเบิดไทยกัมพูชา ชนิดสังหารบุคคลมาวางใหม่ในพื้นที่ ชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งถือเป็นการละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงและเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่และประชาชนชาวไทย

การตัดสินใจยกระดับความขัดแย้งสู่เวทีโลกครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องพิพาทตามแนวชายแดน แต่เป็นการทดสอบความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ บทความวิเคราะห์เชิงลึกนี้จะพาไปเจาะทุกมิติของสถานการณ์ ตั้งแต่การเปิดแฟ้มหลักฐานที่ไทยมีอยู่ในมือ, การทำความเข้าใจว่า สนธิสัญญาออตตาวาคืออะไร มีความสําคัญอย่างไร, ขั้นตอนที่จะเกิดขึ้นต่อไปในเวทีโลก และที่สำคัญที่สุดคือการประเมินอนาคตของ ความสัมพันธ์ไทยกัมพูชา ที่กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย

Ministry of Foreign Affairs briefs Diplomatic Corps and International  Organisations on the landmine situation at the Thailand-Cambodia border,  condemns Cambodia's violation of the Ottawa Convention -  กระทรวงการต่างประเทศ

เปิดแฟ้มลับ หลักฐานมัดตัว…ทุ่นระเบิดมาจากไหน?

การตัดสินใจที่แข็งกร้าวของรัฐบาลไทยไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเลื่อนลอย แต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักฐานที่รวบรวมอย่างรัดกุมตลอดหลายวันที่ผ่านมา โดยมีหน่วยงานหลักคือ กองทัพบก และ TMAC (ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ) เป็นผู้รับผิดชอบ

ตามการแถลงข่าวของโฆษกกระทรวงกลาโหม เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อหน่วยลาดตระเวนของ ทหารพราน ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดสุรินทร์ ได้ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยในบริเวณที่เคยผ่านกระบวนการ เก็บกู้ระเบิด และประกาศเป็นเขตปลอดภัยแล้ว

  • การค้นพบ พบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ “Type 72” จำนวนหลายลูก ถูกฝังในลักษณะที่จงใจให้ตรวจจับได้ยาก
  • การวิเคราะห์ทางเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญจาก TMAC ได้เข้าตรวจสอบและเก็บกู้ พบว่าทุ่นระเบิดดังกล่าวมีสภาพใหม่มาก หมายเลขการผลิต (Lot Number) และลักษณะทางกายภาพบ่งชี้ว่าเพิ่งถูกนำออกจากคลังและนำมาใช้งานเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งขัดแย้งกับทุ่นระเบิดเก่าที่ตกค้างมาจากยุคสงครามเย็น
  • ข้อมูลข่าวกรอง แหล่งข่าวทางทหารระบุว่า ทุ่นระเบิดชนิดนี้เป็นที่ทราบกันดีว่ามีใช้อยู่ในคลังอาวุธของกองทัพกัมพูชา
  • พยานหลักฐานประกอบ ภาพถ่ายทางอากาศและภาพจากโดรนตรวจการณ์แสดงให้เห็นร่องรอยการเข้า-ออกพื้นที่ในเวลากลางคืน ซึ่งไม่สอดคล้องกับกิจกรรมของคนในพื้นที่

“หลักฐานที่เรามี ทั้งทางกายภาพและทางเทคนิค มีความชัดเจนและน่าเชื่อถือเพียงพอที่จะยืนยันได้ว่านี่ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าที่ตกค้าง แต่เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งละเมิดจิตวิญญาณและตัวบทกฎหมายของสนธิสัญญาออตตาวาอย่างปฏิเสธไม่ได้” พลโท ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ กล่าวอย่างหนักแน่น

“สนธิสัญญาออตตาวา” คืออะไร? และทำไมเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก

เพื่อให้เข้าใจความร้ายแรงของสถานการณ์ เราจำเป็นต้องเข้าใจหัวใจของเรื่องนี้ นั่นคือ สนธิสัญญาออตตาวา หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ “อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิต และโอน และว่าด้วยการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล”

  • เป้าหมาย เป็นสนธิสัญญาด้านมนุษยธรรมที่สำคัญที่สุดฉบับหนึ่งของโลก มีเป้าหมายเพื่อยุติการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นอาวุธที่โหดร้ายและไม่เลือกเป้าหมาย เพราะมันยังคงสังหารและสร้างความพิการให้แก่พลเรือนผู้บริสุทธิ์ต่อไปอีกหลายสิบปีหลังสงครามสิ้นสุด
  • พันธกรณี ประเทศที่เป็นภาคีสมาชิก (State Parties) ซึ่งรวมถึง ไทยและกัมพูชา ให้คำมั่นสัญญาว่าจะ
  • ไม่ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยเด็ดขาด
  • ทำลายทุ่นระเบิดที่สะสมไว้ในคลังทั้งหมด
  • เก็บกู้และทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่ฝังอยู่ในดินแดนของตนภายในระยะเวลาที่กำหนด
  • ให้ความช่วยเหลือแก่เหยื่อทุ่นระเบิด
  • ความสำคัญ การที่ประเทศภาคีสมาชิกถูกกล่าวหาว่าละเมิดสนธิสัญญาด้วยการ “วางทุ่นระเบิดใหม่” ถือเป็นการกระทำที่ร้ายแรงที่สุด และเป็นการบ่อนทำลายบรรทัดฐานระหว่างประเทศที่ประชาคมโลกร่วมกันสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องชีวิตมนุษย์

Opinion: Thailand's UN Complaint on Landmines: A Golden Opportunity for  Cambodia to Demand Justice at the ICJ – Khmer Post Asia

ขั้นตอนต่อไป กลไกการตรวจสอบและแรงกดดันระหว่างประเทศ

ไทยจะดำเนินการอย่างไรกับกัมพูชาเรื่องทุ่นระเบิด? ไม่ใช่การใช้กำลังตอบโต้ แต่เป็นการใช้กลไกทางกฎหมายและเวทีการทูตระหว่างประเทศตามที่ระบุไว้ในสนธิสัญญา

  • การยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการ กระทรวงการต่างประเทศของไทยจะยื่นคำร้องขอ “คำชี้แจง” (Request for Clarification) อย่างเป็นทางการไปยังรัฐบาลกัมพูชาผ่านช่องทางการทูต
  • การรายงานต่อ ISU พร้อมกันนั้น ไทยจะยื่นรายงานโดยละเอียดพร้อมพยานหลักฐานทั้งหมดไปยัง ISU (Implementation Support Unit) ซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุนการปฏิบัติตามพันธกรณีของสนธิสัญญา
  • กระบวนการค้นหาความจริง (Fact-Finding Mission) หากคำชี้แจงของกัมพูชาไม่เป็นที่น่าพอใจ ไทยมีสิทธิ์ร้องขอให้มีการจัดตั้ง “คณะผู้แทนค้นหาความจริง” ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติ เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจะต้องได้รับความยินยอมจากกัมพูชา
  • การประชุมรัฐภาคี เรื่องนี้จะถูกหยิบยกขึ้นเป็นวาระสำคัญในการประชุมประจำปีของรัฐภาคีสมาชิกสนธิสัญญาออตตาวา ซึ่งจะสร้างแรงกดดันทางการทูตอย่างมหาศาลต่อกัมพูชา
  • มาตรการตอบโต้ แม้สนธิสัญญาจะไม่มีบทลงโทษทางทหาร แต่ประเทศที่ถูกตัดสินว่าละเมิดพันธกรณีอาจเผชิญมาตรการคว่ำบาตรจากนานาชาติ หรือถูกตัดความช่วยเหลือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการเก็บกู้ระเบิด

บนเส้นด้าย ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา บนทางแยกแห่งความท้าทาย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเผชิญหน้าทางการทูตครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อ ความสัมพันธ์ไทยกัมพูชา ที่มีความซับซ้อนเป็นทุนเดิม

จากสนามรบเก่าสู่ความขัดแย้งใหม่

พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณใกล้เคียงพื้นที่พิพาทอย่าง ปราสาทพระวิหาร เคยเป็นสมรภูมิที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดและความขัดแย้ง แม้ในปัจจุบันจะมีความร่วมมือทางเศรษฐกิจ แต่ความหวาดระแวงและความขัดแย้งเรื่องเขตแดนยังคงเป็น “เชื้อไฟ” ที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ การกระทำครั้งนี้ หากเป็นฝีมือของฝ่ายกัมพูชาจริง ก็เท่ากับเป็นการรื้อฟื้นบาดแผลเก่าและสร้างความไม่ไว้วางใจครั้งใหม่ที่ยากจะเยียวยา

ผลกระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจชายแดน

สถานการณ์ล่าสุดชายแดนไทยกัมพูชา ที่ตึงเครียดขึ้น จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนทั้งสองฝั่ง

  • ความปลอดภัยในชีวิต เกษตรกรและชาวบ้านที่เคยทำมาหากินในพื้นที่ใกล้ชายแดน จะไม่กล้าเดินทางเข้าไปอีกต่อไปเพราะกลัวอันตราย
  • เศรษฐกิจชายแดน การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวบริเวณจุดผ่านแดนอาจชะลอตัวลงจากความไม่แน่นอนและความกังวลด้านความปลอดภัย
  • โครงการความร่วมมือหยุดชะงัก โครงการพัฒนาพื้นที่ชายแดนร่วมกันอาจต้องหยุดชะงักลง ซึ่งส่งผลเสียต่อทั้งสองประเทศในระยะยาว

Bangkok Post - Landmine clearing starts near Cambodian border

บทสรุป บทพิสูจน์ความยุติธรรมและอนาคตของเพื่อนบ้าน

การค้นพบ ทุ่นระเบิดไทยกัมพูชา ที่ถูกนำมาวางใหม่ คือสถานการณ์ที่ร้ายแรงและน่าเศร้าใจอย่างยิ่ง เป็นการกระทำที่สวนกระแสโลกที่กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างสันติภาพและขจัดอาวุธที่ไร้มนุษยธรรมเหล่านี้ให้หมดไป

การตัดสินใจของไทยในการนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการของ สนธิสัญญาออตตาวา คือหนทางที่ถูกต้องและเป็นไปตามหลักนิติธรรมระหว่างประเทศ นี่คือบททดสอบสำคัญของกลไกสนธิสัญญา ว่าจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อค้นหาความจริงและนำผู้กระทำผิดมารับผิดชอบได้หรือไม่

ขณะเดียวกัน โลกกำลังจับตามองท่าทีของกัมพูชาว่าจะให้ความร่วมมือในการพิสูจน์ความจริงมากน้อยเพียงใด อนาคตของ ความสัมพันธ์ไทยกัมพูชา นับจากนี้ จะขึ้นอยู่กับความจริงใจและความรับผิดชอบต่อพันธสัญญาที่ให้ไว้กับประชาคมโลก ซึ่งผลลัพธ์ของเรื่องนี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางสันติภาพและความมั่นคงตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศไปอีกนานหลายปี

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *