เปียงยาง/วอชิงตัน – ในการเคลื่อนไหวที่สั่นสะเทือนเวทีการเมืองโลกและเปลี่ยนพลวัตของสงครามในยุโรปไปอย่างสิ้นเชิง คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ได้ใช้สื่อของรัฐเป็นเครื่องมือประกาศอย่างเป็นทางการครั้งแรก เพื่อสดุดี “วีรกรรม” ของ ทหารเกาหลีเหนือในรัสเซีย ที่กำลังปฏิบัติภารกิจเคียงบ่าเคียงไหล่กับกองทัพมอสโก ถ้อยแถลงที่เต็มไปด้วยวาทกรรมโฆษณาชวนเชื่อนี้ ไม่เพียงเป็นการยืนยันรายงานของหน่วยข่าวกรองชาติตะวันตกที่เกาหลีเหนือปฏิเสธมาตลอด แต่ยังเป็นการ “เปิดหน้า” ยกระดับการแทรกแซงของเปียงยางใน สงครามยูเครน จากบทบาทผู้สนับสนุนด้านยุทโธปกรณ์สู่การเป็นผู้มีส่วนร่วมด้วยกำลังพลอย่างเต็มรูปแบบ การตัดสินใจที่บ้าบิ่นครั้งนี้ได้ส่งสัญญาณเตือนภัยระดับสูงสุดไปยังสหรัฐฯ และพันธมิตร ว่าโลกกำลังเผชิญกับแกนอำนาจใหม่ที่พร้อมท้าทายระเบียบโลก และอาจลากความขัดแย้งให้ขยายวงจากสมรภูมิยุโรปตะวันออกสู่คาบสมุทรเกาหลีที่ตึงเครียดอยู่แล้ว
จากข่าวกรองสู่การยอมรับ เจาะลึกภารกิจทหารเกาหลีเหนือในยูเครน
เป็นเวลาหลายเดือนที่ข่าวลือและรายงานจากหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, และเกาหลีใต้ ได้ชี้ตรงกันว่าเกาหลีเหนือได้เริ่มส่งกำลังพลเข้าไปยังรัสเซีย แต่ทั้งเปียงยางและมอสโกต่างออกมาปฏิเสธเสียงแข็งมาโดยตลอด จนกระทั่งสำนักข่าวกลางเกาหลี หรือ KCNA ได้เผยแพร่บทบรรณาธิการพิเศษตามคำสั่งของ คิมจองอึน โดยมีเนื้อหายกย่องเชิดชูสิ่งที่เรียกว่า “จิตวิญญาณสากลนิยมอันสูงส่งและภราดรภาพในสนามรบ” ของทหารกองทัพประชาชนเกาหลี
คำถามที่หลายคนอยากรู้คือ เกาหลีเหนือส่งทหารไปยูเครนจริงหรือไม่? คำตอบจากเปียงยางในวันนี้คือ “ใช่” และพวกเขากำลังภูมิใจกับมันอย่างยิ่ง
รายงานของ KCNA ระบุว่า ทหารเกาหลีเหนือได้แสดงให้โลกเห็นถึง “ความแข็งแกร่งที่มิอาจทำลายได้” และสมกับเป็น “กองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” แม้จะไม่ได้ระบุจำนวนตัวเลขที่แน่ชัดหรือพื้นที่ปฏิบัติการ แต่แหล่งข่าวกรองตะวันตกประเมินว่ามี ทหารเกาหลีเหนือในรัสเซีย แล้วไม่ต่ำกว่า 10,000 ถึง 15,000 นาย โดยแบ่งภารกิจออกเป็นระยะต่างๆ
บทบาทในสนามรบ เป็นเพียง “หน่วยช่าง” หรือ “กองกำลังรบ” เต็มตัว?
อีกหนึ่งคำถามสำคัญคือ ทหารเกาหลีเหนือทำหน้าที่อะไรในรัสเซีย? ในช่วงแรก มีการวิเคราะห์ว่าเกาหลีเหนือจะส่งเพียงหน่วยทหารช่างและแรงงานก่อสร้างเข้าไปยังพื้นที่ยึดครองในแคว้นโดเนตสค์และลูฮันสค์ เพื่อช่วยฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกทำลาย แลกกับรายได้เงินตราต่างประเทศและเทคโนโลยีทางทหารจากรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดจากคำแถลงของคิมจองอึนและการวิเคราะห์ของชาติตะวันตกบ่งชี้ว่าบทบาทของพวกเขามีมากกว่านั้น
- หน่วยทหารช่าง (Engineer Corps) ปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิด, ซ่อมแซมเส้นทางส่งกำลังบำรุง, และสร้างแนวป้องกันและบังเกอร์ ซึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระของกองทัพรัสเซียและทำให้ทหารรัสเซียสามารถถูกส่งไปยังแนวหน้าได้มากขึ้น
- หน่วยปืนใหญ่ (Artillery Units) มีความเป็นไปได้สูงที่เกาหลีเหนือจะส่งผู้เชี่ยวชาญด้านปืนใหญ่ไปช่วยปฏิบัติการและฝึกสอนการใช้ อาวุธเกาหลีเหนือ จำนวนมหาศาลที่ถูกส่งให้รัสเซียก่อนหน้านี้
- หน่วยรบพิเศษ (Special Forces) รายงานที่น่ากังวลที่สุดคือการส่งหน่วยรบพิเศษที่มีประสบการณ์และมีความภักดีสูงเข้าร่วมปฏิบัติการในแนวหน้า แม้จะยังไม่มีภาพถ่ายยืนยัน แต่การใช้คำว่า “สหายร่วมรบ” และ “วีรกรรมในสนามเพลาะ” ของคิมจองอึน ก็ชี้นำไปในทิศทางนั้น
การส่งกำลังพลเข้าไปในสมรภูมิโดยตรง ถือเป็นการยกระดับ ความสัมพันธ์รัสเซีย-เกาหลีเหนือ ขึ้นไปอีกขั้น และเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่หลวงของคิมจองอึน
“แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” วาทกรรมของคิมจองอึนมีความหมายว่าอย่างไร?
การใช้ถ้อยคำที่ยิ่งใหญ่เกินจริงเป็นเรื่องปกติของระบอบการปกครองเปียงยาง แต่วาทกรรม “กองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” ในบริบทนี้ มีความหมายซ้อนเร้นหลายประการ
- โฆษณาชวนเชื่อภายในประเทศ สร้างความภาคภูมิใจและตอกย้ำภาพลักษณ์ของกองทัพที่เกรียงไกรให้แก่ประชาชนชาวเกาหลีเหนือ เพื่อกลบเกลื่อนปัญหาเศรษฐกิจและความยากลำบากภายในประเทศ
- การตลาดอาวุธและการทหาร เป็นการ “โฆษณา” ประสิทธิภาพของทหารและอาวุธเกาหลีเหนือบนเวทีโลก เพื่อดึงดูดลูกค้าที่เป็นรัฐปรปักษ์กับสหรัฐฯ ในอนาคต
- ส่งสารท้าทายสหรัฐฯ เป็นการประกาศอย่างไม่เกรงกลัวว่า กองทัพของเขาไม่เพียงแต่พร้อมจะปกป้องประเทศ แต่ยังสามารถปฏิบัติการในสงครามตัวแทน (Proxy War) ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโลกได้ ซึ่งเป็นการท้าทายอำนาจของสหรัฐฯ โดยตรง
ผลกระทบต่อสมรภูมิยูเครนและคาบสมุทรเกาหลี
การเข้ามาของทหารเกาหลีเหนือจะส่งผลกระทบในสองพื้นที่พร้อมกันอย่างมีนัยสำคัญ
- ในยูเครน แม้ทหารเกาหลีเหนืออาจไม่ได้เปลี่ยนผลของสงครามได้ในทันที แต่การมีกำลังพลที่ “สด” และมีระเบียบวินัยสูงเข้ามาเสริมทัพที่อ่อนล้าของรัสเซีย จะช่วยให้รัสเซียสามารถรักษาแนวรบและยืดเยื้อสงครามออกไปได้อีกนาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยูเครนและพันธมิตรตะวันตกกังวลมากที่สุด ผลกระทบต่อสงครามยูเครนเมื่อเกาหลีเหนือเข้าร่วม คือการทำให้สงครามซับซ้อนและยากที่จะหาทางออกทางการทูตมากขึ้น
- ในคาบสมุทรเกาหลี การกระทำครั้งนี้ได้ทำลายสมดุลที่เปราะบางในภูมิภาคลงอย่างสิ้นเชิง เกาหลีใต้และกองกำลังสหรัฐฯ ในเกาหลี (USFK) จะต้องประเมินภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือใหม่ทั้งหมด เพราะนี่คือข้อพิสูจน์ว่าเปียงยางพร้อมที่จะใช้กำลังทหารนอกคาบสมุทร และได้รับ “ประสบการณ์จริง” จากสนามรบที่โหดร้ายที่สุดแห่งหนึ่งของโลกยุคใหม่
ปฏิกิริยาโลก สหรัฐฯ-เกาหลีใต้กร้าว จีนเล่นบทนิ่งสงบ
ท่าทีของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ เป็นไปอย่างดุดันและพร้อมเพรียงกัน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ได้ออกแถลงการณ์ร่วมประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและ มติคว่ำบาตร UN อย่างชัดแจ้ง พร้อมทั้งประกาศว่าจะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อบุคคลและหน่วยงานของเกาหลีเหนือและรัสเซียที่เกี่ยวข้อง และอาจมีการยกระดับการซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่ในคาบสมุทรเกาหลีเพื่อเป็นการป้องปราม
ในขณะที่จีน ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญอีกรายของทั้งสองประเทศ ยังคงสงวนท่าที โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเพียงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้นและหาทางแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจา ซึ่งเป็นท่าทีที่นักวิเคราะห์มองว่าจีนกำลังพยายามรักษาระยะห่างจากความขัดแย้งที่บานปลายนี้
(บทสรุป/Conclusion)
การที่ คิมจองอึน ยอมรับอย่างเปิดเผยถึงบทบาทของ ทหารเกาหลีเหนือในรัสเซีย ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่อันตรายและไม่อาจหวนกลับได้ มันได้ฉีกหน้ากากแห่งการปฏิเสธและลากเกาหลีเหนือเข้ามาเป็นตัวแสดงหลักใน สงครามยูเครน อย่างเต็มตัว การกระทำนี้ไม่เพียงแต่จะยืดเยื้อความขัดแย้งในยุโรป แต่ยังเป็นการนำเข้า “ความเสี่ยง” และ “ประสบการณ์” จากสนามรบกลับสู่คาบสมุทรเกาหลี ซึ่งอาจทำให้การคำนวณทางทหารของทุกฝ่ายผิดพลาดได้ง่ายขึ้น
โลกกำลังเฝ้าจับตาว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรจะตอบโต้การท้าทายครั้งนี้อย่างไร เพราะการปล่อยให้การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้งนี้ผ่านไปโดยไม่มีผลลัพธ์ที่รุนแรง อาจเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดไปยังรัฐอื่นๆ ที่กำลังจับตามองสถานการณ์นี้อยู่เช่นกัน สมรภูมิยูเครนและคาบสมุทรเกาหลีได้ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แล้ว และสันติภาพของโลกก็แขวนอยู่บนเส้นด้ายที่เปราะบางยิ่งกว่าเดิม
แหล่งที่มาจาก : am2con