ไต้หวันทุบเพดาน! ทุ่มงบกลาโหมทะลุ 3% GDP เดิมพันสูงสุดรับมือภัยคุกคามจีน ยกระดับ “ยุทธศาสตร์เม่น” เต็มรูปแบบ

งบประมาณกลาโหมไต้หวัน

ไทเป – ท่ามกลางคลื่นลมและแรงกดดันทางทหารจากปักกิ่งที่โหมกระหน่ำรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ รัฐบาลไต้หวันภายใต้การนำของประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ กำลังจะตัดสินใจครั้งเดิมพันสูงสุด ด้วยการเตรียมเสนอ งบประมาณกลาโหมไต้หวัน ประจำปี 2026 ให้มีมูลค่าทะยานเกินเพดาน 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ การเคลื่อนไหวเชิงยุทธศาสตร์ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเพิ่มตัวเลขในกระดาษ แต่คือ “การประกาศเจตนารมณ์” ที่ชัดเจนที่สุดถึงความมุ่งมั่นในการป้องกันตนเอง และเป็นการจุดชนวนการปฏิรูป กองทัพไต้หวัน ครั้งใหญ่ เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ยุทธศาสตร์การป้องกันแบบ สงครามสมมาตร เต็มรูปแบบ ท่ามกลางสถานการณ์ ความมั่นคงช่องแคบไต้หวัน ที่เปราะบางและพร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ

Taiwan's 2026 defence budget to exceed 3% of GDP as US presses spending  increase | The Straits Times

ทำไม 3% GDP จึงเป็น “ตัวเลขมหัศจรรย์” ด้านความมั่นคงของไต้หวัน?

เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ตัวเลขสัดส่วนงบประมาณกลาโหมต่อ GDP ของไต้หวันวนเวียนอยู่ระหว่าง 2-2.5% แม้จะมีการเรียกร้องจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา ให้ไต้หวันเพิ่มการลงทุนด้านการป้องกันตนเองให้มากขึ้น แต่เพดานดังกล่าวยังไม่เคยถูกทำลายลงอย่างเป็นทางการ การที่รัฐบาลชุดใหม่ของประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ เลือกที่จะผลักดันตัวเลขนี้ให้ผ่านระดับ 3% จึงมีความหมายเชิงสัญลักษณ์และเชิงปฏิบัติที่สำคัญยิ่ง

  • การส่งสัญญาณทางการเมือง การทุ่มงบประมาณระดับนี้เป็นการส่งสารที่ชัดเจนและแข็งกร้าวไปยังพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่า ไต้หวันมีความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงที่จะปกป้องวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยและอธิปไตยของตนเอง และพร้อมที่จะจ่ายในราคาที่สูงเพื่อรับประกันความอยู่รอด
  • การสร้างความเชื่อมั่นต่อพันธมิตร สำหรับสหรัฐฯ และพันธมิตรอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น การที่ไต้หวันแสดงให้เห็นถึงความพยายามช่วยเหลือตนเองอย่างเต็มที่ (Self-help) เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจให้ความช่วยเหลือและการสนับสนุนทางการทหาร การ เพิ่มงบกลาโหม เป็นการแสดงให้วอชิงตันเห็นว่าไต้หวันคือพันธมิตรที่จริงจัง ไม่ใช่เพียงรอรับความช่วยเหลือแต่เพียงฝ่ายเดียว
  • ความจำเป็นทางยุทธศาสตร์ การเผชิญหน้ากับกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) ซึ่งมีขนาดและงบประมาณใหญ่กว่าหลายเท่าตัว ทำให้ไต้หวันไม่สามารถแข่งขันแบบสมมาตร (Symmetric) หรือแบบ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” ได้อีกต่อไป การเพิ่มงบประมาณจึงจำเป็นอย่างยิ่งในการจัดหาและพัฒนาอาวุธที่สามารถสร้างความได้เปรียบแบบอสมมาตรได้

คำถามสำคัญที่หลายคนอยากรู้คือ ไต้หวันเพิ่มงบประมาณกลาโหมเพื่ออะไร? คำตอบนั้นซับซ้อนกว่าแค่การซื้อรถถังหรือเรือรบ แต่มันคือการลงทุนเพื่อ “ซื้อเวลา” และ “เพิ่มต้นทุน” ให้กับฝ่ายรุกรานจนถึงจุดที่ไม่อาจยอมรับได้

Island Defence: Assessing Taiwan's Military Capabilities - Modern Diplomacy

เจาะไส้ในงบประมาณ เงินมหาศาลจะถูกใช้ไปกับอะไร?

เม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นจาก งบประมาณกลาโหมไต้หวัน ที่ทะลุ 3% ของ GDP จะไม่ถูกใช้ไปกับการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่ราคาแพงแบบดั้งเดิมเพียงอย่างเดียว แต่จะถูกจัดสรรอย่างมีเป้าหมายเพื่อเร่งรัดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ ยุทธศาสตร์เม่น (Porcupine Strategy) ซึ่งเน้นการทำให้ไต้หวันเป็นเป้าหมายที่ “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” สำหรับกองทัพจีน โดยงบประมาณจะมุ่งเน้นไปที่

  • กองทัพโดรนและยานไร้คนขับ
  • โดรนสอดแนมและโจมตี พัฒนาและจัดซื้อโดรนทางอากาศและทางทะเลจำนวนหลายพันลำ เพื่อใช้ในการเฝ้าระวัง, ชี้เป้า, และโจมตีแบบฝูง (Swarm attacks) ต่อกองเรือยกพลขึ้นบกของจีน
  • โดรนพลีชีพ (Loitering Munitions) จัดหาโดรนที่สามารถบินวนรอเป้าหมายและพุ่งเข้าโจมตีได้อย่างแม่นยำ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงในสงครามยูเครน
  • ขีปนาวุธจำนวนมหาศาล
  • ขีปนาวุธต่อต้านเรือ เพิ่มจำนวนขีปนาวุธ Hsiung Feng II/III และ Harpoon เพื่อสร้าง “เขตสังหาร” (Kill Zone) ในช่องแคบไต้หวัน
  • ขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ จัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบเคลื่อนที่ เช่น NASAMS และเสริมความแข็งแกร่งของระบบ Patriot เพื่อรับมือกับการโจมตีทางอากาศและขีปนาวุธจากจีน
  • ขีปนาวุธร่อนพิสัยไกล เร่งพัฒนาขีปนาวุธร่อนที่สามารถโจมตีเป้าหมายในจีนแผ่นดินใหญ่ได้ เพื่อสร้างอำนาจการป้องปรามเชิงรุก
  • สงครามไซเบอร์และอิเล็กทรอนิกส์ จัดตั้งหน่วยงานและลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อป้องกันโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของชาติจากการโจมตีทางไซเบอร์ และพัฒนาขีดความสามารถในการก่อกวนระบบสื่อสารและบัญชาการของกองทัพจีน
  • การเสริมสร้างกำลังสำรอง ปรับปรุงระบบการฝึกกำลังสำรองให้มีประสิทธิภาพและพร้อมรบมากขึ้น เพื่อให้สามารถระดมพลป้องกันประเทศได้อย่างรวดเร็วหากเกิดการรุกรานขึ้นจริง

การลงทุนเหล่านี้คือหัวใจของ สงครามสมมาตร ที่ไม่ได้วัดชัยชนะจากการยึดครองพื้นที่ แต่วัดจากการสร้างความเสียหายให้ฝ่ายตรงข้ามจนไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ทางทหารได้

งบกลาโหมไต้หวันเทียบกับจีน ความจริงที่ต้องเผชิญ

แม้การเพิ่มงบประมาณทะลุ 3% ของ GDP จะเป็นก้าวที่สำคัญ แต่เมื่อนำ งบกลาโหมไต้หวันเทียบกับจีน แล้ว ยังคงเห็นภาพความแตกต่างอย่างมหาศาล ในปี 2025 งบประมาณกลาโหมอย่างเป็นทางการของจีนมีมูลค่าสูงกว่า 230,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่งบประมาณ 3% ของ GDP ไต้หวัน อาจมีมูลค่าประมาณ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือต่างกันเกือบ 10 เท่า

ความแตกต่างนี้ตอกย้ำว่าไต้หวันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดและมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีที่สามารถสร้างความได้เปรียบเฉพาะทางได้ การแข่งขันด้านจำนวนเรือรบหรือเครื่องบินจึงเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง และหันมาให้ความสำคัญกับคุณภาพ, ความคล่องตัว, และความสามารถในการอยู่รอดของยุทโธปกรณ์แทน

Taiwan unveils record defence budget amid tensions with China | Military  News | Al Jazeera

ปฏิกิริยาจากปักกิ่งและวอชิงตัน สองมหาอำนาจมองเกมนี้อย่างไร?

การตัดสินใจของไต้หวันส่งแรงกระเพื่อมโดยตรงไปยังสองเมืองหลวงที่สำคัญที่สุดในโลก

  • ปักกิ่ง คาดการณ์ได้ว่ารัฐบาลจีนจะออกมาประณามการเพิ่มงบประมาณของไต้หวันอย่างรุนแรง โดยอาจกล่าวหาว่าเป็น “การกระทำที่ยั่วยุ”, “การสมคบคิดกับกองกำลังต่างชาติ (สหรัฐฯ)”, และ “การเดินหน้าสู่หนทางแห่งการแบ่งแยกดินแดน” ซึ่งอาจตามมาด้วยการซ้อมรบหรือกิจกรรมทางทหารที่มีความเข้มข้นสูงขึ้นบริเวณรอบเกาะไต้หวัน เพื่อเป็นการแสดงแสนยานุภาพและส่งคำขู่
  • วอชิงตัน ในทางตรงกันข้าม สหรัฐฯ จะแสดงความยินดีต่อการตัดสินใจครั้งนี้ ท่าทีของสหรัฐฯ ต่อการทหารไต้หวัน คือการสนับสนุนให้ไต้หวันมีความสามารถในการป้องกันตนเองที่เข้มแข็ง การเพิ่มงบประมาณนี้สอดคล้องกับสิ่งที่สหรัฐฯ ผลักดันมาโดยตลอด และจะช่วยให้การประสานงานด้านความมั่นคงและการขายอาวุธภายใต้กฎหมาย Taiwan Relations Act เป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

สำหรับ ผลกระทบการเพิ่มงบกลาโหมต่อเศรษฐกิจไต้หวัน นั้นเป็นประเด็นที่น่าจับตา แม้จะมีการถกเถียงว่าอาจเป็นการเบียดบังงบประมาณจากภาคส่วนอื่น เช่น สาธารณสุขหรือการศึกษา แต่ฝ่ายสนับสนุนมองว่า การลงทุนด้านความมั่นคงคือการลงทุนเพื่อรับประกันความอยู่รอดของระบบเศรษฐกิจทั้งหมด หากไม่มีความมั่นคง การพัฒนาในด้านอื่นๆ ก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้

(บทสรุป/Conclusion)

การที่ไต้หวันเตรียมทุ่ม งบประมาณกลาโหมไต้หวัน ให้ทะลุเพดาน 3% ของ GDP ในปี 2026 ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์ที่สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างถ่องแท้ต่อสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นี่ไม่ใช่เพียงการตอบสนองต่อ ภัยคุกคามจากจีน ที่เพิ่มขึ้น แต่คือการปรับกระบวนทัศน์เชิงรุกเพื่อกำหนดอนาคตและความอยู่รอดของตนเอง

เม็ดเงินมหาศาลที่จะถูกอัดฉีดเข้าไปในระบบ จะเป็นตัวเร่งสำคัญในการปฏิรูป กองทัพไต้หวัน และยกระดับ ยุทธศาสตร์เม่น ให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม แม้หนทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งจากแรงกดดันภายนอกและข้อถกเถียงภายใน แต่ก้าวที่กล้าหาญครั้งนี้ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปทั่วโลกว่า สำหรับไต้หวันแล้ว “สันติภาพต้องตั้งอยู่บนความเข้มแข็ง” และพวกเขาพร้อมที่จะจ่ายทุกราคาเพื่อปกป้องเสรีภาพและประชาธิปไตยของตนเองในสมรภูมิที่ร้อนระอุที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *