แม้ปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ในปอยเปตและสีหนุวิลล์โดยความร่วมมือระหว่างประเทศในช่วงปีที่ผ่านมา จะสร้างความหวังว่าฝันร้ายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์กัมพูชา” กำลังจะสิ้นสุด แต่รายงานล่าสุดจากหน่วยงานต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติได้ดับความหวังนั้นลงอย่างสิ้นเชิง เมื่อพบว่าเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่ ‘ย้ายบ้าน’ ไปยังฐานที่มั่นแห่งใหม่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-เวียดนาม พร้อมกลับมาหลอกลวงคนไทยด้วยรูปแบบที่แยบยลและซับซ้อนกว่าเดิม ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่านี่คือองค์กรอาชญากรรมที่เปรียบเสมือน “ไฮดรา” ในเทพปกรณัมกรีก ที่เมื่อถูกตัดหัวหนึ่งไป ก็จะมีหัวใหม่งอกขึ้นมาเสมอ บทความนี้จะพาไปเปิดแผนที่ใหม่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และวิเคราะห์ถึงความท้าทายครั้งใหม่ที่ทางการไทยและคนไทยทุกคนต้องเผชิญ
จาก “ปอยเปต-สีหนุวิลล์” สู่ “บาวีต-ជ្រៃធំ” เปิดแผนที่ใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์
หลังจากการ ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่างหนักในเมือง ปอยเปต และ สีหนุวิลล์ ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางใหญ่ของ อาชญากรรมไซเบอร์ ในภูมิภาค รายงานล่าสุดชี้ว่านายทุนจีนเทาและเครือข่ายต่างๆ ได้ย้ายฐานปฏิบัติการไปยังพื้นที่ “สีเทา” แห่งใหม่ โดยมีจุดหมายปลายทางหลักคือ
- เมืองบาวีต (Bavet), จังหวัดสวายเรียง เมืองกาสิโนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับด่านหมกบ่ายของเวียดนาม เป็นเมืองเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ที่มีการลงทุนจากต่างชาติจำนวนมาก มีตึกสูงและคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ที่เอื้อต่อการตั้งฐานปฏิบัติการที่ยากต่อการตรวจสอบ
- เมืองជ្រៃធំ (Chrey Thom), จังหวัดกันดาล เมืองชายแดนอีกแห่งที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มีกาสิโนและโรงแรมเกิดขึ้นใหม่จำนวนมาก และอยู่ไม่ไกลจากกรุงพนมเปญ
ทำไมต้องเป็นที่นี่?
- โครงสร้างพื้นฐานพร้อม มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและระบบไฟฟ้าที่เสถียร ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการก่ออาชญากรรมออนไลน์
- ช่องโหว่ทางกฎหมาย การเป็นเมืองเศรษฐกิจพิเศษหรือพื้นที่กาสิโน ทำให้การบังคับใช้กฎหมายจากส่วนกลางเข้าไปตรวจสอบได้ยาก
- เส้นทางโลจิสติกส์ใหม่ การอยู่ใกล้เวียดนามทำให้สามารถเข้าถึงแหล่ง recruitment ใหม่ๆ และมีเส้นทางในการขนย้ายคนและอุปกรณ์ที่หลากหลายขึ้น
การย้ายฐานครั้งนี้ไม่ใช่การหนีแบบหัวซุกหัวซุน แต่เป็นการย้ายเชิงยุทธศาสตร์ที่ผ่านการวางแผนมาอย่างดี
ยุทธวิธี “ไฮดรา” ทำไมปราบเท่าไหร่ก็ไม่หมดสิ้น?
การที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงอยู่รอดและเติบโตได้ มาจากยุทธวิธีการปรับตัวที่น่ากลัวหลายประการ
1. การใช้ประโยชน์จาก “พื้นที่สีเทา” (Exploiting “Grey Zones”)
เครือข่ายเหล่านี้ไม่ได้ตั้งฐานในเมืองธรรมดา แต่จะเลือกพื้นที่ที่มีการกำกับดูแลที่อ่อนแอ เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษ, เมืองกาสิโน หรือพื้นที่ที่กลุ่มอิทธิพลท้องถิ่นให้ความคุ้มครอง ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้อย่างเต็มที่
2. การปรับตัวทางเทคโนโลยี (Technological Adaptation)
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปัจจุบันมีวิวัฒนาการไปไกลมาก
- AI Voice Cloning ใช้ AI ปลอมแปลงเสียงเป็นคนรู้จักเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
- Deepfake Video Call สร้างวิดีโอคอลปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานรัฐ
- Cryptocurrency ใช้สกุลเงินดิจิทัลในการฟอกเงิน ทำให้การติดตามเส้นทางการเงินทำได้ยากยิ่งขึ้น
3. ปัญหาการค้ามนุษย์ เชื้อเพลิงที่ไม่เคยหมด
หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจสีเทานี้คือการค้ามนุษย์ โดยหลอกลวงคนจากหลากหลายประเทศ รวมถึง คนไทยถูกหลอกไปทำงานกัมพูชา ด้วยข้อเสนอตำแหน่งงานรายได้ดี เช่น แอดมิน หรือฝ่ายการตลาดออนไลน์ แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับให้ทำงานเป็นนักต้มตุ๋น หากทำยอดไม่ได้ก็จะถูกทุบตี, กักขัง หรือขายต่อไปยังแก๊งอื่น วังวนนี้ทำให้พวกเขามี “พนักงาน” ที่สิ้นหวังและถูกบังคับมาเติมอยู่เสมอ
ความท้าทายของทางการไทย เมื่ออาชญากรอยู่นอกบ้าน
แม้ ตำรวจไซเบอร์ (บช.สอท.) และ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ของไทยจะทำงานอย่างหนัก แต่การปราบปรามก็เผชิญกับความท้าทายใหญ่หลวง
- ขอบเขตอำนาจทางกฎหมาย ตำรวจไทยไม่สามารถเข้าไปดำเนินการจับกุมในประเทศอื่นได้โดยตรง ต้องอาศัยความร่วมมือจากตำรวจกัมพูชา ซึ่งบางครั้งอาจล่าช้าหรือไม่ได้รับความร่วมมือเต็มที่ในพื้นที่อิทธิพล
- การอายัด “บัญชีม้า” แม้จะมีการอายัดบัญชีม้าในไทย แต่แก๊งเหล่านี้ก็ปรับตัวโดยใช้บัญชีม้าของชาติอื่น หรือใช้คริปโตเคอร์เรนซีในการโอนเงิน ทำให้การสกัดกั้นทำได้ยากขึ้น
- การช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ กระบวนการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานมีความซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการประสานงาน ทำให้เหยื่อต้องทนทุกข์ทรมานเป็นเวลานาน
รู้ทันก่อนตกเป็นเหยื่อ กลโกงล่าสุดและวิธีป้องกัน (ประจำปี 2568)
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการสร้าง “วัคซีนดิจิทัล” ให้กับตัวเองและคนรอบข้าง นี่คือกลโกงล่าสุดและ วิธีป้องกันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2568 ที่ทุกคนต้องรู้
กลโกงยอดฮิต
- แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ยังคงเป็นวิธีคลาสสิก แต่แนบเนียนขึ้นด้วยการใช้ Deepfake วิดีโอคอล หรือส่งเอกสารราชการปลอมที่มีตราครุฑเหมือนจริง
- หลอกให้รักออนไลน์ (Hybrid Scam) สร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว ก่อนจะชวนลงทุนในแพลตฟอร์มปลอม
- หลอกทำงานเสริมออนไลน์ เสนองานง่ายๆ เช่น กดไลก์ กดแชร์ โดยให้ผลตอบแทนดีในช่วงแรก ก่อนจะหลอกให้โอนเงินลงทุนเพิ่มเพื่อทำงานที่ใหญ่ขึ้น
- ส่ง SMS หรือลิงก์ปลอม อ้างว่ามาจากธนาคาร, บริษัทขนส่ง, หรือกรมสรรพากร เพื่อหลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัวหรือติดตั้งแอปดูดเงิน
วิธีป้องกัน
- ไม่เชื่อ เอะใจไว้ก่อนเสมอเมื่อมีคนแปลกหน้าติดต่อมา ไม่ว่าข้อเสนอจะดีหรือน่ากลัวแค่ไหน
- ไม่คุย วางสายทันที ไม่ต้องเสียเวลาให้เหตุผลหรือโต้เถียง
- ไม่ให้ข้อมูล ห้ามให้ข้อมูลส่วนตัว, เลขบัตรประชาชน, รหัสผ่าน หรือรหัส OTP เด็ดขาด
- ไม่โอน ไม่ว่ากรณีใดๆ เจ้าหน้าที่รัฐที่แท้จริงจะไม่มีการให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบหรือเคลียร์คดีความผ่านโทรศัพท์
หากพลาดพลั้งตกเป็นเหยื่อ หลอกลวงออนไลน์ สิ่งที่ต้องทำคือรวบรวมหลักฐานทั้งหมดแล้วรีบติดต่อสายด่วนตำรวจไซเบอร์ 1441 หรือ แจ้งความออนไลน์หลอกโอนเงิน ผ่านเว็บไซต์ thaipoliceonline.com โดยเร็วที่สุด
บทสรุป สงครามที่ยังไม่จบสิ้น
การย้ายฐานของ แก๊งคอลเซ็นเตอร์กัมพูชา ไปยังชายแดนเวียดนาม คือเครื่องยืนยันว่าสงครามกับอาชญากรรมไซเบอร์ยังคงอีกยาวไกลและซับซ้อน ปฏิบัติการกวาดล้างเพียงอย่างเดียวเปรียบเสมือนการตัดหัวไฮดรา ซึ่งไม่นานหัวใหม่ก็จะงอกขึ้นมาในที่ที่คาดไม่ถึง
ทางออกที่ยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระดับภูมิภาคที่เข้มแข็งและจริงจังกว่าที่เคยเป็นมาในการอุดช่องโหว่ตามแนวชายแดนและเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ แต่ในระหว่างนั้น เกราะป้องกันที่ดีที่สุดคือตัวของเราเอง การสร้างความตระหนักรู้และแบ่งปันข้อมูลเตือนภัยในสังคม คือ “วัคซีน” ที่ดีที่สุดที่จะช่วยปกป้องเงินในกระเป๋าและชีวิตของคนที่เรารักจากเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่ไร้ความปรานีเหล่านี้
แหล่งที่มาจาก : am2con