ทางการจีนออกประกาศเตือนภัยล่วงหน้า คาดการณ์ว่าจะมีพายุไต้ฝุ่น 2-3 ลูกพัดขึ้นฝั่งทางตอนใต้ของประเทศในเดือนสิงหาคมนี้ ข่าวดังกล่าวไม่ใช่แค่เรื่องไกลตัว แต่เป็นสัญญาณที่ “กรมอุตุนิยมวิทยา” ของไทยและประชาชน โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะ “ฝนตกหนัก” ระลอกใหม่ที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณน้ำในเขื่อนและพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมของประเทศไทย บทความนี้จะพาไปวิเคราะห์กลไกทางสภาพอากาศที่เชื่อมโยงกัน และประเมินสถานการณ์ว่าเราพร้อมรับมือกับมวลน้ำที่อาจจะมาถึงมากน้อยเพียงใด
จีนเตรียมรับมือ เจาะลึกพยากรณ์อากาศล่าสุด
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของจีน (CMA) ได้เปิดเผย พยากรณ์อากาศจีน ประจำเดือนสิงหาคม 2568 โดยระบุว่าเดือนนี้เป็นช่วงที่มีกิจกรรมของพายุหมุนเขตร้อนหนาแน่นที่สุดช่วงหนึ่งของปี และคาดการณ์ว่า
- จำนวนพายุ จะมีพายุหมุนเขตร้อนก่อตัวขึ้นในทะเลจีนใต้และมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกประมาณ 4-6 ลูก
- พายุขึ้นฝั่ง ในจำนวนนี้ คาดว่าจะมี 2-3 ลูกที่จะพัฒนาความรุนแรงขึ้นเป็น พายุโซนร้อน หรือ พายุไต้ฝุ่น และมีแนวโน้มเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งทางตอนใต้ของจีน โดยเฉพาะในมณฑลกวางตุ้ง, ฝูเจี้ยน และเจ้อเจียง
- ความรุนแรง พายุเหล่านี้จะนำมาซึ่งลมกระโชกแรงและฝนตกหนักมากในพื้นที่ที่พายุเคลื่อนผ่าน ซึ่งทางการจีนได้สั่งการให้หน่วยงานท้องถิ่นเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยและดินโคลนถล่มแล้ว
การคาดการณ์นี้ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ประเทศในภูมิภาคสามารถประเมินแนวโน้มสภาพอากาศในระยะต่อไปได้
“เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” ไต้ฝุ่นในจีน เกี่ยวอะไรกับฝนในไทย?
หลายคนอาจสงสัยว่า ไต้ฝุ่นจะเข้าไทยไหม 2568? โดยตรงนั้นมีโอกาสน้อยมาก เพราะประเทศไทยมีแนวเทือกเขาในเวียดนามและลาวเป็นกำแพงธรรมชาติคอยสกัดกั้นพายุ แต่ ผลกระทบต่อประเทศไทย นั้นเกิดขึ้นในทางอ้อมผ่านกลไกที่ซับซ้อนและทรงพลังของบรรยากาศ
1. รู้จัก “ร่องมรสุม” ตัวแปรสำคัญของฤดูฝน
ในช่วงเดือนสิงหาคม ร่องมรสุม (Monsoon Trough) หรือร่องความกดอากาศต่ำ จะพาดผ่านบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยอย่างต่อเนื่อง ร่องมรสุมนี้เปรียบเสมือน “แม่เหล็ก” ที่ดึงดูดความชื้นจากทะเลอันดามันและอ่าวไทยเข้ามา ทำให้บริเวณที่ร่องมรสุมพาดผ่านมีเมฆมากและฝนตกชุกเป็นปกติอยู่แล้ว
2. กลไก “เหนี่ยวนำ” ของพายุ
เมื่อมีพายุไต้ฝุ่นก่อตัวขึ้นใน ทะเลจีนใต้ และเคลื่อนตัวเข้าหาเวียดนามหรือจีน พายุซึ่งเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง จะทำหน้าที่เหมือน “เครื่องดูดฝุ่นขนาดยักษ์” โดยจะดึงเอามรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยให้มีกำลังแรงขึ้น และในขณะเดียวกันก็จะ “ลาก” หรือ “เหนี่ยวนำ” ให้ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้นและแผ่ลงมาปกคลุมหนาแน่นยิ่งขึ้น
ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ
- ฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำโดยตรงจากอิทธิพลของร่องมรสุม จะมีฝนตกต่อเนื่องและรุนแรงกว่าปกติ
- พายุดีเปรสชัน หากพายุไต้ฝุ่นสลายตัวเมื่อขึ้นฝั่งเวียดนามหรือลาว เศษซากของพายุอาจเคลื่อนตัวต่อมาในลักษณะของ พายุดีเปรสชัน เข้ามาปกคลุมภาคอีสานและภาคเหนือของไทย ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกเป็นบริเวณกว้าง
ดังนั้น การคาดการณ์ พายุไต้ฝุ่นเดือนสิงหาคม ของจีน จึงเป็นเหมือน “สัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า” ให้กับประเทศไทยนั่นเอง
ประเมินสถานการณ์ในไทย ความเสี่ยงและพื้นที่ต้องเฝ้าระวัง
จากแนวโน้มดังกล่าว กรมอุตุนิยมวิทยา ของไทยได้ออกประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนตกหนักที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงครึ่งหลังของเดือนสิงหาคม
ภาคเหนือและอีสาน เป้าหมายหลักของฝนระลอกใหม่
- พื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด จังหวัดที่อยู่ติดกับแม่น้ำโขง เช่น เชียงราย, เลย, หนองคาย, บึงกาฬ, นครพนม, มุกดาหาร และอุบลราชธานี รวมถึงจังหวัดในภาคเหนือตอนบนและภาคอีสานตอนบนทั้งหมด
- ความเสี่ยง เสี่ยงต่อน้ำท่วมฉับพลัน, น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่ลาดเชิงเขา
เช็คระดับน้ำในเขื่อน เรามี “แก้มลิง” เหลือพอหรือไม่?
ข้อมูลล่าสุดจากกรมชลประทาน (ณ วันที่ 15 ส.ค. 2568) ระบุว่าเขื่อนขนาดใหญ่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายแห่งยังมีปริมาตรน้ำ “พร่อง” อยู่พอสมควร เพื่อเตรียมรองรับน้ำฝนในฤดู
- เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำใช้การ 55%
- เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำใช้การ 62%
- เขื่อนหลักในภาคอีสาน มีปริมาณน้ำใช้การเฉลี่ย 50-60%
แม้จะยังมีความสามารถในการรับน้ำ แต่หากเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องยาวนานเกิน 5-7 วัน ก็อาจทำให้ระดับน้ำในเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและจำเป็นต้องมีการวางแผนบริหารจัดการน้ำอย่างรัดกุม
การเตรียมพร้อมรับมือ จากภาครัฐถึงประชาชน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้สั่งการให้ศูนย์ ปภ. เขต และสำนักงาน ปภ. จังหวัดในพื้นที่เสี่ยง ดำเนินการดังนี้
- ติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า
- เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร เครื่องจักร และอุปกรณ์กู้ภัย
- ตรวจสอบความแข็งแรงของอ่างเก็บน้ำและพนังกั้นน้ำ
- ประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อเตรียมแผนอพยพหากจำเป็น
สำหรับประชาชนทั่วไป นี่คือ วิธีเตรียมตัวรับมือน้ำท่วม
- ติดตามข่าวสาร รับฟังพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด
- เตรียมของจำเป็น ขนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูง เตรียม “ถุงยังชีพฉุกเฉิน” ที่มีอาหารแห้ง, น้ำดื่ม, ยารักษาโรค และไฟฉาย
- ตรวจสอบบ้านเรือน ทำความสะอาดท่อระบายน้ำ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ
- เกษตรกร ควรวางแผนเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ก่อนกำหนด เพื่อลดความเสียหาย
บทสรุป ไม่ตื่นตระหนก แต่ต้องไม่ประมาท
การคาดการณ์ พายุไต้ฝุ่นเดือนสิงหาคม ของจีน ถือเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการวางแผนรับมือสถานการณ์น้ำของประเทศไทย มันมอบ “ช่วงเวลาทอง” ให้เราได้เตรียมความพร้อมก่อนที่ภัยจะมาถึง
แม้เส้นทางพายุไต้ฝุ่นล่าสุดจะยังไม่ปรากฏชัดเจน และความรุนแรงของผลกระทบจะขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายอย่าง แต่กลไกทางธรรมชาติที่เชื่อมโยงกันนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอน นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ทุกภาคส่วน ตั้งแต่ภาครัฐไปจนถึงประชาชนทุกคน จะต้องทำงานร่วมกัน เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมืออย่างเป็นระบบ เพื่อเปลี่ยน “วิกฤต” ที่อาจเกิดขึ้น ให้กลายเป็นเพียง “สถานการณ์” ที่เราสามารถบริหารจัดการและก้าวผ่านไปได้อย่างปลอดภัย
แหล่งที่มาจาก : am2con