สุดสลด! “เรือล่มแอมะซอน” กลางดึก สังเวยแล้ว 12 ศพ ผู้สูญหายอีกนับสิบ เปิดปมซ้ำซาก “เรือโดยสารผุพัง” กับความเสี่ยงที่ถูกเมินเฉย

เรือล่มแอมะซอน

(MANAUS, Brazil) — ความหวังในการเดินทางกลับบ้านในช่วงเทศกาลต้องมลายหายไปกับสายน้ำเชี่ยวกรากของแม่น้ำแอมะซอน เมื่อ เรือล่มแอมะซอน ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารเต็มลำถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าอย่างจังจนพลิกคว่ำกลางแม่น้ำ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในคืนวันอังคารที่ผ่านมา ใกล้กับเมืองมาเนาส์ (Manaus) ศูนย์กลางของรัฐอามาโซนัส ประเทศบราซิล เจ้าหน้าที่ยืนยันยอดผู้เสียชีวิตเบื้องต้นแล้วอย่างน้อย 12 ราย และกำลังเร่งค้นหาผู้สูญหายอีกเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงปัญหาเรื้อรังด้านความปลอดภัยของการขนส่งทางน้ำ ซึ่งเป็นเส้นเลือดหลักของภูมิภาคนี้

12 dead, dozens missing as landslide submerges boats in Peru port

ภารกิจแข่งกับเวลา การค้นหาในผืนน้ำที่อันตราย

อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีการจราจรทางน้ำหนาแน่น แต่เนื่องจากเรือล่มในเวลากลางคืนและห่างไกลจากจุดสังเกต ทำให้การแจ้งเหตุเป็นไปอย่างล่าช้า หน่วยยามฝั่งบราซิล (Brazilian Navy) และหน่วยดับเพลิงท้องถิ่นได้ระดมทีมกู้ภัยเข้าสู่พื้นที่ทันที พร้อมด้วยเรือลาดตระเวนและเฮลิคอปเตอร์

อุปสรรคสำคัญในการกู้ภัย

  • กระแสน้ำเชี่ยว ช่วงเวลานี้ของปีเป็นช่วงน้ำหลาก ทำให้กระแสน้ำในแม่น้ำแอมะซอนมีความเชี่ยวกรากและเป็นอันตรายสูง
  • ความมืดและสัตว์ร้าย การค้นหาในเวลากลางคืนต้องแข่งกับความมืดมิด และความเสี่ยงจากสัตว์ป่าในแม่น้ำ ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อทั้งผู้รอดชีวิตและเจ้าหน้าที่กู้ภัย
  • ความไม่แน่นอนของผู้โดยสาร ไม่มีบัญชีผู้โดยสารที่แน่ชัด เนื่องจากเรือเหล่านี้มักรับผู้โดยสารเกินพิกัดและไม่มีการลงทะเบียนอย่างเป็นระบบ ทำให้การประเมินจำนวนผู้สูญหายจริงทำได้ยาก

มานูเอล ดา ซิลวา เจ้าหน้าที่กู้ภัยอาวุโสกล่าวว่า “เรากำลังพยายามอย่างเต็มที่ แต่ผืนน้ำแห่งนี้กว้างใหญ่และไม่มีปรานี ผู้ที่รอดชีวิตส่วนใหญ่คือผู้ที่ว่ายน้ำได้ และสามารถคว้าเศษซากเรือไว้ได้ทันที… จำนวนผู้สูญหายที่แท้จริงอาจสูงกว่าที่รายงานเบื้องต้น”

โศกนาฏกรรมซ้ำซาก เรือโดยสารกับความเสี่ยงที่ไม่ถูกแก้ไข

โศกนาฏกรรม เรือล่มแอมะซอน สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบขนส่งทางน้ำในบราซิลและเปรู ที่พึ่งพาเรือโดยสารเก่าแก่ที่ใช้ในการสัญจรระหว่างเมืองใหญ่กับชุมชนห่างไกลอย่างสูง

สาเหตุที่นำไปสู่ภัยพิบัติซ้ำซ้อน

  1. การบรรทุกเกินพิกัด ผู้ประกอบการมักบรรทุกผู้โดยสารและสินค้าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเพื่อทำกำไรสูงสุด
  2. เรือเก่าและขาดการบำรุงรักษา เรือหลายลำมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 40 ปี และการตรวจสอบสภาพเรือโดยรัฐบาลกลางมีความหละหลวม
  3. สภาพอากาศสุดขั้ว การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองที่รุนแรงขึ้นและคาดเดาไม่ได้ ทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่กลางแม่น้ำ ซึ่งเรือเก่าที่บรรทุกหนักไม่สามารถต้านทานได้

At least 12 dead, over 20 missing after boats capsize in Peru - Minute  Mirror

ราคาที่ผู้ยากไร้ต้องจ่าย

อุบัติเหตุ เรือล่มแอมะซอน เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเป็นพิเศษในมิติของมนุษยธรรม ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชนพื้นเมือง พ่อค้าแม่ค้า และแรงงานที่มีรายได้น้อย ซึ่งไม่มีทางเลือกอื่นในการเดินทางนอกจากบริการเรือโดยสารราคาถูกเหล่านี้ ซึ่งมักจะเป็น “เรือมรณะ” ที่ไร้มาตรฐานความปลอดภัย

ดร. เอเลน่า ปินโต นักสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยริโอ กล่าวว่า “ในขณะที่ผู้มีฐานะสามารถเดินทางด้วยเครื่องบินหรือเรือสำราญที่ทันสมัย แต่ประชาชนในแอมะซอนต้องเสี่ยงชีวิตทุกวันกับเรือที่ไม่ปลอดภัย ภัยพิบัติครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่ความผิดพลาดของมนุษย์ แต่เป็นการฆาตกรรมทางสังคม (Social Murder) ที่เกิดจากการละเลยของหน่วยงานกำกับดูแลที่ปล่อยให้ธุรกิจขนส่งทางน้ำเอาเปรียบประชาชนผู้ยากไร้”

รัฐบาลบราซิลเคยให้คำมั่นว่าจะปฏิรูปกฎหมายความปลอดภัยทางทะเลและทางน้ำหลายครั้งหลังเกิดอุบัติเหตุใหญ่ในอดีต แต่การบังคับใช้ในพื้นที่ห่างไกลยังคงเป็นปัญหาใหญ่ เนื่องจากอิทธิพลของกลุ่มธุรกิจท้องถิ่นและความขาดแคลนงบประมาณในการกำกับดูแล

Indonesia: 11 killed, 6 missing as boats capsize

บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต

ขณะที่ความโศกเศร้ายังคงปกคลุมเมืองมาเนาส์และชุมชนริมน้ำ เรือล่มแอมะซอน ครั้งนี้ได้กลายเป็นการเรียกร้องครั้งสุดท้ายจากผู้เสียชีวิตให้รัฐบาลหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนในระบบขนส่งทางน้ำที่ปลอดภัยและมีมาตรฐานสำหรับประชาชนทุกคน

หากไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง โศกนาฏกรรมเช่นนี้จะยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในแม่น้ำแอมะซอน และคงไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่า “เส้นทางชีวิต” ที่หล่อเลี้ยงภูมิภาคนี้ จะไม่กลายเป็น “สุสาน” สำหรับผู้คนที่ยากจนที่สุดในบราซิล

แหล่งที่มาจาก : am2con