วอชิงตัน ดี.ซี. / คาราคัส – อุณหภูมิความขัดแย้งในทะเลแคริบเบียนเดือดระอุขึ้นทันที เมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์ด่วนผ่านโซเชียลมีเดีย ยืนยันความสำเร็จของปฏิบัติการลับในการเข้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ (VLCC) ที่พยายามลักลอบขนส่งน้ำมันดิบออกจากน่านน้ำเวเนซุเอลา โดยระบุว่านี่คือการยึดทรัพย์สินที่ละเมิด มาตรการคว่ำบาตร ครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้ มูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่สั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล นิโคลัส มาดูโร แต่ยังส่งแรงกระเพื่อมไปยังตลาดพลังงานทั่วโลก ท่ามกลางความกังวลว่าสหรัฐฯ กำลังยกระดับนโยบายต่างประเทศสู่ “ความแข็งกร้าวขั้นสูงสุด” อีกครั้ง
ปฏิบัติการสายฟ้าแลบ เบื้องหลังการยึดกลางทะเล
แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) และหน่วยงานความมั่นคงมาตุภูมิ (Homeland Security) เปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกว่า ปฏิบัติการ สหรัฐฯ ยึดเรือบรรทุกน้ำมัน ครั้งนี้ เกิดขึ้นห่างจากชายฝั่งเวเนซุเอลาเพียงไม่กี่ไมล์ทะเล ในน่านน้ำสากล
เรือลำดังกล่าว ซึ่งถูกระบุในเบื้องต้นว่าเป็นเรือสัญชาติต่างประเทศที่ใช้ธงอำพราง (Flag of Convenience) ถูกดักสกัดโดยเรือของหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ (US Coast Guard) ภายใต้การสนับสนุนข้อมูลข่าวกรองที่ระบุว่า สินค้าบนเรือคือน้ำมันดิบเกรดหนักจากบริษัทน้ำมันแห่งชาติเวเนซุเอลา (PDVSA) ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเอเชีย โดยมีการปลอมแปลงเอกสารและปิดสัญญาณติดตามเรือ (AIS) เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ
“เราจับตาดูเรือลำนี้มานานหลายสัปดาห์ มันคือส่วนหนึ่งของ ‘กองเรือเงา’ ที่พยายามขโมยทรัพยากรของประชาชนเวเนซุเอลาไปขายเพื่อหล่อเลี้ยงระบอบเผด็จการ วันนี้เรานำมันกลับมาอยู่ภายใต้กฎหมาย” – โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุในแถลงการณ์ พร้อมย้ำว่าน้ำมันของกลางจะถูกนำไปขายทอดตลาดเพื่อนำเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือเหยื่อจากการก่อการร้าย
ยุทธศาสตร์ “Maximum Pressure 2.0” เป้าหมายที่แท้จริง
นักวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ความมั่นคงมองว่า การเคลื่อนไหวของทรัมป์ในครั้งนี้ มีนัยยะที่ลึกซึ้งกว่าการปราบปรามการค้าของเถื่อน
- ตัดท่อน้ำเลี้ยงระบอบมาดูโร เศรษฐกิจของเวเนซุเอลายังคงพึ่งพาการส่งออกน้ำมันเป็นหลัก การยึดเรือขนาด VLCC ซึ่งบรรทุกน้ำมันได้ถึง 2 ล้านบาร์เรล คือการสูญเสียรายได้มหาศาลที่รัฐบาลคาราคัสต้องการนำมาพยุงสถานะทางการเงิน
- เตือนพันธมิตรลับ รายงานข่าวกรองระบุว่า ปลายทางของน้ำมันล็อตนี้อาจเป็นโรงกลั่นอิสระในจีน หรือเป็นการแลกเปลี่ยนทรัพยากรกับอิหร่าน การยึดเรือจึงเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังปักกิ่งและเตหะรานว่า สหรัฐฯ พร้อมจะใช้อำนาจทางทะเลสกัดกั้นทุกเส้นทาง
- ผลทางการเมืองในสหรัฐฯ ทรัมป์ใช้ผลงานนี้ในการตอกย้ำนโยบาย “America First” และแสดงความเข้มแข็งในการจัดการกับรัฐบาลที่เป็นปรปักษ์ ซึ่งเรียกคะแนนนิยมจากฐานเสียงสายอนุรักษ์นิยมได้อย่างดี

ปฏิกิริยาเดือดจาก “คาราคัส” สู่เวทีโลก
ทันทีที่มีข่าวการยึดเรือ รัฐบาลเวเนซุเอลา โดยประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร ได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของสหรัฐฯ ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ โดยเรียกปฏิบัติการนี้ว่า “การโจรสลัดยุคใหม่” (Modern-day Piracy)
“จักรวรรดินิยมแยงกี้กำลังปล้นสะดมทรัพย์สินของชาวเวเนซุเอลาอย่างหน้าด้านๆ นี่คือการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและการประกาศสงครามทางเศรษฐกิจที่ไร้มนุษยธรรม” มาดูโรกล่าวด้วยท่าทีขึงขัง พร้อมสั่งระดมกำลังทหารบริเวณชายฝั่งเพื่อป้องกัน “การรุกราน” เพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน พันธมิตรของเวเนซุเอลาอย่างรัสเซียและคิวบา ก็ออกมาแสดงความกังวล โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเตือนว่า การกระทำของสหรัฐฯ อาจนำไปสู่ความตึงเครียดที่ควบคุมไม่ได้ในภูมิภาคแคริบเบียน
ผลกระทบต่อตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลก
แม้ปริมาณน้ำมันบนเรือลำเดียวอาจไม่ทำให้ซัพพลายโลกขาดแคลนทันที แต่ “ผลทางจิตวิทยา” ต่อตลาดนั้นมหาศาล
- ราคาน้ำมันผันผวน ราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในการซื้อขายภาคเช้า เนื่องจากความกังวลว่าสถานการณ์อาจลุกลามไปสู่การปิดกั้นเส้นทางขนส่ง หรือการตอบโต้จากฝ่ายเวเนซุเอลา
- ค่าประกันภัยการขนส่ง บริษัทเดินเรือและบริษัทประกันภัยเริ่มประเมินความเสี่ยงใหม่สำหรับการเดินเรือในน่านน้ำแคริบเบียน ซึ่งอาจส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งพลังงานในภูมิภาคนี้พุ่งสูงขึ้น
ดร. แอนนา เมเยอร์ นักวิเคราะห์พลังงานจากสถาบันวิจัยในลอนดอน ให้ความเห็นว่า “ตลาดไม่ได้กลัวน้ำมันหายไป 2 ล้านบาร์เรล แต่ตลาดกลัวว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการไล่ล่าเรือขนส่งน้ำมันทั่วโลกของสหรัฐฯ ซึ่งจะกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานพลังงานที่เปราะบางอยู่แล้ว”

มุมมองเสริม แรงกระเพื่อมถึงอาเซียนและไทย
สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย แม้จะไม่ได้เป็นคู่กรณีโดยตรง แต่เหตุการณ์ สหรัฐฯ ยึดเรือบรรทุกน้ำมัน นี้อาจส่งผลกระทบทางอ้อมที่น่าจับตามอง
- ต้นทุนพลังงาน หากความตึงเครียดส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกดีดตัวขึ้น ไทยในฐานะผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิจะได้รับผลกระทบต่อต้นทุนเชื้อเพลิงในประเทศ
- การทูต อาเซียนอาจต้องวางตัวลำบากขึ้นในการรักษาสมดุลความสัมพันธ์ หากสหรัฐฯ เรียกร้องให้ชาติสมาชิกเข้มงวดกับการตรวจสอบเรือสินค้าที่มาจากประเทศที่ถูกคว่ำบาตร
บทสรุป เกมวัดใจในน่านน้ำสากล
เหตุการณ์ สหรัฐฯ ยึดเรือบรรทุกน้ำมัน นอกชายฝั่งเวเนซุเอลาครั้งนี้ ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นเพียง “ปฐมบท” ของความขัดแย้งรอบใหม่ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ มันสะท้อนให้เห็นว่า สหรัฐฯ พร้อมที่จะใช้เครื่องมือทุกอย่าง ทั้งทางกฎหมาย การทหาร และเศรษฐกิจ เพื่อบดขยี้ฝ่ายตรงข้าม
คำถามสำคัญต่อไปคือ นิโคลัส มาดูโร จะตอบโต้ด้วยวิธีใด? จะมีการจับกุมพลเมืองอเมริกันในเวเนซุเอลาเพื่อต่อรอง หรือจะหันไปซบมหาอำนาจขั้วตรงข้ามให้เข้ามามีบทบาทในหลังบ้านของสหรัฐฯ มากขึ้น
โลกกำลังจับตามองคาบสมุทรแคริบเบียนด้วยความระทึก เพราะประกายไฟเพียงเล็กน้อยในน่านน้ำแห่งนี้ อาจลุกลามกลายเป็นเพลิงเผาผลาญความมั่นคงทางพลังงานของโลกได้ในพริบตา
แหล่งที่มาจาก : am2con