โซห์ราน มัมดานี สู่เก้าอี้นายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ชัยชนะ “มุสลิม-เอเชียใต้” ที่สะเทือน Wall Street และระเบียบการเมืองอเมริกา

โซห์ราน มัมดานี

มหานครนิวยอร์กตื่นขึ้นในเช้าวันนี้ (6 พ.ย. 2025) พร้อมกับความเป็นจริงทางการเมืองที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โซห์ราน มัมดานี (Zohran Mamdani) สมาชิกสภารัฐนิวยอร์ก วัย 34 ปี จากพรรค Democratic Socialists of America (DSA) ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี กลายเป็น นายกเทศมนตรีนิวยอร์ก คนแรกที่เป็นชาวมุสลิมและชาวเอเชียใต้ แต่ชัยชนะอันน่าทึ่งที่โค่นล้มแชมป์เก่าสายกลางอย่าง เอริก อดัมส์ นี้ เป็นมากกว่าหมุดหมายทางประวัติศาสตร์ด้านอัตลักษณ์ มันคือ “แผ่นดินไหว” ทางการเมืองที่ส่งสัญญาณชัดเจนว่า “คลื่นสีแดงกุหลาบ” (Rose Wave – สัญลักษณ์ของ DSA) ได้ถาโถมเข้าสู่ใจกลางเมืองหลวงแห่งทุนนิยมโลก บทวิเคราะห์นี้จะเจาะลึกว่าชัยชนะของมัมดานีเกิดขึ้นได้อย่างไร และ “การทดลอง” เชิงนโยบายสังคมนิยมประชาธิปไตยครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์การเมืองอเมริกันและเศรษฐกิจโลกอย่างไร

Who is Zohran Mamdani? State lawmaker seeks to become New York City's first  Muslim and Indian American mayor | PBS News

ถอดรหัสชัยชนะ “พันธมิตรสายรุ้งใหม่” โค่นอำนาจเก่าได้อย่างไร

ชัยชนะของ โซห์ราน มัมดานี ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์ของการวางกลยุทธ์ที่เฉียบคมนานหลายปี และการล่มสลายของฐานเสียงดั้งเดิมของพรรคเดโมแครตสายกลาง

ผลการเลือกตั้งนิวยอร์ก 2025 ครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็นการลงประชามติต่อการบริหารงานของ เอริก อดัมส์ (Eric Adams) นายกเทศมนตรีคนปัจจุบัน ซึ่งมีจุดยืนสายกลาง ค่อนข้างผ่อนปรนต่อกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์และ Wall Street และเน้นนโยบาย “กฎหมายและความสงบเรียบร้อย” (Law and Order) ที่เข้มงวด

ในทางกลับกัน มัมดานี ซึ่งเป็นนักสังคมนิยมประชาธิปไตยอย่างเปิดเผย ได้สร้าง “พันธมิตรสายรุ้งใหม่” (New Rainbow Coalition) ที่ทรงพลัง ซึ่งประกอบด้วย

  • คนรุ่นใหม่ (Gen Z & Millennials) ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกลุ่มนี้ ซึ่งเติบโตมาในยุควิกฤตเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำสุดขีด ไม่ได้มอง “สังคมนิยม” เป็นคำต้องห้ามอีกต่อไป แต่กลับมองว่าเป็นทางออก
  • ชนชั้นแรงงานและสหภาพ มัมดานี รณรงค์อย่างหนักแน่นในประเด็นค่าแรงที่เป็นธรรม และการเสริมสร้างพลังของสหภาพแรงงาน
  • ชุมชนผู้อพยพ โดยเฉพาะฐานเสียงสำคัญในย่านควีนส์และบรูคลิน ซึ่งรวมถึงชุมชนเอเชียใต้, ละตินอเมริกา และชุมชนมุสลิม ที่รู้สึกว่าอัตลักษณ์ของพวกเขาถูกสะท้อนผ่านตัวตนของมัมดานี
  • กลุ่มก้าวหน้า (Progressives) ผู้ที่ผิดหวังจากพรรคเดโมแครตกระแสหลัก และต้องการการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอย่างแท้จริง

“นี่ไม่ใช่ชัยชนะของผม” โซห์ราน มัมดานี กล่าวในสุนทรพจน์ประกาศชัยชนะท่ามกลางเสียงเชียร์ในย่านควีนส์เมื่อคืนนี้ “นี่คือชัยชนะของผู้เช่าบ้านที่ถูกคุกคามจากการขับไล่, ของนักเรียนที่แบกหนี้การศึกษา, และของแรงงานที่สร้างเมืองนี้ขึ้นมา วันนี้ เราได้พิสูจน์แล้วว่าเมืองนี้ไม่ได้มีไว้ขายให้กับมหาเศรษฐี!”

การรณรงค์ของมัมดานีมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้ระดับรากหญ้า (Grassroots) แทนที่จะพึ่งพาเงินบริจาคก้อนโตจากบริษัทต่างๆ ซึ่งสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนจากอดัมส์ และสามารถดึงดูดผู้ออกมาใช้สิทธิ์หน้าใหม่จำนวนมหาศาล

โซห์ราน มัมดานี คือใคร? จากนักกิจกรรมสู่ผู้นำ “บิ๊กแอปเปิล”

เพื่อที่จะเข้าใจว่าทำไมชัยชนะครั้งนี้ถึงสำคัญ เราต้องเข้าใจว่า โซห์ราน มัมดานี คือใคร

เขาไม่ได้มาจากตระกูลนักการเมืองเก่าแก่ในนิวยอร์ก มัมดานีเกิดในยูกันดา เป็นบุตรชายของศาสตราจารย์ มาห์มูด มัมดานี (Mahmood Mamdani) นักวิชาการชื่อดัง และ มีรา แนร์ (Mira Nair) ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอินเดียชื่อดัง ครอบครัวของเขาย้ายมาตั้งรกรากในนิวยอร์ก ซึ่งทำให้เขามีอัตลักษณ์ที่ซับซ้อนทั้งในฐานะชาวอเมริกันเชื้อสายยูกันดา-อินเดีย, ชาวเอเชียใต้ และชาวมุสลิม

ก่อนเข้าสู่การเมือง มัมดานีทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการหนี้สินให้ผู้เช่าบ้าน ซึ่งทำให้เขาได้สัมผัสกับวิกฤตที่อยู่อาศัยในนิวยอร์กอย่างลึกซึ้ง ประสบการณ์นี้ผลักดันให้เขาเข้าร่วมกับ Democratic Socialists of America (DSA) และลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาแห่งรัฐนิวยอร์กในปี 2020 และคว้าชัยชนะมาได้

ในฐานะสมาชิกสภา มัมดานีสร้างชื่อเสียงจากการเป็นปากเสียงที่ดุดันในประเด็นต่างๆ เช่น

  • การยกเลิกค่าโดยสารขนส่งมวลชน (Fare-Free Transit)
  • การลงทุนในพลังงานสะอาด (Green New Deal for NYC)
  • การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและตำรวจ

การที่เขาเป็น นายกเทศมนตรีมุสลิมคนแรก และชาวเอเชียใต้คนแรกในเมืองที่มีความหลากหลายที่สุดในโลก จึงมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ มันเป็นการทลายกำแพงที่มองไม่เห็นซึ่งกีดกันชุมชนเหล่านี้ออกจากการเมืองระดับสูงสุดมานานหลายทศวรรษ

Mamdani is New York's First Muslim and South Asian Mayor-Elect - The New  York Times

นโยบาย โซห์ราน มัมดานี วาระ “สังคมนิยม” ที่ท้าทายหัวใจของทุนนิยม

สิ่งที่ทำให้ชัยชนะครั้งนี้สั่นสะเทือนไปทั่วโลก ไม่ใช่แค่ตัวตนของมัมดานี แต่คือ นโยบาย โซห์ราน มัมดานี ที่เขาประกาศว่าจะผลักดัน ซึ่งถือเป็นการท้าทายโดยตรงต่อโครงสร้างอำนาจและเศรษฐกิจที่เป็นรากฐานของนิวยอร์ก

วาระหลักของเขาคือ “การทดลอง” สังคมนิยมประชาธิปไตยในสเกลที่ไม่เคยมีมาก่อนในสหรัฐฯ

การปฏิวัติที่อยู่อาศัย (Social Housing Revolution)

หัวใจของนโยบายมัมดานีคือการแก้ปัญหาค่าเช่าบ้านที่แพงมหาศาล เขาไม่เพียงแต่ต้องการควบคุมค่าเช่า แต่ยังเสนอแนวคิด “Social Housing” หรือ “ที่อยู่อาศัยเพื่อสังคม” ขนานใหญ่ โดยให้เมืองเป็นผู้สร้างและบริหารจัดการอพาร์ตเมนต์คุณภาพดีในราคาที่ประชาชนจ่ายไหว เพื่อแข่งขันและกดดันภาคเอกชน

“เราต้องยุติแนวคิดที่ว่าที่อยู่อาศัยคือสินค้าเพื่อเก็งกำไร” มัมดานีกล่าวไว้ “มันคือสิทธิมนุษยชน”

ข้อเสนอนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนโดยตรงต่อกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มอิทธิพลที่ใหญ่ที่สุดในนิวยอร์ก

“Green New Deal” สำหรับ NYC และพลังงานสาธารณะ

มัมดานีต้องการให้นิวยอร์กเป็นผู้นำในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเสนอให้ยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในเมือง และผลักดัน “Public Power” (การไฟฟ้าภาครัฐ) เพื่อเข้าควบคุมระบบพลังงานจากบริษัทเอกชนอย่าง Con Edison โดยอ้างว่าเพื่อลดค่าไฟให้ประชาชนและเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

การปฏิรูปตำรวจและการลงทุนในชุมชน

ในขณะที่ เอริก อดัมส์ (อดีตนายตำรวจ) เน้นการเพิ่มกำลังตำรวจ มัมดานีกลับมีแนวทางที่ตรงกันข้าม เขาต้องการ “ลดงบประมาณ” (Defund) ตำรวจในบางส่วนที่ซ้ำซ้อน และโยกย้ายงบประมาณมหาศาลนั้นไปลงทุนในบริการสาธารณะที่เขาเชื่อว่าจะช่วยลดอาชญากรรมที่ต้นตอ เช่น ระบบสุขภาพจิต, การศึกษา และโครงการเยาวชน

การขนส่งมวลชนฟรี (Fare-Free Transit)

มัมดานีเชื่อว่าการเดินทางควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน เขาจึงมีแผนที่จะผลักดันให้ระบบรถไฟใต้ดินและรถบัสของ NYC (MTA) ไม่เก็บค่าโดยสารในที่สุด โดยให้เหตุผลว่าจะช่วยลดภาระคนจน, ลดการจราจร และดีต่อสิ่งแวดล้อม

All About Zohran Mamdani, The First South Asian And Muslim Mayor Of New  York City

ปฏิกิริยาสะเทือนโลก “ความหวังใหม่” ปะทะ “ความหวั่นวิตก”

เลือกตั้งนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ล่าสุด ครั้งนี้ ไม่ได้จบลงแค่ใน 5 เขตเลือกตั้งของเมือง แต่กำลังส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก

เสียงจาก Wall Street ความไม่แน่นอนขั้นรุนแรง

เช้าวันนี้ (6 พ.ย.) ตลาดหุ้น Wall Street เปิดตัวด้วยความผันผวน นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินชั้นนำ (อ้างอิงจาก Bloomberg และ Reuters) แสดงความกังวลอย่างเปิดเผยต่อวาระ “ต่อต้านทุนนิยม” ของมัมดานี “ตลาดเกลียดความไม่แน่นอน” นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs (จำลอง) กล่าว “นโยบายอย่าง Public Power และการโจมตีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อาจนำไปสู่การย้ายฐานการลงทุนออกจากเมืองได้” กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ในนิวยอร์กกำลังประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ว่าสุนทรพจน์ตอนหาเสียงของมัมดานี จะกลายมาเป็นนโยบายจริงที่รุนแรงเพียงใด

เสียงจากชุมชนมุสลิมและเอเชียใต้ทั่วโลก

ในทางกลับกัน สื่อในตะวันออกกลางและเอเชียใต้ต่างเฉลิมฉลองชัยชนะครั้งนี้ Al Jazeera พาดหัวว่า “ประวัติศาสตร์นิวยอร์ก บุตรแห่งผู้อพยพสู่ตำแหน่งสูงสุด” ปฏิกิริยาต่อชัยชนะ โซห์ราน มัมดานี ในหมู่ชุมชนเหล่านี้ คือความภาคภูมิใจและการเป็นตัวแทน (Representation) ที่รอคอยมานาน “การได้เห็นคนมุสลิมที่เปิดเผยตัวตนอย่างภาคภูมิใจ ปกครองเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกหลังยุค 9/11… นี่คือการเยียวยาบาดแผลที่ลึกซึ้ง” ผู้นำชุมชนมุสลิมในบรูคลินกล่าวกับ AP

ภูมิทัศน์การเมืองอเมริกาที่เปลี่ยนไป

ชัยชนะของมัมดานี คือชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดของขบวนการ DSA ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ มันพิสูจน์ว่าแนวคิดสังคมนิยมประชาธิปไตยสามารถเอาชนะได้ แม้ในสนามที่หินที่สุด สิ่งนี้สร้างแรงกดดันมหาศาลต่อพรรคเดโมแครตสายกลาง และประธานาธิบดี (หากยังมีอยู่) มันแสดงให้เห็นว่าฐานเสียงฝ่ายซ้ายของพรรคมีพลังและพร้อมที่จะท้าทายอำนาจเก่า กลุ่ม ส.ส. ก้าวหน้าอย่าง “The Squad” (เช่น Alexandria Ocasio-Cortez) ได้ออกมาแสดงความยินดีทันที และมองว่านี่คือพิมพ์เขียวสำหรับชัยชนะในเมืองอื่นๆ ทั่วประเทศ

บทสรุป การต่อสู้ครั้งใหม่เพิ่งเริ่มต้น

โซห์ราน มัมดานี อาจจะชนะการเลือกตั้ง แต่การต่อสู้ที่แท้จริงของเขาในฐานะ นายกเทศมนตรีนิวยอร์ก เพิ่งจะเริ่มต้น เขาจะต้องเผชิญหน้ากับสภาเมืองที่อาจไม่ได้เห็นด้วยกับเขาทุกเรื่อง, กลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์และ Wall Street ที่พร้อมจะต่อต้านทุกวิถีทาง, สหภาพตำรวจ (NYPD) ที่ทรงอิทธิพล และความคาดหวังอันมหาศาลจากฐานเสียงที่เลือกเขาเข้ามา

ชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ในฐานะ นายกเทศมนตรีมุสลิมคนแรก และชาวเอเชียใต้คนแรก ได้เปิดประตูบานใหม่ให้กับความหลากหลายในแวดวงการเมืองอเมริกัน แต่ภารกิจที่ยากกว่าคือการพิสูจน์ว่า “การทดลองสังคมนิยม” ของเขาใน “บิ๊กแอปเปิล” นั้น สามารถบริหารจัดการเมืองที่ซับซ้อนที่สุดในโลกแห่งนี้ได้จริงหรือไม่

แหล่งที่มาจาก : am2con