ทะเลสีเลือดรับฤดูร้อน “ฉลามทำร้ายนักท่องเที่ยวเสียชีวิต” ที่นิวเซาธ์เวลส์ แฟนหนุ่มสาหัสหลังโดดช่วย เปิดปมวิกฤตความปลอดภัยน่านน้ำออสซี

ฉลามทำร้ายนักท่องเที่ยวเสียชีวิต

[ซิดนีย์/พอร์ตแมคควารี] – เช้าวันอาทิตย์ที่สดใสซึ่งควรจะเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูร้อนอันแสนสุขในรัฐนิวเซาธ์เวลส์ (NSW) กลับกลายเป็นฝันร้ายที่ชาวออสเตรเลียและนักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องจดจำ เมื่อเกิดเหตุโศกนาฏกรรม ฉลามทำร้ายนักท่องเที่ยวเสียชีวิต อย่างโหดร้ายต่อหน้าต่อตาผู้คนบนชายหาด เหตุการณ์นี้ไม่เพียงพรากชีวิตหญิงสาววัยรุ่นไปก่อนวัยอันควร แต่ยังส่งแฟนหนุ่มของเธอเข้าสู่ห้องไอซียูด้วยอาการสาหัสจากการพยายามเข้าช่วยเหลือเยี่ยงวีรบุรุษ

Woman saved from shark attack by friend who kept punching it | World News |  Sky News

นาทีสังหารกลางเกลียวคลื่น

เหตุการณ์ระทึกขวัญเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (เร็วกว่าไทย 4 ชั่วโมง) บริเวณหาดเชลลี (Shelly Beach) ใกล้กับเมืองพอร์ตแมคควารี แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมทางตอนเหนือของซิดนีย์

พยานผู้เห็นเหตุการณ์หลายรายเล่าด้วยความตื่นตระหนกว่า ขณะที่ “เอมิลี่” (นามสมมติ) นักท่องเที่ยวสาวชาวออสเตรเลียวัย 28 ปี กำลังเล่นน้ำอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 50 เมตร จู่ๆ น้ำทะเลรอบตัวเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของครีบหลังขนาดมหึมาที่คาดว่าเป็น “ฉลามขาว” (Great White Shark) ขนาดความยาวกว่า 3 เมตร

“มันเกิดขึ้นเร็วมาก เธอถูกกระชากลงไปใต้น้ำ แล้วแฟนหนุ่มของเธอก็ว่ายน้ำเข้าไปหาฉลามตัวนั้นโดยไม่คิดชีวิต” จอห์น มิลเลอร์ นักเล่นเซิร์ฟท้องถิ่นที่เห็นเหตุการณ์กล่าวกับสื่อท้องถิ่น “เขาพยายามชกไปที่หัวของมันเพื่อช่วยเธอ แต่มันหันกลับมาเล่นงานเขาแทน”

หน่วยกู้ชีพทางทะเล (Surf Life Saving NSW) ได้นำเจ็ตสกีเข้ากู้ภัยและสามารถนำตัวทั้งคู่ออกมาจากวงล้อมมรณะได้ แต่ปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดขึ้นกับฝ่ายหญิง เธอเสียชีวิตในที่เกิดเหตุจากบาดแผลฉกรรจ์ที่ขาและลำตัว ส่วนฝ่ายชายได้รับบาดเจ็บสาหัสที่แขนและหน้าอก ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพอร์ตแมคควารี เบื้องต้นอาการยังวิกฤตแต่ทรงตัว

ทำไมต้องตอนนี้?  วิทยาศาสตร์เบื้องหลังความดุร้าย

โศกนาฏกรรม ฉลามทำร้ายนักท่องเที่ยวเสียชีวิต ครั้งนี้ สร้างคำถามตัวโตให้กับสังคมออสเตรเลียว่า “ทำไม?”

ดร. วาเนสซ่า ปิรอตตา นักชีววิทยาทางทะเลจากมหาวิทยาลัยแมคควารี ให้ข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจว่า เหตุการณ์นี้อาจมีความเชื่อมโยงกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง

  1. อุณหภูมิน้ำที่เปลี่ยนไป ปี 2025 เป็นปีที่กระแสน้ำอุ่นเลียบชายฝั่งตะวันออก (East Australian Current) มีกำลังแรงขึ้น ดึงดูดฝูงปลาเหยื่อ (Baitfish) เข้ามาใกล้ชายฝั่งมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นการเชื้อเชิญนักล่าอย่างฉลามขาวให้ตามเข้ามาในโซนว่ายน้ำของมนุษย์
  2. ความขุ่นของน้ำ ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่นิวเซาธ์เวลส์เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้น้ำทะเลบริเวณปากแม่น้ำขุ่นมัว ซึ่งเป็นสภาวะที่ฉลามนักล่าชอบใช้ในการซุ่มโจมตี เนื่องจากทัศนวิสัยที่แย่ทำให้พวกมันแยกแยะระหว่าง “แมวน้ำ” กับ “มนุษย์” ได้ยากขึ้น (Mistaken Identity Theory)

“เราไม่ได้เห็นความก้าวร้าวที่เพิ่มขึ้นของฉลาม แต่เรากำลังเห็นการซ้อนทับกันของพื้นที่หากินของฉลามกับพื้นที่นันทนาการของมนุษย์ที่มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน” ดร. ปิรอตตา ย้ำ

Woman killed and man injured in shark attack in New South Wales, Australia  - Yahoo News UK

เทคโนโลยี vs สัญชาตญาณสัตว์ป่า

รัฐบาลรัฐนิวเซาธ์เวลส์ทุ่มงบประมาณกว่า 21 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 480 ล้านบาท) ในโครงการจัดการฉลาม (Shark Management Strategy) ซึ่งถือว่าทันสมัยที่สุดในโลก ประกอบด้วย

  • SMART Drumlines เบ็ดดักฉลามที่แจ้งเตือนผ่านดาวเทียมทันทีเมื่อมีฉลามมาติด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปติดแท็กและลากไปปล่อยไกลฝั่ง
  • โดรนลาดตระเวน ที่บินตรวจจับเงาฉลามด้วย AI
  • แอปพลิเคชัน SharkSmart แจ้งเตือนประชาชนแบบเรียลไทม์

แต่เหตุการณ์ล่าสุดสะท้อนให้เห็น “ช่องโหว่” ของเทคโนโลยี ในวันที่น้ำขุ่นและคลื่นลมแรง โดรนไม่สามารถมองเห็นใต้น้ำได้ชัดเจน และฉลามตัวดังกล่าวไม่ได้ติดแท็กติดตามตัว ทำให้ระบบเตือนภัยล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

กลุ่มนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปอาจสร้าง “ความรู้สึกปลอดภัยปลอมๆ” (False Sense of Security) ให้นักท่องเที่ยว ทั้งที่ความจริงแล้ว มหาสมุทรคือถิ่นที่อยู่ของสัตว์ป่าที่ไม่สามารถควบคุมได้ 100%

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจท่องเที่ยวและความตื่นกลัว

ข่าวการเสียชีวิตครั้งนี้เกิดขึ้นในจังหวะที่แย่ที่สุด คือ “วันแรกของฤดูร้อน” (1 ธันวาคม) ซึ่งเป็นช่วงพีคซีซั่นของการท่องเที่ยวชายหาดออสเตรเลีย

สมาคมการท่องเที่ยวรัฐนิวเซาธ์เวลส์แสดงความกังวลว่า ภาพข่าวความรุนแรงอาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากเอเชียและยุโรป ชะลอการเดินทางหรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมทางน้ำ “เราเข้าใจความกลัว แต่มันสำคัญมากที่จะต้องดูสถิติ โอกาสที่จะถูกฉลามกัดยังน้อยกว่าการถูกฟ้าผ่า หรือรถชนระหว่างเดินทางมาหาดหลายพันเท่า” โฆษกสมาคมฯ กล่าวพยายามเรียกความเชื่อมั่น

เจ้าหน้าที่ได้สั่งปิดหาดเชลลีและหาดใกล้เคียงเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง เพื่อระดมโดรนและเฮลิคอปเตอร์ไล่ล่าฉลามตัวการ ซึ่งตามนโยบายหากพบว่าเป็นฉลามที่มีพฤติกรรมคุกคามมนุษย์ซ้ำซาก อาจมีการพิจารณา “กำจัด” (Cull) ซึ่งเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนและมักถูกต่อต้านจากสังคมโลก

Woman killed, man seriously injured in horror shark attack at Crowdy Bay  National Park | news.com.au — Australia's leading news site for latest  headlines

บทเรียนสำหรับนักท่องเที่ยวไทย

สำหรับคนไทยที่วางแผนจะไปเที่ยวทะเลออสเตรเลียในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่นี้ เหตุการณ์ ฉลามทำร้ายนักท่องเที่ยวเสียชีวิต ให้บทเรียนสำคัญ 3 ประการ

  1. ว่ายน้ำระหว่างธง ว่ายน้ำในบริเวณที่มีไลฟ์การ์ดปักธงแดง-เหลืองเสมอ เพราะเป็นจุดที่มีการเฝ้าระวังสูงสุด
  2. หลีกเลี่ยงช่วงเวลาทไวไลท์ งดลงน้ำในช่วงเช้าตรู่และพลบค่ำ ซึ่งเป็นเวลาล่าเหยื่อของฉลาม
  3. สังเกตสิ่งแวดล้อม หากเห็นฝูงปลาเล็กกระโดดหนีน้ำ หรือเห็นนกทะเลบินวนต่ำเป็นจำนวนมาก ให้รีบขึ้นจากน้ำทันที เพราะนั่นคือสัญญาณว่ามีนักล่าขนาดใหญ่อยู่ใต้น้ำ

บทสรุป ความสูญเสียที่ย้ำเตือนความเคารพต่อธรรมชาติ

เรื่องราวความรักและความกล้าหาญของชายหนุ่มที่พยายามช่วยแฟนสาว เป็นสิ่งที่น่ายกย่องท่ามกลางความโศกเศร้า แต่ในภาพรวมระดับสากล เหตุการณ์ที่นิวเซาธ์เวลส์ครั้งนี้คือกริ่งสัญญาณเตือนว่า มนุษย์เราเป็นเพียงแขกผู้มาเยือนในมหาสมุทร

ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปเพียงใด ธรรมชาติยังคงมีความลับและอันตรายซ่อนอยู่เสมอ การแก้ปัญหาฉลามโจมตีอาจไม่ใช่การกำจัดพวกมันจนหมดสิ้น หรือการขึงตาข่ายกั้นทะเลทั้งมหาสมุทร แต่คือการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันด้วยความระมัดระวัง และเคารพกฎแห่งห่วงโซ่อาหารที่ดำเนินมานับล้านปี

ทีมข่าวขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และหวังว่าเหตุการณ์นี้จะนำไปสู่มาตรการป้องกันที่รัดกุมยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้ทะเลสีครามต้องกลายเป็นทะเลสีเลือดซ้ำรอยอีกครั้ง

แหล่งที่มาจาก : am2con